กรมชลประทาน เดินหน้าเก็บกักน้ำให้มากที่สุด หลังฝนตกหลายพื้นที่

12 กรกฎาคม 2564, 15:44น.


          หลังกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์สภาพอากาศ ในช่วงระหว่างวันที่ 12 - 13 ก.ค. 64 ร่องมรสุมที่พาดผ่านบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มีกำลังอ่อนลง ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ยังคงทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในวันที่ 14 – 18 ก.ค. 64 ร่องมรสุมพาดยังคงผ่านบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้





          ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผย ได้กำชับไปยังโครงการชลประทานทั่วประเทศ ให้ติดตามสถานการณ์น้ำท่าและสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด พร้อมตรวจสอบอาคารชลประทานทุกแห่ง ให้สามารถใช้งานได้เต็มศักยภาพ รวมทั้งการกำจัดวัชพืชไม่ให้กีดขวางทางน้ำ ที่สำคัญได้เน้นย้ำให้บูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชาสัมพันธ์ชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม-น้ำล้นตลิ่ง และบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ให้สอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ โดยเน้นน้ำอุปโภคบริโภคต้องเพียงพอ ตามข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์





           กรมชลประทาน ได้เน้นย้ำให้ทุกโครงการชลประทานบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำและน้ำท่าในแหล่งน้ำธรรมชาติ ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละช่วงเวลาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และควบคุมปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมอย่างเคร่งครัด ควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ำไว้ในอ่างฯให้ได้มากที่สุด โดยการปรับการระบายน้ำอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับฝนที่ตกลงมา เพื่อไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายอ่างฯ และจะบริหารจัดการน้ำภายใต้ปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่อย่างจำกัด



          สำหรับสถานการณ์น้ำปัจจุบัน ( 12 ก.ค. 64) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 33,599 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 44 ของความจุอ่างฯรวมกัน เป็นน้ำใช้การได้ 9,669 ล้าน ลบ.ม. สามารถรับน้ำได้อีกรวม 42,469 ล้าน ลบ.ม.  เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 7,433 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 30 ของความจุอ่างฯรวมกัน เป็นน้ำใช้การได้ 737 ล้าน ลบ.ม. ในขณะที่มีการเพาะปลูกข้าวนาปีไปแล้วทั้งประเทศรวม 10.44 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 63 ของแผนฯ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพาะปลูกไปแล้ว 5.11 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 64 ของแผนฯ



 

ข่าวทั้งหมด

X