ในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ "ศปก.ศบค.”ที่มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธาน ได้สรุปสถานการณ์โควิด- 19 และรับข้อเสนอจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเสนอต่อที่ประชุม ศบค.ในวันที่ 9 ก.ค.ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหมในฐานะผอ.ศบค.เป็นประธาน
เบื้องต้น ข้อกำหนดใหม่ที่จะออกมานี้ จะมีผลเฉพาะสำหรับพื้นที่เสี่ยง 6 จังหวัดประกอบด้วย กรุงเทพฯ, นครปฐม, นนทบุรี ,ปทุมธานี ,สมุทรปราการ และสมุทรสาคร เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือ 14 วัน คือ
-จำกัดการเดินทางออกจากบ้าน และไปในสถานที่เสี่ยง เพื่อลดการเคลื่อนที่ของประชาชน และขอให้เวิร์คฟอร์มโฮม 100 เปอร์เซ็นต์ ยกเว้นงานบริการที่จำเป็น และงานที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภคขอให้ประชาชนงดการเดินทางโดยไม่จำเป็น ยกเว้น ซื้ออาหาร ไปโรงพยาบาล และ ฉีดวัคซีน
ทั้งนี้มาตรการทั้งหมดจะให้ศบค.ชุดใหญ่ พิจารณาในวันที่ 9 ก.ค. เพื่อเป็นมติออกมา แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ทันที โดยจะให้เวลาเพื่อการเตรียมตัว ซึ่งขณะนี้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี อยู่ระหว่างการร่างข้อกำหนดใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และพื้นที่ โดยมาตรการและข้อกำหนดที่จะออกมาจะคล้ายกับเมื่อเดือน เม.ย. 2563
สำหรับห้างสรรพสินค้าจะอนุญาตให้เปิดได้เฉพาะส่วนซูเปอร์มาร์เก็ต แผนกขายยา แผนกอาหาร แผนกสินค้าเบ็ดเตล็ดเช่นเดิม ร้านสะดวกซื้อจะมีกำหนดเวลาเปิด -ปิด พร้อมขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่เสี่ยง 6 จังหวัด ไม่ออกนอกเคหสถานตามเวลาที่กำหนด คือตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. โดยเน้นเฉพาะพื้นที่ 6 จังหวัดเท่านั้น เว้นแต่มีความจำเป็น แต่จะไม่ประกาศเป็นเคอร์ฟิว รวมทั้งการกำหนดให้สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าเพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรคเมื่ออยู่นอกเคหสถานหรืออยู่ในที่สาธารณะ
ภายหลังการหารือของ ศปก.ศบค.ที่เตรียมเสนอข้อกำหนดต่างๆ เพื่อออกเป็นมาตรการข้อกำหนดป้องกันการแพร่ระบาดนั้น ทางทำเนียบฯ ได้ปรับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยกระดับมาตรการเพิ่มขึ้น ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป โดยสำนักเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรี ขอความร่วมมือช่างภาพสื่อมวลชนงดเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบฯ เบื้องต้นเป็นเวลา 14 วัน โดยสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จะเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์ออนไลน์และสื่อต่างๆของทำเนียบฯ ในขณะที่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ยังคงทำงานอยู่ที่บ้าน ยกเว้นผู้ที่มีความจำเป็นเท่านั้น