พญ.โซเมีย สวามีนาตัน ผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลก(WHO)เตือนไม่ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วโลกใช้วิธีฉีดวัคซีนต่างยี่ห้อปนกัน หรือจับคู่ไขว้กัน ใช้วัคซีนจากต่างบริษัท ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิตไม่เหมือนกัน ระบุว่า เป็นแนวโน้มที่อันตรายโดยเฉพาะผลข้างเคียงในระยะยาว เพราะ WHO ไม่เคยมีข้อมูล ทั้งไม่เคยศึกษาวิจัยเรื่องการฉีดวัคซีนในลักษณะนี้มาก่อน อีกทั้งจะเกิดความสับสนวุ่นวายขึ้นมาในประเทศ ถ้าหากภาครัฐอนุญาตให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะรับวัคซีนเมื่อไหร่ หรือจะเลือกรับวัคซีนยี่ห้อใดในการรับวัคซีนเข็มที่สอง ที่สามหรือเข็มต่อๆไป
ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดของหลายประเทศอยู่ระหว่างพิจารณาว่า คนที่รับวัคซีนเข็มเดียวดังเช่นวัคซีนจากบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ควรจะรับวัคซีนเข็มที่สองจากไฟเซอร์หรือโมเดอร์นาซึ่งผลิตด้วยเทคโนโลยี mRNA เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้นหรือไม่ โดยเหตุผลหนึ่งผู้เชี่ยวชาญอ้างเช่น พวกเขาเห็นว่าวัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นามีประสิทธิภาพการป้องกันเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาสูงกว่าวัคซีนตัวอื่นๆ
ส่วนกรณีที่บริษัทไฟเซอร์อยู่ระหว่างเสนอให้หน่วยงานกำกับกฎระเบียบวัคซีนของสหรัฐฯและยุโรปอนุมัติให้ไฟเซอร์ฉีดวัคซีนเข็มที่สาม เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น พญ.สวามีนาตัน ระบุว่าที่ผ่านมาไม่มีหลักฐานทางการแพทย์เช่นเดียวกันว่าคนที่รับวัคซีนครบสองเข็มแล้วมีความจำเป็นต้องรับวัคซีนเข็มที่สามเพราะเหตุใด
สอดคล้องกับนพ.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ WHO ที่เห็นว่าแทนที่บริษัทวัคซีนต่างๆ เช่น ไฟเซอร์เสนอให้มีการฉีดวัคซีนเข็มที่สาม บริษัทวัคซีนและกลุ่มประเทศที่มีฐานะร่ำรวยควรจะบริจาควัคซีนให้ประเทศที่มีฐานะยากจนทั่วโลกได้ฉีดวัคซีนเข็มแรกเสียก่อน ซึ่งจะเกิดประโยชน์มากกว่าในแง่ของการลดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสเดลตาทั่วโลก
Cr: reuters