ความพยายามในการควบคุมไฟไหม้โรงงาน บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตโฟมและเม็ดพลาสติก ภายในซอยกิ่งแก้ว 21 ถนนกิ่งแก้ว ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จากการประชุมร่วมกันระหว่างกรุงเทพมหานครและจังหวัดสมุทรปราการ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า ได้ร่วมกันวางแผนดับสารเคมีที่ยังตกค้างอยู่ในแทงค์และท่อที่ตกค้าง หากประชาชนสูดดมเข้าไป อาจก่ออันตรายทำให้เกิดมะเร็ง ต้องรอให้สภาพอากาศเป็นปกติ ประชาชนจึงจะกลับมาได้
ปัญหาหนึ่งคือโฟมที่จะใช้ดับเพลิง ยังไม่เพียงพอ ที่เกิดเหตุต้องหามาเพิ่มอีก และต้องประเมินสถานการณ์เป็นระยะเวลา หากไม่ปลอดภัย ต้องถอนกำลังออกมา ในที่เกิดเหตุยังมีกลิ่นแรง แสบหู แสบตา ไปหมด หากใครออกมาไม่ทันจริงๆให้ปิดบ้านให้มิดชิด แต่ควรจะออกมานอกบ้านจะดีที่สุด
อาจารย์สวัสดิ์ เจริญวรชัย ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการพญาอินทรีบรรเทาสาธารณภัย/ผู้เชี่ยวชาญด้านอัคคีภัยที่มีประสบการณ์มานาน เพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย พยายามคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง สิ่งที่อันตราย คือพอหยุดฉีดน้ำ ฉีดโฟม ไฟก็โหมกลับขึ้นมาใหม่ ทำให้ในช่วงเที่ยงที่ไฟลุกขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเสียชีวิตและบาดเจ็บ
หากสถานการณ์พร้อมกว่านี้ ก็จะยิงน้ำ ยิงโฟม เข้าไปพร้อมๆกัน ส่วนถังที่เก็บสารเคมีที่อยู่ในโรงงานแตกรั่วไปแล้ว ลดปัญหาเรื่องการระเบิดได้ ถ้าใช้โฟมแล้ว สถานการณ์น่าจะดีขึ้น หลังจากนั้นจะปฏิบัติการพร้อมๆกัน โดยได้โฟมจาก จ.ระยอง มาช่วยเหลือเพิ่มหากใช้โฟมแล้วยังคุมสถานการณ์ไม่ได้ ยังมีน้ำยาสารเคมีจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่สามารถดับไฟได้เร็ว 2-3 เท่า รอควบคุมต่อ กรณีจะใช้เฮลิคอปเตอร์ควบคุมเพลิงอาจจะไม่ได้ผล เนื่องจาก กระแสลมที่พัดทางทิศเหนือและมีควันดำปกคลุมพื้นที่
สำหรับเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เสียชีวิต โลกออนไลน์ได้แห่แสดงความไว้อาลัยต่อการจากไปของเจ้าหน้าที่กู้ภัยในปฏิบัติการครั้งนี้คือ นายกรสิทธิ์ ราวพันธ์ อายุ 19 ปี หรือ พอส ธน 28-78 อาสาสมัครฯหน่วยสมเด็จเจ้าพระยา ธน 28-18 ฐานเทคโน
ด้านประชาชนบางส่วนที่ยังไม่อพยพออกจากบ้าน นายธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง ย้ำให้ประชาชนระมัดระวังตัวเองโดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัยให้ได้ 2 ชั้น เพราะกลิ่นสารเคมีอันตรายที่คละคลุ้งเต็มพื้นที่จะกระทบต่อระบบหายใจ โดยขณะนี้ กรุงเทพมหานคร ได้นำรถบรรทุกโฟมจาก 37 สถานีเข้าไปช่วยเหลือ โดยพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ที่เกิดเหตุด้วย
ส่วนผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ นพ.นนท์ จินดาเวช รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ เตือนอันตรายจากสารเคมีที่อยู่ในโรงงาน จะส่งผลกระทบทำให้เกิดอาการระคายเคืองกับเยื่อบุดวงตา ระบบทางเดินหายใจ และอาการทางผิวหนัง ขณะนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ได้จัดตั้งศูนย์ 2 จุด โดยจะมีทีมแพทย์ พยาบาล เตรียมน้ำล้างตัว น้ำเกลือไว้ล้างตา
พร้อมฝากประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง หากได้กลิ่นอยู่ให้รีบอพยพออกมา โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงวัยและเด็กเล็ก ขณะนี้ที่ศูนย์อพยพแต่ละจุด มีประชาชนมาแล้วประมาณ150-200 คน หลังจากนี้อาจจะขยายศูนย์อพยพเพิ่มอีกเพราะแต่ละที่รับประชาชนได้เพียง 300 คน
ส่วนที่ รพ.จุฬารัตน์ 9 ก่อนหน้านี้ก็เคลื่อนย้ายผู้ป่วยทั้งหมดไปที่ รพ.จุฬารัตน์ 11 บางปะกง ทั้งหมด พร้อมดูแลผู้ป่วยที่อาการหนัก กรณีผู้ป่วยที่มีแผลผิวหนัง อาจจะต้องส่งต่อมาที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ และ รพ.ศิริราช
ด้านนายวีระกิตติ์ รันทกิจธนวัชร์ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ เจ้าหน้าที่ยังคงฉีดสารเคมีเพื่อควบคุมเพลิง โดยโรงงานที่เกิดเหตุเป็นโรงงานที่ได้รับการอนุญาตถูกต้องเป็นโรงงานผลิตเม็ดโฟม ส่วนเรื่องการจัดเก็บสารเคมีต้องมีการแจ้งพื้นที่เพื่อตรวจสอบว่ามีการจัดเก็บสารเคมีในพื้นที่อื่นหรือไม่ รวมทั้งต้องเร่งสอบสวนหาสาเหตุเพลิงไหม้อีกครั้งว่ามีขั้นตอนใดที่ไม่ถูกต้อง
สำหรับสภาพการจราจร ได้มีการสั่งปิดการจราจร ถ.กิ่งแก้ว(เข้า) ที่จะมุ่งหน้า บางนา-ตราด ใช้ทางเลี่ยงเข้าสุวรรณภูมิ หรือ ออกมอเตอร์เวย์แทน