นักวิจัยจากจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน, แอตร้าเซนเนก้าและมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด กำลังมีการทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์อิสระในยุโรป สหรัฐฯ และแคนาดา เพื่อปรับปรุงวัคซีนโควิด-19 ของพวกเขาให้สามารถลดหรือขจัดความเสี่ยงของการเกิดอาการลิ่มเลือด
โฆษกของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เปิดเผยว่าบริษัทสนับสนุนการวิจัยอย่างต่อเนื่องโดยมีความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และหน่วยงานด้านสุขภาพระดับโลก ส่วนแอสตร้าเซนเนก้า ระบุว่า มีการทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลและชุมชนวิทยาศาสตร์เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นได้ยากนี้ รวมถึงข้อมูลเพื่อประกอบการวินิจฉัย การป้องกันอาการในระยะเริ่มต้น และการรักษาที่เหมาะสม
เมื่อเดือนเมษายน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา หรือเอฟดีเอ และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา หรือซีดีซี ได้เรียกร้องให้หยุดการใช้วัคซีนโควิด-19 ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเป็นการชั่วคราว หลังจากที่พบผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วมีอาการลิ่มเลือดจากนั้นก็ยกเลิกข้อเรียกร้อง หลังจากพิจารณาแล้วว่าวัคซีนมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง
สำหรับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ายังไม่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในสหรัฐอเมริกา แต่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในส่วนอื่น ๆ ของโลก หน่วยงานกำกับดูแลในสหราชอาณาจักรและยุโรปได้แนะนำให้คนหนุ่มสาวที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการลิ่มเลือด ได้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิดอื่น
นอกจากนี้แล้วเมื่อวันจันทร์ (12 ก.ค.) ซีดีซีของสหรัฐฯ ยังได้เพิ่มคำเตือนเกี่ยวกับกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร (Guillain-Barre) หรือความผิดปกติที่ระบบภูมิคุ้มกันโจมตีเส้นประสาท ที่ทำให้กล้ามเนื้อ อัมพาตอ่อนแรงอย่างเฉียบพลันทั้งสองข้าง ซึ่งพบผู้ที่เกิดอาการนี้ประมาณ 100 คนจากจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนประมาณ 12,800,000 คนในสหรัฐอเมริกา ส่วนหน่วยงานกำกับดูแลในยุโรปได้แนะนำคำเตือนที่คล้ายกันว่าวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า อาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรค กิลแลง-บาร์เร
....