ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2564

13 กรกฎาคม 2564, 19:02น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2564



นายกฯ ให้หมอตัดสินใจฉีดวัคซีนสลับชนิด สั่งคุมราคาชุดตรวจโควิดอย่ากระทบปชช.



         รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ยังเป็นอีกครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากที่บ้านพัก เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการกักตัว โดยการประชุม ครม.ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ชี้แจงถึงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19ในภาพรวมทั้งไทยและต่างประเทศ พร้อมทั้งได้มีการนำคลิปวิดีโอของ ดร.สมยา สวามินาธาน (Soumya Swaminathan) หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่พูดถึงการผสมสูตรวัคซีน เพราะยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบด้านสุขภาพ มาเปิดในที่ประชุม

          จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดถึงมติคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติที่ได้แถลงข่าวไปเมื่อวันที่12ก.ค. ที่จะให้มีการฉีดสลับยี่ห้อ จากซิโนแวคเข็ม 1 แล้ว เข็มที่ 2 ให้เป็นแอสตราเซเนกา,ซิโนแวคเข็ม 1 และ2 แล้ว ให้บูสเตอร์เข็ม 3 เป็นแอสตราเซเนกา โดยระบุว่า เรื่องดังกล่าวให้หมอเป็นผู้ตัดสินใจ และนำข้อมูลของWHOมาประกอบการพิจารณาให้ถี่ถ้วน ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวเสริมว่า สำหรับคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติที่เป็นผู้พิจารณาเรื่องนี้ ไม่ได้มีแค่หมอในกระทรวงสาธารณสุข แต่มีหมอจากหลายภาคอยู่ในนั้นด้วย



       นอกจากนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กำชับให้ระวังเฟคนิวส์ เนื่องเกรงว่าจะมีคนนำประเด็นว่าเหตุใดแอสตราเซเนกาจึงไม่รีบจัดส่งวัคซีนให้กับไทยทั้งที่เป็นฐานการผลิตไปทำให้เกิดความเข้าใจผิด โดยนายอนุทินรายงานต่อที่ประชุมว่า แอสตราเซเนกาจะส่งวัคซีนให้ไทยเดือนละ5-6ล้านโดส พร้อมกันนี้นายอนุทินยังได้นำข้อมูลมาเล่าให้ที่ประชุมฟังว่า ขณะนี้โครงการโคแวกซ์ (Covax) มีการสั่งวัคซีนซิโนแวคจำนวน50-60ล้านโดส เพื่อไปบริจาคประเทศต่างๆ ทั่วโลก



         ส่วนเรื่องที่ที่ประชุมใช้เวลาถกกันนานที่สุดคือ การตรวจแบบ แอนติเจน เทสต์ (Rapid Antigen Test) ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งคำถามว่า ทำไมชุดตรวจดังกล่าวราคาจึงแพง ทำอย่างไรจึงจะให้ราคาถูกลง โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ยืนยันว่าไม่ได้มีการจัดเก็บภาษีนำเข้าสำหรับอุปกรณ์ที่นำเข้ามาแก้ปัญหาโควิด-19เลย ขณะที่กระทรวงพาณิชย์แนะนำว่า หากให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) นำเข้ามาเองจะทำให้กำหนดราคาในตลาดได้จะดีหรือไม่

          นายอนุทิน ชี้แจงว่า กระทรวงสาธารณสุขได้มีการอนุมัติให้เอกชนนำเข้าชุดตรวจดังกล่าวอยู่แล้ว สามารถซื้อจากเอกชน24รายได้เลย แต่ตนจะกลับไปดูรายละเอียดว่า อภ.สามารถนำเข้าได้อีกหรือไม่ โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงสาธารณสุขไปดำเนินการเพื่อควบคุมไม่ให้การซื้อชุดตรวจเป็นภาระของประชาชน นอกจากนี้ ยังสั่งการว่า สุดท้ายแล้วหากประชาชนต้องซื้อชุดตรวจมาใช้เอง กระทรวงสาธารณสุขต้องมีข้อแนะนำที่ชัดเจนในการใช้ เพื่อให้ทุกอย่างปลอดภัย

          สำหรับการพิจารณามาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อคดาวน์10จังหวัดนั้ พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ไปดูมาตรการในระยะต่อไปเตรียมเอาไว้ด้วย เพราะหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นจะต้องมีแผนการในระยะต่อไป



"สปสช.-มหิดล"ลุยใช้ "Antigen Test Kit"ตรวจ"โควิด-19"



          หลังจากที่ราชกิจจานุเบกษา ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ให้ประชาชนใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit ตรวจคัดกรองโควิด-19ด้วยตนเองได้

          ศ.ฉัตรเฉลิม อิศรางกูร ณ อยุธยา คณบดีคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึงความร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) ในการตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุกโดยใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit ว่าในวันนี้ได้เพิ่มการตรวจเป็นประมาณ 1,500 ราย และคณะเทคนิคการแพทย์ จะพยายามเพิ่มจำนวนการตรวจให้ได้มากขึ้นอีกในวันต่อ ๆ ไป เพราะขณะนี้ มีประชาชนที่สนใจลงทะเบียนเข้ามาแล้วกว่า 10,000 คน โดย สปสช.จะจัดสรรโควต้าในแต่ละวัน แล้วแจ้งผู้ที่เข้ามาตรวจว่าต้องมาวันไหน เวลาไหน



         สำหรับแคมเปญนี้จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ หรือถึงประมาณปลายเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งคาดหวังว่า หากสามารถตรวจได้เป็นหลักแสนรายต่อวัน ก็น่าจะค้นพบผู้ติดเชื้อและแยกกักตัวในลักษณะ Home Isolation เพื่อให้ง่ายต่อการดูแล ส่วนผู้ที่อาการปานกลาง หรือรุนแรง ก็จะมี 1330 ช่วยจัดหาโรงพยาบาลให้ และน่าจะช่วยให้การระบาดมีแนวโน้มที่ลดลง



         นอกจากนั้น จากอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า บวกกับข้อติดขัดที่ห้องแล็บ หรือโรงพยาบาล ไม่สามารถตรวจให้ประชาชนทั่วไปได้ เพราะเตียงเต็ม ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ว่า จำนวน การตรวจมีแนวโน้มลดลง สวนทางกับจำนวนการติดเชื้อที่มากขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่า ถ้าตรวจกันเต็ม ศักยภาพจริง ๆ น่าจะพบอัตราการติดเชื้อที่สูงขึ้นกว่านี้



สมุทรปราการติดเชื้ออีก 529 คน



         สถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ในจังหวัดสมุทรปราการ  ผู้ป่วยรายใหม่ 529 คน แบ่งเป็นในพื้นที่ 484 คน แยกรายอำเภอ คือ อ.เมือง 246 คน อ.บางบ่อ 11 คน อ.บางพลี 89 คน อ.พระประแดง 73คน อ.พระสมุทรฯ 36 คน อ.บางเสาธง 29 คน และรับมารักษาในจังหวัดสมุทรปราการ 45 คน



อยุธยาพบติดเชื้อ 90 คนเฝ้าระวังคลัสเตอร์โรงงาน-ตลาดสด



          สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประจำวันที่ 13 กรกฎาคม 2564  สรุปผู้ป่วยยืนยันโควิด-19 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบผู้ติดเชื้อ 90 คน  (รายที่ 3640-3729) ดังนี้



1. เป็นผู้สัมผัสผู้ป่วย (จ.พระนครศรีอยุธยา) (53 คน)



2. เป็นผู้สัมผัสผู้ป่วย ต่างจังหวัด (6 คน)



3. มีประวัติเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง (จ.ปทุมธานี จ.สุพรรณบุรี) (3 คน)



4. ทำงานสถานที่เดียวกับผู้ป่วย (สวนอุตสาหกรรมโรจนะ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา) (5 คน)



5. ทำงานสถานที่เดียวกับผู้ป่วย (นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา) (10 คน)



6. ทำงานสถานที่เดียวกับผู้ป่วย (อ.หนองแค จ.สระบุรี) (1 คน)



7. การสอบสวนโรคผู้ติดเชื้อ มีกิจกรรมและเดินทางไปหลายพื้นที่ ซึ่งไม่สามารถระบุชี้ชัดว่า ติดเชื้อจากกิจกรรมหรือพื้นที่ใด (12 คน)



ยอดผู้ติดเชื้อในเรือนจำหายป่วยเพิ่มขึ้น  88 คน



          นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 146 คนรวมมีผู้ต้องขังติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 1,888 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตติดกันเป็นวันที่ 3 มีเรือนจำสีแดงที่พบการระบาด 13 แห่ง โดยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่จากเรือนจำสีแดง 130 คนและพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 16 คน มีผู้ป่วยที่ รักษาหายเพิ่ม 88คน รวมหายสะสม35,552 คน หรือ 94.2% ของผู้ติดเชื้อสะสม 37,761 คน  สำหรับผู้ต้องขังที่ยังรักษาตัวอยู่ เป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว71.8% สีเหลือง 27.78 และสีแดง 0.5% ผู้เสียชีวิตสะสม 47 ราย หรือ 0.19 ของผู้ติดเชื้อสะสม



          สถานการณ์วัคซีนของกรมราชทัณฑ์ ได้รับการจัดสรรรวม 97,044 โดส เป็นการจัดสรรตามแผนจากรมควบคุมโรค จำนวน 80,089 โดส วัคซีนพระราชทาน 6,400 โดส จากแหล่งอื่นและการจัดสรรนอกแผน 10,055 โดส โดยได้ดำเนินการฉีดแก่ผู้ต้องขัง ทั้งเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2ไปแล้ว รวม 71,490 โดส และยังอยู่ระหว่างการเร่งดำเนินการฉีดเพิ่มเติม รวมทั้งการประสานไปยังกรมควบคุมโรค เพื่อขอรับการจัดสรรวัคซีนเพื่อฉีดให้แก่ผู้ต้องขังกลุ่มอื่นๆ จนครอบคลุมทั้งหมดควบคู่กับแผนการฉีดวัคซีนของประชาชนทั่วไป



ลดค่าไฟทั้งประเทศ! 'กระทรวงพลังงาน'แก้ข่าว ไม่ใช่ลดแค่ 10 จังหวัด



          หลังจากที่ประชุม ครม. ได้เผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับมติ ครม. วันที่ 13 ก.ค. 64 เรื่องมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าจากสถานการณ์โควิดนั้น มีความคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าในพื้นที่ 10 จังหวัด ที่ใช้มาตรการควบคุมสูงสุด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ระยะเวลา 2 เดือนนั้น

          กระทรวงพลังงาน ขอเรียนชี้แจงว่า มาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าดังกล่าว“เป็นการช่วยเหลือทุกจังหวัดทั่วประเทศ” ซึ่งโฆษกกระทรวงพลังงานได้ประสานแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว



หุ้นไทยดีดขึ้น 21 จุด รับตัวเลขติดเชื้อเริ่มชะลอตัว –มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ



          ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดวันนี้ที่ระดับ 1,570.99 จุด เพิ่มขึ้น 21.15 จุด  มูลค่าการซื้อขาย 75,222.98 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้เกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ คาดว่าจะตอบรับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศที่แม้จะยังอยู่ในระดับสูง แต่ก็นิ่งมา 2 วันแล้วแสดงให้เห็นว่าไม่เร่งตัวขึ้น อีกทั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังได้อนุมัติมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิดด้วย ทำให้ตลาดบ้านเราปรับตัวขึ้นได้สวนทางตลาดในกลุ่ม TIP ที่ติดลบกัน ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวในแดนบวก ขณะที่ตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้แกว่งไซด์เวย์ในแดนลบเล็กน้อย



          ส่วนนอกประเทศให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่จะออกมาในคืนนี้ ซึ่งตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 4.9% และติดตามถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะแถลงต่อวุฒิสภาในวันที่ 14 ก.ค. และแถลงต่อสภาคองเกรสในวันที่ 15 ก.ค.นี้



          ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวกในวันนี้ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดปรับตัวขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ซบเซาทั่วโลก ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 28,718.24 จุด เพิ่มขึ้น 149.22 จุด



         ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดปรับตัวขึ้นในวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกเมื่อคืนนี้ ขานรับการคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนจะออกมาแข็งแกร่ง ดัชนีฮั่งเส็งปิดที่ 27,963.41 จุด เพิ่มขึ้น 448.17 จุด



มาเลเซียสั่งปิดศูนย์ฉีดวัคซีนในรัฐสลังงอร์ หลังเจ้าหน้าที่ติดเชื้อกว่า 50 %



          นายไครี จามาลุดดิน รัฐมนตรีวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของมาเลเซียเปิดเผยในวันนี้ว่า มาเลเซียได้สั่งปิดศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แห่งหนึ่งในรัฐสลังงอร์ หลังพบว่าเจ้าหน้าที่ราว 50% จากทั้งหมด 453 คน มีผลตรวจเชื้อเป็นบวก นับเป็นครั้งแรกที่มาเลเซียมีคำสั่งปิดศูนย์ฉีดวัคซีนนับตั้งแต่เริ่มระดมฉีดวัคซีนเมื่อเดือนก.พ.



          ทั้งนี้ นายจามาลุดดินยืนยันว่า การปิดศูนย์ดังกล่าวจะไม่ทำให้เกิดความล่าช้าในแผนดำเนินการฉีดวัคซีนของมาเลเซีย



          การเร่งระดมฉีดวัคซีนทำให้รัฐบาลมาเลเซียสามารถผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ในพื้นที่ 8 รัฐได้ ซึ่งช่วยบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจของมาเลเซียที่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์มาตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. หลังมีรายงานยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ทั้งนี้ ประชาชนชาวมาเลเซียราว 30% ได้รับวัคซีนโดสแรกแล้ว ในขณะที่อีก 13% ได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 โดส



อิสราเอลอนุมัติ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดสที่ 3 กลุ่มบุคคลที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ



          สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายนิตซัน โฮโรวิตซ์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ประกาศการดำเนินการข้างต้นเมื่อวันอาทิตย์ (11 ก.ค.) พร้อมเสริมว่ากระทรวงกำลังพิจารณาอนุมัติการฉีดวัคซีนโดสที่ 3 หรือบูสเตอร์โดสให้แก่ประชาชนทั่วไปด้วย ขณะที่ไฟเซอร์ยื่นขออนุมัติการฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดสต่อหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐและยุโรป



         ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอิสราเอลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งมีสาเหตุจากการระบาดของเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา โดยพบผู้ป่วยเพิ่ม  423  คน ในวันอาทิตย์ (11 ก.ค.)



         ปัจจุบันประชาชนในอิสราเอลฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดสที่ 1 ราว 61% จากประชากรทั้งหมด 9.3 ล้านคน และมีผู้ฉีดครบโดสราว 55% โดยส่วนมากฉีดวัคซีนของไฟเซอร์



องค์กรแพทย์อินเดียเตือนโรคโควิด-19 อาจกลับมาระบาดระลอกที่ 3 ถ้าทุกคนการ์ดตก



          หลังอินเดียผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ อนุญาตให้ประชาชนเดินทางได้ทั่วประเทศ มีภาพถ่ายและคลิปวีดีโอทางสื่อสังคมออนไลน์ของอินเดียแสดงให้เห็นนักท่องเที่ยวจำนวนมากพากันไปเที่ยวยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆในอินเดียในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ไม่สวมหน้ากากอนามัย



         สมาคมแพทย์อินเดีย(IMA) องค์กรผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ของอินเดีย เตือนว่า มีความเป็นไปได้ที่โรคโควิด-19 จะกลับมาแพร่ระบาดระลอกที่ 3 ในอินเดีย ถ้าภาครัฐและประชาชนการ์ดตก ไม่ใส่ใจเรื่องมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 เช่น การรวมกลุ่มของคนหมู่มากในสถานที่ท่องเที่ยวและศาสนสถานต่างๆโดยไม่สวมหน้ากากอนามัยและไม่มีการเว้นระยะห่างทางสังคม



         IMA เสนอแนะให้รัฐบาลทบทวนกฎระเบียบการเปิดแหล่งท่องเที่ยวให้รัดกุมยิ่งขึ้น เช่น อนุญาตให้เฉพาะคนที่รับวัคซีนครบแล้วเข้าไปชมสถานท่องเที่ยวต่างๆได้ เพิ่มเติมว่า การอนุญาตให้คนที่ยังไม่รับวัคซีนเข้าไปยังแหล่งท่องเที่ยวและศาสนสถานต่างๆอาจจะเป็นแพร่เชื้อไวรัสให้ระบาดมากขึ้น หรือเป็น superspreader ให้เกิดการระบาดระลอกที่ 3



         IMA ระบุว่าผลจากมาตรการล็อกดาวน์แบบเข้มข้นในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ลดมาอยู่ที่ 40,000 คนต่อวันในปัจจุบัน เทียบกับช่วงที่มีผู้ป่วยมากที่สุดคือ เฉลี่ย 400,000 คนต่อวันในช่วงการระบาดระลอกที่สองในเดือนพฤษภาคม



 



         ในปัจจุบัน ร้อยละ 22 ของประชากรวัยผู้ใหญ่ของอินเดียรับวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งเข็ม ขณะที่กว่าร้อยละ 6 รับวัคซีนครบสองเข็ม

ข่าวทั้งหมด

X