ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 12.30 น.วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม 2564

1-2 วันนี้ ทีมวิศวกร มธ. ลงพท.กิ่งแก้ว แนะนำการซ่อมบ้าน-ประเมินความเสียหายจากไฟไหม้

          จากเหตุระเบิดภายในบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 87 ซ.กิ่งแก้ว 21 หมู่ที่ 15 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก

คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (Thammasat School of Engineering) หรือ TSE เตรียมนำทีมวิศวกรลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของอาคารและสิ่งปลูกสร้างเพื่อรวบรวมข้อมูลในพื้นที่นำเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้เป็นฐานข้อมูลในการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบและสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก พร้อมเตือนประชาชนหลีกเลี่ยงการเข้าพื้นที่สำรวจและฟื้นฟูโครงสร้างที่อยู่อาศัย เนื่องจากโครงสร้างอาจไม่แข็งแรงอาจถล่มลงมาเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

          เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้สถานประกอบการที่มีวัสดุที่ติดไฟง่าย และมีแรงสั่นสะเทือนจากการระเบิด และความร้อน เนื่องจากไฟไหม้ ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ขอให้ประชาชนขอความช่วยเหลือจากทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญก่อนเพื่อให้ช่วยยืนยันความเสี่ยงก่อนเข้าฟื้นฟูบ้านตัวเอง

รองศาสตราจารย์ ดร. สายันต์ ศิริมนตรี วุฒิวิศวกรและหัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ภายใน 1-2 วันนี้ ทีมวิศวกรด้านวิศวกรรมโยธา จำนวน 20 คน ประกอบด้วย อาจารย์ นักศึกษาปริญญาโท และศิษย์เก่าของ TSE เตรียมลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย พร้อมให้คำแนะนำการฟื้นฟูอาคารและสิ่งปลูกสร้างในชุมชนที่ได้รับความเสียหายในรัศมี 5 กิโลเมตร

         ทีมวิศวกรของ TSE เตรียมแผนดำเนินการไว้อย่างรอบคอบ ตั้งแต่ประเมินความเสียหาย พร้อมทั้งแนะนำแนวทางการซ่อมแซมฟื้นฟูอาคารในชุมชนโดยรอบ ซึ่งเริ่มจากบ้านเรือนชุมชนในรัศมี 1 กิโลเมตร เนื่องจาก คาดว่าจะเป็นจุดที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด และจะขยายผลไปสำรวจพื้นที่โดยรอบรัศมี 5 กิโลเมตร

          TSE มีเป้าหมายเพื่อการจัดทำโซนนิ่งตามระดับของความเสียหาย ได้แก่ เสียหายมาก ปานกลาง และเสียหายเล็กน้อย พร้อมทั้งเสนอแนะแนวทางในการฟื้นฟูโครงสร้างทางวิศวกรรมให้เหมาะกับระดับความเสียหาย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่เป็นอันดับแรก

          อย่างไรก็ตาม TSE มีข้อกังวลเกี่ยวกับการอพยพของประชาชนออกจากพื้นที่อย่างกะทันหัน อาจทำให้มองข้ามอันตรายเกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า ประปา และก๊าซหุงต้ม โดยเฉพาะบ้านที่ไม่ได้ยกสะพานไฟก่อนออกจากบ้าน ซึ่งอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร จากแรงสั่นสะเทือนและอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ตามมาได้ รวมถึงท่อประปาที่อาจเกิดรอยแตกรอยรั่ว ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในบริเวณดังกล่าว ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดไฟรั่วไฟช็อตได้

         โดย TSE เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตัดการส่งไฟฟ้าในบริเวณดังกล่าวไปก่อน เพื่อให้ทีมวิศวกร ได้ประเมินความเสียหายและความเสี่ยงในเบื้องต้น

CR:ติดตามข้อมูล  www.engr.tu.ac.th และ Facebook Fanpage ของ TSE ที่ www.facebook.com/ENGR.THAMMASAT

แฟ้มภาพ ความเสียหายจากแรงระเบิด (จากทวิตเตอร์  J'Tong @Ying_Yaiii)  

รองนายกวิษณุ เปิดเงื่อนไข บริษัทขายวัคซีน 'ห้ามฟ้อง ไม่คืนเงิน ถ้าส่งไม่ทัน'

          การพิจารณาร่างสัญญาจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ว่า ยังไม่เห็นในวาระเรื่องนี้ เห็นเพียงจากการนำเสนอของสื่อมวลชน และหากเป็นเช่นนั้นก็จะนำมาพิจารณากัน และเหตุผลที่ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เนื่องจากจะต้องของบประมาณในการจัดซื้อ แต่ไม่ใช่ซื้อวัคซีนทุกครั้งจะต้องเข้าที่ประชุม ครม.

          ส่วนวัคซีนโมเดอร์นา เอกชนเป็นผู้จัดซื้อ รัฐจะเป็นเพียงผู้ประสานงาน จึงไม่จำเป็นต้องนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. และเข้าใจว่า วัคซีนจากโมเดอร์น่า รัฐบาลยังไม่ได้ประกาศเป็นวัคซีนหลักของประเทศที่รัฐจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้  คำว่า ‘วัคซีนหลักคือวัคซีนที่รัฐจัดหาให้และฉีดให้ฟรี’

         นายวิษณุ กล่าวว่า การซื้อวัคซีนขึ้นอยู่กับผู้ผลิต จากการหารือแต่ยังไม่มีโอกาสได้ดู สัญญาบางฉบับ ซึ่งมีข้อแปลกใจ เนื่องจากปกติ จะไม่มีการทำสัญญาในลักษณะนั้น เช่น การส่งมอบล่าช้า ก็จะไม่รับผิดชอบ และบางยี่ห้อไม่มีการคืนเงิน ปรับหรือยึดทรัพย์ รวมถึงการฟ้องกลับไม่ได้  ความเสียหายใดๆที่เกิดขึ้นก็จะไม่รับผิดชอบ และยังมีการระบุ ห้ามเปิดเผยสัญญา เนื่องจากสัญญาแต่ละประเทศจะไม่เหมือนกัน แต่บริษัทกลับระบุว่า หากไม่ทำสัญญาก็จะไม่ขายให้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน จะเห็นได้ว่า รัฐบาลจึงไม่ออกมาพูดในเรื่องนี้มากนัก บางครั้งต้องพูดอ้อมไปมา แต่ไม่ใช่การปิดบังหรือโกหก แต่เพราะพูดไม่ได้ในบางเรื่อง ทำให้บางคนที่พยายามพูด ดูเหมือนจะพูดกลับไปมา ยอมรับว่าสัญญาดังกล่าวนั้นยุ่งยาก

ตรวจเข้ม! มาตรการควบคุมแคมป์คนงาน กลุ่มกรุงเทพตะวันออก

         นายขจิต ชัชวานิชย์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยศูนย์อำนวยการแคมป์คนงานก่อสร้างในพื้นที่กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก ได้แก่

-แคมป์คนงานบริเวณซอยประเสริฐมนูกิจ 48 เขตบึงกุ่ม มีทั้งหมด 9 แคมป์ ปัจจุบันทุกแคมป์ ยังไม่พบว่ามีผู้ติดเชื้อ ข้อมูลเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 64 มีคนงานที่พักอาศัยในแคมป์ทั้งหมด 171 คน เป็นคนไทย165 คน คนงานเมียนมา 6 คน

-แคมป์คนงานบริเวณถนนประเสริฐมนูกิจ เขตคันนายาว ข้อมูลวันที่ 4 ก.ค. 64 มีคนงานที่พักอาศัยในแคมป์ทั้งหมด 645 คน เป็นคนไทย 171 คน คนงานเมียนมา 285 คน คนงานกัมพูชา 188 คน และคนงานลาว 1 คน

          แคมป์คนงานทั้ง 2 แห่ง ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการเป็นอย่างดี กรุงเทพมหานคร ติดตามมาตรการตรวจสอบในแคมป์คนงานก่อสร้างและแคมป์ที่พักคนงานก่อสร้างอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

แพทย์อินเดีย เรียกร้องรัฐออกกม.พิเศษ หลังถูกญาติผู้ป่วยโควิด-19 ทำร้าย

          นพ.จาเยช เลเล เลขาธิการสมาคมแพทย์อินเดีย(IMA) ซึ่งมีแพทย์เป็นสมาชิกกว่า 330,000 คน รณรงค์ให้รัฐบาลจัดทำกฎหมายพิเศษซึ่งกำหนดบทลงโทษที่หนักยิ่งขึ้นสำหรับการทำร้ายบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมขอให้ตำรวจสอบสวนคดีอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนอื่นๆ หลังจากเกิดกรณีญาติของคนไข้ที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ทำร้ายร่างกายของบุคลากรทางการแพทย์บาดเจ็บ

          หนึ่งในแพทย์ที่เคยถูกทำร้าย รวมถึงนพ.เซอุจ กุมาร เซนาปาติ ถูกญาติของคนไข้ทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ ขณะทำงานวันที่สองที่ศูนย์ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ในอำเภอโฮไจ รัฐอัสสัมทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียเมื่อต้นเดือนมิ.ย.64 ในตอนแรก นพ.เซนาปาติ คิดว่าเขาอาจจะไม่รอดชีวิต

         ช่วงเช้าของวันเกิดเหตุ นพ.เซนาปาติ ได้รับการร้องขอให้ไปตรวจคนไข้คนหนึ่งที่ป่วยด้วยโรคโควิด-19 พบว่า คนไข้ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ญาติของคนไข้ต่างรู้สึกไม่พอใจเมื่อเขาแจ้งให้ทราบว่าคนไข้เสียชีวิตแล้ว ญาติของคนไข้ไม่พอใจและรุมทำร้ายร่างกาย นพ.เซนาปาติจนได้รับบาดเจ็บและทำลายสิ่งของในห้องตรวจเสียหายด้วย

          หลังเกิดเหตุ นพ.เซนาปาติ ได้แจ้งความกับตำรวจท้องถิ่น ซึ่งรัฐบาลรัฐอัสสัมให้คำมั่นจะดำเนินการสอบสวนอย่างรวดเร็วและจับกุมผู้ต้องหา 36 คน รวมถึงผู้เยาว์ 3 คนมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

          ตั้งแต่โรคโควิด-19 ระบาดในอินเดียเมื่อปีก่อน แพทย์หลายคนถูกญาติของคนไข้ทำร้าย ส่วนใหญ่ญาติของคนไข้จะบ่นว่าญาติที่เสียชีวิตไม่ได้รับการรักษาทางการแพทย์อย่างถูกเหมาะสมหรือไม่ได้รับการจัดสรรเตียงคนไข้ให้ทันเวลา