สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช.ปรับระบบให้ผู้ติดเชื้อโควิดรอเตียงเข้าระบบรักษาที่บ้าน/ชุมชน โดยมีการจับคู่คลินิกชุมชนอบอุ่นดูแล เพื่อสำรองเตียงให้แก่ผู้ติดเชื้อมีอาการเข้าระบบการดูแลรักษาได้เร็วขึ้น
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ในปัจจุบันซึ่งมีผู้ติดเชื้อโทรประสานมายังสายด่วน 1330 เพื่อให้หาเตียง แต่ยังตกค้างไม่ได้เตียงมากกว่า 2,500 ราย ซึ่งการที่ต้องรอเตียงนานหลายวันทำให้มีความเสี่ยงที่อาการจะทรุดลง สปสช.จึงได้ปรับแนวทางการดูแล โดยจากเดิมจะสอบถามความสมัครใจผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียวซึ่งไม่แสดงอาการหรือแสดงอาการเล็กน้อยก่อนว่ายินดีเข้าระบบการดูแลรักษาที่บ้าน (Home Isolation) หรือที่ชุมชน (Community Isolation) หรือไม่ แต่ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 12 ก.ค. 2564 เป็นต้นไป ผู้ป่วยที่ตกค้างรอหาเตียงอยู่ในระบบของ 1330 จะเข้าสู่ระบบการดูแลรักษาที่บ้านทั้งหมด ภายใต้การดูแลของคลินิกชุมชนอบอุ่นในพื้นที่ที่ผู้ป่วยพักอาศัย ซึ่งการดูแลจะเป็นไปตามมาตรฐานของแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
สำหรับการดูแลรักษาที่บ้าน/ชุมชน จะเป็นการดูแลเหมือนการรักษาในโรงพยาบาลเพียงแต่เปลี่ยนสถานที่มาเป็นที่บ้านหรือที่พักอาศัยหรือกรณีที่พักอาศัยไม่พร้อมก็จะเป็นสถานที่ที่ชุมชนจัดให้ เช่น ศาลาวัด หอประชุมโรงเรียน โดยคลินิกชุมชนอบอุ่นในพื้นที่จะติดต่อไปหาผู้ป่วยภายใน 48 ชั่วโมง จากนั้นจะส่งเครื่องวัดไข้และเครื่องวัดระดับออกซิเจนในเลือดไปให้ที่บ้าน รวมถึงยาฟ้าทะลายโจร และมีบุคลากรทางการแพทย์ของคลินิกนั้นๆ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์วิดีโอคอลหาทุกวันเพื่อติดตามประเมินอาการ ขณะเดียวกันก็จะจัดส่งอาหารให้วันละ 3 มื้อ เพื่อให้ผู้ติดเชื้อสามารถกักตัวอยู่ในบ้านได้อย่างเต็มที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการออกจากบ้านมาหาอาหารจนเกิดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อ
แต่หากเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองและสีแดง หรือผู้ที่มีอาการรุนแรงปานกลางและรุนแรงมาก จะรับตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาล รวมทั้งกรณีผู้ป่วยที่รักษาตัวที่บ้านแล้วอาการมีแนวโน้มแย่ลง คลินิกชุมชนอบอุ่นที่ดูแลผู้ป่วยรายนั้นจะประสานกับโรงพยาบาลรับส่งต่อของตัวเองให้รับตัวผู้ป่วยไปรักษาในโรงพยาบาล ระหว่างที่รอเตียงอยู่ก็จะส่งยาฟาวิพิราเวียร์ไปให้ที่บ้านเพื่อประคองอาการไปก่อนจนกว่าจะได้เตียง
นอกจากนี้ สปสช.ยังร่วมมือกับสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (ศปคม.) และคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้บริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุกโดยใช้ชุดตรวจเร็ว (Rapid Antigen Test) ทราบผลใน 30 นาที ซึ่งกระจายตามจุดต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันพุธที่ 14 ก.ค. 2564 เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าตรวจให้ได้วันละ 10,000 คน และผู้ที่ตรวจพบว่าติดเชื้อก็จะเข้าสู่การดูแลที่บ้านหรือที่ชุมชนเช่นกัน โดย สปสช.มีเครือข่ายคลินิกชุมชนอบอุ่นหรือหน่วยบริการปฐมภูมิอื่นๆในพื้นที่ กทม. 204 แห่ง แต่ละแห่งมีศักยภาพ (capacity) ดูแลผู้ป่วยได้ 200 ราย รวมแล้วสามารถดูแลผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่รักษาตัวที่บ้านได้ประมาณ 40,000 ราย
...