สหรัฐฯที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยืนยันสะสมลดลงเป็นเวลาหลายเดือน กลับมามีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง และอยู่ในอัตราเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาที่แพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว อัตราการฉีดวัคซีนที่แทบไม่มีความคืบหน้า และการรวมกลุ่มในงานเลี้ยงในวันชาติสหรัฐฯ 4 กรกฎาคม
ข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันเพิ่มขึ้นเป็น 23,600 คนในวันจันทร์ (12 ก.ค.) จากที่อยู่ในระดับ 11,300 คนในวันที่ 23 มิ.ย. โดยรัฐต่าง ๆ ยกเว้นรัฐเมนและเซาท์ดาโคตา มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นพ.บิล พาวเดอร์ลี ผู้อำนวยการแผนกโรคติดเชื้อของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยวอชิงตัน กล่าวว่า การพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นหลังจากวันที่ 4 กรกฎาคมไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน
ในเวลาเดียวกัน พื้นที่บางส่วนของประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนในระดับสูงกลับพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยเป็นไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาที่แพร่ระบาดได้ง่าย ซึ่งนพ.เจมส์ ลอว์เลอร์ จากศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยเนแบรสกาในโอมาฮา แนะนำว่าแม้จะได้รับวัคซีนแล้ว แต่ก็ยังต้องสวมหน้ากากและจำกัดการรวมกลุ่มชุมนุมต่อไป เนื่องจากพื้นที่ที่พบการแพร่ระบาดอีกครั้ง คือพื้นที่ที่ไม่มีการบังคับใช้มาตรการ โดยในระดับประเทศ ร้อยละ 55.6 ของชาวอเมริกันทั้งหมดได้รับการฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง ซึ่งซีดีซีระบุว่า แม้อัตราผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้น แต่ยังห่างไกลจากระดับสูงสุดของประเทศ และการเสียชีวิตโดยเฉลี่ยอยู่ที่ต่ำกว่า 260 ราย จากที่มีจำนวนมากกว่า 3,400 รายในช่วงฤดูหนาว เป็นข้อพิสูจน์ว่าวัคซีนสามารถป้องกันการเกิดอาการรุนแรงและการเสียชีวิตได้ นพ.ลอว์เลอร์ เตือนด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในสหราชอาณาจักรและหลายพื้นที่ทั่วโลกอาจเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา เมื่อสายพันธุ์เดลตากลายมาเป็นสายพันธุ์หลัก ผู้ป่วยหลักในแผนกไอซียูคือผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 30 ปี
...