เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เผชิญวิกฤตโควิดสายพันธุ์เดลตา

          เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่รอดพ้นจากสถานการณ์เลวร้ายที่สุดของวิกฤตโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว (2563) กำลังประสบกับจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ทั้งมีปัญหาขาดแคลนวัคซีน ขณะที่เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาที่แพร่ระบาดได้ง่ายทำให้มาตรการกักกันไม่ประสบความสำเร็จ ทางการของทุกประเทศในภูมิภาคต่างเพิ่มมาตรการควบคุมเพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาด

          อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดและมีประชากรมากที่สุดในภูมิภาค รายงานว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ 38,391 คนในวันพฤหัสบดี (8 ก.ค.) โรงพยาบาลบนเกาะชวาที่มีประชากรมากที่สุดกำลังถูกผลักดันให้ถึงขีดจำกัด ทั้งเตียงรองรับผู้ป่วย และออกซิเจนทางการแพทย์ นอกจากนี้พื้นที่ฝังศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่กำหนดไว้ในกรุงจาการ์ตาก็ใกล้จะเต็มแล้ว

          ที่มาเลเซียมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในประเทศในวันพฤหัสบดี

          ประเทศไทยมีการออกมาตรการจำกัดการเดินทางภายในประเทศ เนื่องจากตัวแปรเดลตาแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

          เมียนมามีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 4,000 คนเป็นครั้งแรกในวันพฤหัสบดี และยังเป็นวันที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด

          ขณะที่กัมพูชามีจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสูงสุดในช่วง 9 วันที่ผ่านมา

          ส่วนเวียดนามที่ได้รับการยกย่องถึงความสำเร็จในการควบคุมโควิด-19 กลับมามีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 3 วันที่ผ่านมา โดยมีจำนวน 1,314 คนในวันพฤหัสบดี ทางการเวียดนามออกมาตรการจำกัดการเดินทางและการรวมกลุ่ม ผู้คนได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านเพื่อซื้ออาหาร ยารักษาโรค และในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น

          และที่สิงคโปร์ ทางการกำลังเตรียมผ่อนคลายข้อจำกัดเพิ่ม และคาดว่าการฉีดวัคซีนจะถึงระดับครึ่งหนึ่งของประชากรในปลายเดือนนี้ ทั้งมีแผนที่จะอนุญาตให้ผู้อยู่อาศัยที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างเต็มที่เข้าร่วมการชุมนุมขนาดใหญ่ เช่น การประชุม การสักการะและพิธีแต่งงาน

          ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ เตือนว่า การทดสอบในระดับต่ำในประเทศที่มีประชากรมากที่สุดของภูมิภาคอย่าง อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ทำให้การกำหนดขอบเขตของการระบาดทั้งหมดไม่สมบูรณ์ ในขณะที่เมียนมาซึ่งมีปัญหาความไม่สงบในประเทศส่งผลกระทบต่อการทดสอบและการรักษาผู้ป่วย นายดิกกี บูดิมาน นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยกริฟฟิธ ในออสเตรเลีย กล่าวว่าภูมิภาคนี้กำลังดิ้นรนเพื่อรับมือกับตัวแปรเดลตา และต้องพบกับความสูญเสียจากการดำเนินนโยบายที่ไม่สอดคล้องกัน และการบังคับใช้มาตรการ โดยย้ำถึงความจำเป็นในการขยายการฉีดวัคซีนเพื่อปกป้องประชากรให้ดีขึ้น และความหลากหลายของวัคซีนที่ใช้ นอกจากนี้อัตราการฉีดวัคซีนยังคงต่ำ โดยร้อยละ 5.4 ของประชากรอินโดนีเซีย 270 ล้านคนฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว ประมาณร้อยละ 2.7 ของประชากรในฟิลิปปินส์ และร้อยละ 4.7 ของประชากรในประเทศไทย 

....