นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงว่า กระทรวงสาธารณสุข เสนอที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 หรือ ศบค.ยกระดับมาตรการทางสังคม
-จำกัดการเดินทาง อยากให้อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ แต่สามารถออกไปหาหมอ ฉีดวัคซีนได้
-ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด
-ปิดสถานที่เสี่ยงทั้งหมด
-สามารถเปิดสถานที่จำเป็นได้ เช่น ตลาด ซูเปอร์มาร์เก็ต
มาตรการนี้เพื่อลดจำนวนผู้ป่วย จะใช้ในพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่กันชน อย่างน้อย 14 วัน ซึ่งศบค.จะพิจารณาเรื่องพื้นที่และระยะเวลาในการบังคับใช้มาตรการ
อย่างไรก็ตาม จะมีการนำเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ศบค.ในวันพรุ่งนี้ และจะมีความเข้มข้นไม่น้อยกว่าเมื่อเดือนเม.ย. 63
ด้านนพ.โอภาส การ์ยกวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงในอีก 14 วันข้างหน้าและในครั้งนี้ต่างจากเม.ย. 63 ที่เรามีวัคซีนมาฉีดให้ด้วย ก็จะทำให้ตัวเลขลดลงตามที่กำหนดไว้
ส่วนมาตรการที่ออกมาเพิ่มเติม
-การตรวจคัดกรองหาเชื้อด้วยชุดทดสอบแบบรวดเร็ว (Rapid Antigen) ในพื้นที่ที่มีคนตรวจหาเชื้อจำนวนมากวิธีนี้จะรู้ผลได้รวดเร็ว มากกว่าการตรวจสารพันธุกรรมของไวรัส (Real-time RT PCR) ที่ต้องรอผล 3- 5 ชั่วโมง หรือ รู้ผลข้ามวัน ส่วนในพื้นที่อื่นๆก็จะใช้วิธีตรวจสารพันธุกรรมได้เหมือนเดิม ทั้งนี้ การใช้ชุดทดสอบแบบรวดเร็วจะใช้ในสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องและมีเตียงรองรับ อาจจะเป็นการให้บุคลากรทางการแพทย์ หรือ ผู้ป่วยตรวจเอง หากพบผลว่าเป็นลบ ไม่มีปัญหา แต่หากผลตรวจเป็นบวก อาจจะมีการตรวจซ้ำและส่งต่อรักษาตามระบบ
-การเข้าถึงการตรวจผู้ติดเชื้อ ควบคู่กับการกักกันในบ้าน (Home Isolation) และ การกักกันในชุมชน (Community Isolation) เป็นการกักตัวผู้ป่วยสีเขียวที่บ้าน ซึ่งการกักตัวที่บ้านจะลดกฎเกณฑ์ลงจากการกักตัวคนเดียว เป็นการกักตัวแบบครอบครัว ขณะนี้ กำลังเร่งทำระบบ เน้นหนักแนวทางนี้ให้มากขึ้น ขณะที่ กรมการแพทย์กำลังพัฒนาระบบการส่งผู้ป่วยที่แอดมิท ในวันที่ 10 เดินทางกลับไปกักตัวที่บ้าน เพื่อที่จะลดจำนวนผู้ป่วยและสำรองเตียงให้ผู้ป่วยอาการหนัก นอกจากนี้ เน้นมาตรการส่วนบุคคลขอให้เข้มงวด เป็นลักษณะควบคุมภายในพื้นที่กำหนด (Bubble & Seal) เพราะการติดเชื้อในรอบนี้ เป็นการติดที่บ้าน ที่ทำงาน เป็นการกระจายเชื้อ ไม่เหมือนเดิมที่เป็นคลัสเตอร์