เบลเยียมเรียกตัวเอกอัครราชทูตประจำกรุงโซลให้เดินทางกลับประเทศในทันที หลังจากที่ภริยาของเขามีเหตุทะเลาะวิวาทเป็นครั้งที่ 2 ในเวลา 4 เดือน
เอกอัครราชทูตปีเตอร์ เลสคูเฮียร์ ถูกเรียกตัวกลับประเทศครั้งแรกเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่นางเซียง เจียฉิว ภรรยาของเขาตบตีพนักงานหญิง 2 คนในร้านขายเสื้อผ้าที่กรุงโซล โดยมีหลักฐานคือภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ไว้โดยตลอด และกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในเกาหลีใต้ โดยเอกอัครราชทูตเลสคูเฮียร์มีกำหนดเดินทางกลับเบลเยียมในเดือนนี้ (ก.ค.) แต่ตำรวจในเขตยงซานของกรุงโซล ได้แจ้งว่า เมื่อวันจันทร์ (5 ก.ค.) เวลาประมาณ 09.25 น. นางเซียงก่อเหตุทะเลาะวิวาทอีกครั้ง โดยครั้งนี้มีคู่กรณีคือคนงานทำความสะอาดในเขตฮันนัมของกรุงโซล โดยมีจุดเริ่มต้นจากการที่คนงานกำลังทำความสะอาด แล้วปลายไม้กวาดไปโดนขาของนางเซียง ทำให้เธอไม่พอใจตะโกนใส่คนงานและตบตี จากนั้นก็ผลักเธอจนล้มลงกับพื้น คนงานทำความสะอาดจึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ แต่เมื่อตำรวจมาถึงทั้งคู่ยอมรับว่าก่อเหตุตบตีกัน และคนงานไม่ต้องการแจ้งข้อกล่าวหา แต่นางเซียงถูกนำตัวไปที่คลินิกใกล้เคียงเพื่อตรวจร่างกายเนื่องจากเธอมีอาการปวดหลัง
กระทรวงการต่างประเทศเบลเยี่ยมยืนยันว่านางเซียง มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทะเลาะวิวาทเมื่อเช้าวันจันทร์แต่สถานการณ์ของการทะเลาะวิวาทครั้งนี้ยังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพนักงาน 2 คนของร้านค้าแห่งหนึ่ง ได้ตกลงกันว่าเอกอัครราชทูตจะเดินทางกลับพร้อมกับภริยาในเดือนกรกฎาคม จากสถานการณ์ใหม่นี้ เมื่อพิจารณาถึงความรับผิดชอบที่เอกอัครราชทูตมีต่อประเทศเจ้าบ้านและปรารถนาที่จะรักษาไว้ ด้านความสัมพันธ์อันยอดเยี่ยมที่เรามีกับสาธารณรัฐเกาหลี รองนายกรัฐมนตรีโซฟี วิลเมส แห่งเบลเยียม มีความเห็นว่าควรให้เขาเดินทางกลับประเทศโดยเร็ว
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์และตอบสนองโดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากจำเป็น พบว่ามีการกระทำผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคณะทูตในเกาหลีใต้
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ในเดือนเมษายนเอกอัครราชทูตเลสคูเฮียร์ได้กล่าวขอโทษในนามของภรรยา โดยบอกว่าเธอรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ ซึ่งแม้ว่าเธอจะมีเหตุผลที่จะไม่พอใจกับวิธีที่เธอได้รับการปฏิบัติในร้านนั้น แต่การกระทำรุนแรงทางร่างกายเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง
....