สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ COVID-19 จังหวัดภูเก็ต วันที่ 10 กรกฎาคม 2564 มีผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 10 คน มีผู้ป่วยอยู่ในระหว่างการรักษา 62 คน
ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ออกคำสั่งจังหวัดภูเก็ต เรื่องมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในพื้นที่นำร่องเพื่อการท่องเที่ยว จังหวัดภูเก็ต (Phuket Tourism Sandbox) โดยมีสาระสำคัญคือ
ข้อ 1 มาตรการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรของผู้โดยสารหรือผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ทางท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ของผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นจังหวัดนำร่องเพื่อการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวหรือกิจกรรมอื่น ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล
มาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
1. ให้หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงหรือสถานที่ชุมชนไม่น้อยกว่า 14 วัน
2. ต้องเป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศ/พื้นที่ซึ่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด–19 (ศบค.) หรือศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้า-ออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศอนุมัติ ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดโดยการเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และได้มีการลงทะเบียนผ่านระบบหรือเว็บไซต์ที่ทางราชการกำหนด ผู้เดินทางจะต้องอยู่ในประเทศนั้นเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 21 วันก่อนออกเดินทาง เว้นแต่ผู้ที่พำนักอยู่ในราชอาณาจักรซึ่งได้เดินทางออกจากราชอาณาจักรและได้เดินทางไปยังประเทศ/พื้นที่ที่ได้รับอนุมัติข้างต้น โดยให้มีเอกสารที่ใช้ในการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ดังนี้
(1) หนังสือรับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (Certificate of Entry-COE)
(2) ใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด–19 (Medical certificate with a laboratory result indicating that COVID–19 is not detected) โดยวิธีการ RT–PCR โดยมีระยะเวลา
ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง
(3) กรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาลหรือหลักประกันอื่นใดซึ่งรวมถึงกรณีโรคโควิด – 19 ตลอดระยะเวลาที่ผู้เดินทางอยู่ในราชอาณาจักรในวงเงินไม่น้อยกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ
(4) หลักฐานการชำระค่าที่พักและค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT–PCR โดยระบุระยะเวลาเข้าพักไม่น้อยกว่า 14 คืน ในโรงแรมหรือสถานที่พักที่ได้รับมาตรฐาน SHA+ (SHA Plus) ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำหนด สำหรับกรณีที่ผู้เดินทางพำนักอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลาน้อยกว่า 14 คืน ให้มีบัตรโดยสารของสายการบินที่ระบุห้วงระยะเวลาในการเดินทางออกนอกราชอาณาจักร หลักฐานการชำระเงินค่าที่พักและค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT–PCR ในห้วงเวลาที่กำหนด
(5) เอกสารหรือหลักฐานรับรองการได้รับวัคซีน (Certificate of Vaccination) ครบตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีนกำหนด ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยยาหรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) หรือตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนออกเดินทาง ทั้งนี้ สำหรับผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ไม่อยู่ในเกณฑ์การได้รับวัคซีน และเดินทางมาพร้อมกับผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ให้มีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด–19 (Medical certificate with a laboratory result indicating that COVID–19 is not detected) โดยวิธีการ RT–PCR โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง
3. ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ ณ ช่องทางเข้า - ออกระหว่างประเทศ/พื้นที่ต้นทาง ก่อนออกเดินทาง (Exit screening)
มาตรการเมื่อเดินทางถึง/ระหว่างอยู่ในราชอาณาจักร
1. มาตรการตรวจคัดกรองอาการและการดำเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
(1) กรณีเดินทางเข้าราชอาณาจักรโดยสายการบินที่มีเที่ยวบินตรงมายัง ณ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ และยื่นเอกสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ รวมถึงการดำเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ณ ช่องทางเข้า - ออกระหว่างประเทศ ก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
(2) กรณีเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยสายการบินที่ไม่มีเที่ยวบินตรงและต้องเดินทางโดยทางอากาศต่อมายังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ให้ผู้เดินทางดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
ก. ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ และให้ยื่นเอกสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ รวมถึงการดำเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ณ ช่องทางเข้า - ออกระหว่างประเทศจุดแรกที่มีการเดินทางเข้ามาภายในราชอาณาจักร ก่อนเดินทางมายังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต
ข. ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจและวัดไข้ และให้ยื่นเอกสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ รวมถึงการดำเนินพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ณ ช่องทางเข้า - ออกระหว่างประเทศหรือในพื้นที่ของท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต
2. ให้ใช้ระบบติดตามตัวโดยติดตั้งแอปพลิเคชัน Morchana หรือตามที่ทางราชการกำหนดโดยให้เปิดระบบติดตามไว้ตลอดเวลา เพื่อเฝ้าระวังติดตามอาการระหว่างที่ผู้เดินทางพำนักอยู่ในจังหวัดภูเก็ต
3. ให้มีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด–19 โดยวิธี RT-PCR ณ สถานที่ที่ทางราชการกำหนดโดยผู้เดินทางรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ตามหลักเกณฑ์ ดังนี้
(1) ให้มีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด–19 โดยวิธี RT-PCR จำนวน 1 ครั้ง เมื่อเดินทางมาถึงราชอาณาจักร ณ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต โดยห้ามเดินทางออกนอกโรงแรมหรือสถานที่พักจนกว่าจะมี
ผลการตรวจยืนยันว่าไม่มีเชื้อโรคโควิด-19
(2) ให้มีการตรวจหาเชื้อโรคโควิด–19 โดยวิธี RT-PCR เพิ่มเติมจากข้อ 3 (1) ดังนี้
ก. กรณีพำนักอยู่ในราชอาณาจักรไม่เกิน 7 วัน ให้มีการตรวจหาเชื้อ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 6–7 ของระยะเวลาที่พำนัก ณ โรงแรมที่พักอาศัยหรือห้องปฏิบัติการ (Lab นอก) โดยโรงพยาบาลคู่สัญญา
ข. กรณีพำนักอยู่ในราชอาณาจักรเป็นระยะเวลา 10–14 วัน ให้มีการตรวจหาเชื้อ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 6–7 และครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 12–13 ของระยะเวลาที่พำนัก ณ โรงแรมที่พักอาศัยหรือห้องปฏิบัติการ (Lab นอก) โดยโรงพยาบาลคู่สัญญา
4.ให้เดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตในช่องทางที่กำหนด ไปยังโรงแรมหรือสถานที่พักโดยยานพาหนะที่จัดไว้เป็นการเฉพาะและต้องไม่มีการแวะหรือหยุดพัก ณ สถานที่ใดๆ ก่อนถึงโรงแรมหรือสถานที่พัก
ทั้งนี้ ในกรณีพบว่าผู้เดินทางมีการติดเชื้อโรคโควิด–19 ให้โรงแรมหรือสถานที่พักดำเนินการประสานส่งตัวผู้เดินทางไปยังสถานพยาบาลคู่สัญญาตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขหรือทางราชการกำหนดโดยเร่งด่วนเพื่อทำการตรวจหรือรักษาต่อไป โดยผู้เดินทางเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
ในการรักษาพยาบาลทั้งหมด หรือเป็นไปตามข้อตกลงเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายระหว่างโรงแรมหรือสถานที่พักกับผู้เดินทาง
5. กรณีผู้เดินทางออกนอกโรงแรมหรือสถานที่พักหลักจากทราบผลการตรวจยืนยันแล้วว่าไม่มีเชื้อโรคโควิด–19 ให้ผู้เดินทางรายงานตัวกับ SHA Plus Manager เมื่อกลับมายังโรงแรมหรือสถานที่พักทุกวันตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อหรือตามที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อกำหนด โดยห้ามไปพำนักค้างคืนในสถานที่อื่นนอกเหนือจากโรงแรมหรือสถานที่พักที่ได้กำหนดไว้ และให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข ที่ราชการกำหนดอย่างเคร่งครัดตลอดเวลาที่พำนักอยู่ในจังหวัดภูเก็ต
6. กรณีผู้เดินทางพำนักอยู่ในจังหวัดภูเก็ตเป็นเวลาน้อยกว่า 14 คืน ห้ามผู้เดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเด็ดขาด ยกเว้นเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเท่านั้น
7. กรณีผู้เดินทางพำนักอยู่ในจังหวัดภูเก็ตเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 คืน ให้สามารถเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาแล้ว
ข้อ 2 ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและประสงค์จะเดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ต เพื่อเดินทางไปยังจังหวัดอื่น หรือเดินทางออกนอกราชอาณาจักรทางอากาศ (ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต) ให้ถือปฏิบัติ ดังนี้
นักท่องเที่ยวที่พำนักในจังหวัดภูเก็ตครบกำหนด 14 คืน และประสงค์จะเดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ต ให้แสดงเอกสารหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ ณ ด่านตรวจช่องทางขาออก ณ อาคารผู้โดยสารภายในประเทศหรืออาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ดังต่อไปนี้
1. หนังสือเดินทางและวีซ่าที่ตรวจลงตราโดย ตม.ท่าอากาศยานภูเก็ตขาเข้า (ยกเว้นผู้มีสัญชาติไทย)
2. หลักฐานยืนยันการตรวจหาเชื้อโรคโควิด–19 แสดงว่าตรวจไม่พบเชื้อโรคโควิด – 19 ตลอดระยะเวลา 14 คืน ที่พำนักอยู่ในจังหวัด ภูเก็ต ซึ่งออกโดยหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข
3. หลักฐานการเข้าพักในโรงแรมหรือสถานที่พักที่ได้รับมาตรฐาน SHA+ (SHA Plus)
ข้อ 3 ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและประสงค์จะเดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ตเพื่อเดินทางไปยังจังหวัดอื่น ทางบกและทางเรือ ให้ถือปฏิบัติ ดังนี้
ทางบก (ด่านตรวจท่าฉัตรไชย)
ผู้ที่ประสงค์เดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ต้องมีเอกสารยืนยันการผ่านวิธีการที่ทางราชการกำหนด โดยมีการลงตราในใบเอกสารแนบในหนังสือเดินทางแสดงถึงระยะเวลาที่ต้องพำนักในจังหวัดภูเก็ต หลักฐานยืนยันการตรวจหาเชื้อโรคโควิด – 19 ที่แสดงว่าตรวจไม่พบเชื้อโรคโควิด–19 ตลอดระยะเวลา 14 คืน ที่พำนักอยู่ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งออกโดยหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข และหลักฐานยืนยันการเข้าพักในโรงแรมหรือสถานที่พักที่ได้รับมาตรฐาน SHA+ (SHA Plus) ในจังหวัดภูเก็ตมาแล้วเป็นระยะเวลา 14 คืน
ทางเรือ (ท่าเทียบเรือ)
1. ให้ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและพำนักอยู่ในจังหวัดภูเก็ตตามกำหนด 14 คืน ที่ประสงค์จะเดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ตทางเรือ สามารถเดินทางโดยเรือโดยสารออกจากท่าเทียบเรือที่กำหนด ดังนี้
(1) ท่าเทียบเรืออ่าวปอ ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
(2) ท่าเทียบเรือรัษฎา ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
(3) ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ตำบลฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
ในกรณีที่จะเดินทางโดยเรือสำราญและกีฬา (เรือยอร์ช) หรือเรือที่มีลักษณะเป็นเรือสำราญและกีฬาที่จดทะเบียนประเภทบรรทุกคนโดยสาร ให้เดินทางออกจากท่าเรือที่กำหนด ดังนี้
(1) ท่าเทียบเรือยอร์ช เฮเว่น มารีน่า ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
(2) ท่าเทียบเรืออ่าวปอ แกรนด์ มารีน่า ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
(3) ท่าเทียบเรือภูเก็ต โบ๊ทลากูน ตำบลเกาะแก้ว อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
(4) ท่าเทียบเรือรอยัล ภูเก็ต มารีน่า ตำบลเกาะแก้ว อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
(5) ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ตำบลฉลอง อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
โดยต้องแจ้งเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต หรือศูนย์ปฏิบัติการติดตามและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว จังหวัดภูเก็ต (ศปก.Phuket Sandbox) ก่อนออกเดินทางไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง
2. ผู้เดินทางต้องแสดงหลักฐาน ดังต่อไปนี้
(1) หนังสือเดินทางและวีซ่าที่ตรวจลงตราโดย ตม.ท่าอากาศยานภูเก็ตขาเข้า (ยกเว้นผู้มีสัญชาติไทย)
(2) หลักฐานยืนยันการตรวจหาเชื้อโรคโควิด – 19 แสดงว่าตรวจไม่พบเชื้อโรคโควิด – 19 ตลอดระยะเวลา 14 คืน ที่พำนักอยู่ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งออกโดยหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข
(3) หลักฐานการเข้าพักในโรงแรมหรือสถานที่พักที่ได้รับมาตรฐาน SHA+ (SHA Plus)
ข้อ 4 กรณีผู้เดินทางมาจากต่างประเทศที่ประสงค์จะเดินทางท่องเที่ยวในน่านน้ำจังหวัดภูเก็ตจะต้องเดินทางออกจากท่าเรือที่กำหนด คือ ท่าเทียบเรืออ่าวปอ, ท่าเทียบเรือรัษฎา, ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง, ท่าเทียบเรือยอร์ช เฮเว่น มารีน่า, ท่าเทียบเรืออ่าวปอ แกรนด์ มารีน่า, ท่าเทียบเรือภูเก็ต โบ๊ทลากูน และท่าเทียบเรือ
...