การปรับยุทธศาสตร์ เร่งฉีดวัคซีนในพื้นที่สีแดงเข้มหรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด นพ.โอภาส การ์ยกวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค คาดว่าประชาชนในกลุ่มนี้จะได้รับวัคซีนภายในเดือนก.ค.-ส.ค. 64 ในขณะเดียวกันก็ได้เร่งฉีดวัคซีนแก่กลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง เพื่อลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต จึงอาจมีบางรายที่ได้รับการติดต่อเพื่อเลื่อนวันนัดหมายฉีดวัคซีนให้เร็วขึ้น โดยวัคซีนที่มีอยู่ในประเทศไทยในขณะนี้ ทั้งวัคซีนซิโนแวค และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิภาพในการป้องกันและมีความปลอดภัยในระดับสูง รวมถึงวัคซีนไฟเซอร์ที่จะนำเข้ามาเร็วๆ นี้ ได้มีการพิจารณาถึงประสิทธิภาพของวัคซีน และความสามารถในการลดการติดเชื้อ ป่วยหนัก และลดการเสียชีวิต โดยเน้นพิจารณาเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ซึ่งวัคซีนที่จะนำมาใช้ในประเทศไทยต้องได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และต้องได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนทุกชนิด หลายบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาผลิตวัคซีนรุ่น 2 เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพให้ดีขึ้น เช่น ไฟเซอร์ และแอสตร้าเซนเนก้า
สำหรับ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 หรือผู้ที่มีประวัติสัมผัสความเสี่ยงสูงที่มีความจำเป็นต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา อธิบดีกรมควบคุมโรค แนะนำว่าหากเป็นไปได้ขอให้อาศัยอยู่ที่เดิม และติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่หากจำเป็นต้องเดินทางจริงๆ ควรเตรียมพร้อมก่อนเดินทางดังนี้
-ติดต่อศูนย์ประสานงานรับคนกลับบ้านของจังหวัดปลายทาง หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หรือโรงพยาบาลของจังหวัดปลายทางที่ผู้ป่วยประสงค์จะเดินทางกลับ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประเมินอาการ เตรียมความพร้อมรองรับการรักษาหรือกักตัว และให้คำแนะนำสำหรับการเดินทาง
-เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวเท่านั้น โดยผู้ขับรถหากไม่เคยติดเชื้อ จะต้องสวมหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ตลอดเวลา และเปิดหน้าต่างให้มีการระบายอากาศบ่อยๆ
-เตรียมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า และเจลแอลกอฮอล์ให้เพียงพอ รวมทั้งถุงใส่ขยะส่วนตัว
-เตรียมยาให้พร้อมทั้งยาบรรเทาอาการป่วยโควิด-19 และยารักษาโรคประจำตัว จัดเตรียมอาหารและน้ำให้เพียงพอตลอดการเดินทาง ไม่ควรแวะสถานที่อื่นระหว่างทาง
-จัดเตรียมข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์หน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือกรณีเกิดการเจ็บป่วย หรือมีเหตุฉุกเฉินขณะเดินทาง
ระหว่างการเดินทางควรมีการปฏิบัติ ดังนี้ สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดการเดินทาง, หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก โดยไม่จำเป็น, ล้างมือบ่อยๆ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร และเมื่อเข้าห้องน้ำหรือหลังไอจาม, ห้ามแวะพักระหว่างการเดินทาง ให้ตรงไปยังโรงพยาบาลหรือสถานที่ที่ได้รับแจ้งไว้เท่านั้น, หากจำเป็นต้องใช้ห้องน้ำสาธารณะ ต้องล้างมือทั้งก่อนและหลังใช้ห้องน้ำ และเปิดหน้าต่างหรือเปิดช่องหน้าต่างให้มีการหมุนเวียนของอากาศภายในรถยนต์
เมื่อเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลหรือสถานที่ที่ได้รับประสานก่อนล่วงหน้า เพื่อรับการรักษาหรือแยกกัก โดยผู้ป่วยหรือผู้ที่มีความเสี่ยงต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของผู้ดูแลโรงพยาบาลหรือสถานที่แยกกักอย่างเคร่งครัด