ซิโนฟาร์มอีก 1 ล้านโดสถึงไทยแล้วในวันนี้

04 กรกฎาคม 2564, 16:08น.


          ศาสตราจารย์ นพ.นิธิ มหานนท์ ผอ.โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โพสต์ภาพวัคซีนซิโนฟาร์ม ล็อตที่ 2 จำนวน 1 ล้านโดส จากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ถูกส่งมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้วในวันนี้ ต่อเนื่องจากล็อตแรกจำนวน 1 ล้านโดสเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน รวมได้รับวัคซีนซิโนฟาร์มแล้วจำนวน 2 ล้านโดส ซึ่งจะมีการจัดสรรต่อไป



          นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ นพ.นิธิ ยังกล่าวถึงการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของวัคซีน ว่าเนื่องจากแอนดิบอดี้มีความจำเพาะ ไม่ควรใช้ข้อมูลของแต่ละประเทศมาเปรียบเทียบกัน



          โดยระบุว่า



"#เปรียบเทียบประสิทธิภาพของวัคซีนโดยดูจากการศึกษาระดับantibodyได้หรือไม่



-ที่แชร์กันในโลก social ว่า วัคซีนตัวนั้นดีกว่าตัวนี้ โดยเอาผลการศึกษาระดับ antibody มาเทียบกันให้เห็นจะๆ เราเชื่อการเปรียบเทียบนั้นได้หรือไม่ ...ลองมาดูกันครับ


-ระดับ antibody คือ การวัดปริมาณของกลุ่มโปรตีนที่ร่างกายสร้างขึ้น ซึ่งมีคุณสมบัติเฉพาะในการรู้จัก กับสิ่งแปลกปลอมเฉพาะอย่าง เช่น รู้จักไวรัสตับอักเสบ รู้จักโรคอีสุกอีใส รู้จักพิษสุนัขบ้า ฯลฯ ซึ่ง การมี antibody ต่อเชื้อ covid19 ก็เป็นหนึ่งในโปรตีนที่ร่างกายสร้างขึ้น ... ระดับ antibody ที่เพิ่มสูงขึ้น แสดงให้เห็นว่า ถ้ามีสิ่งแปลกปลอมนั้นเข้ามาในร่างกาย ระบบทหารตำรวจที่ป้องกันตัวเราในเซลล์เม็ดเลือดขาว พร้อมที่จะออกมาทำงาน และจู่โจมสิ่งแปลกปลอมได้อย่างรวดเร็วทันใจ ... ถ้าจะเปรียบเทียบ antibody ก็คล้ายๆ กับ สายสืบ ที่มีบัญชีดำของผู้ร้าย Covid19 .....ระดับ antibody สูงหรือต่ำ ก็เทียบได้กับว่ามี สายสืบ อยู่มากน้อยเพียงใด ถ้ามีมาก เราก็เจอมันได้เร็ว จัดการมันได้เร็ว 


-antibody มีความจำเพาะมากพอควร แต่อาจจะมีการรู้จักข้ามกลุ่มได้ ดังนั้นใน Covid19 อัลฟ่า เบต้า เดลต้า ก็อาจจะมี antibody ข้ามกลุ่มได้ แต่ไม่ทั้งหมด ... คล้ายๆ กับสายสืบรู้ว่า ผู้ร้ายเป็นกลุ่มคนผิวขาว หรือ กลุ่มอาหรับ ฯลฯ 


-การเพิ่มขึ้นของ antibody ภายหลังได้รับ วัคซีน หรือ ป่วยเป็นโรค จะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน คือ ค่อยๆเพิ่มขึ้นหลังได้สัมผัสวัคซีน หรือ สัมผัสเชื้อโรค โดยจะขึ้นสูงในระดับที่พร้อมใช้งานประมาณ 2 สัปดาห์ ถึง 1 เดือน จากนั้น จะค่อยๆ ลดลง ... เหมือนสายสืบ ที่จะเข้มงวดมากในช่วงได้ข่าวผู้ร้ายใหม่ๆ หลังจากนั้น เวลาเจอผู้ต้องสงสัย ก็ต้องใช้เวลาคิด หรือฟื้นความจำนานหน่อย เพราะไม่ได้เจอมาพักใหญ่ .... แต่ถ้าเจอกับ วัคซีน หรือ เชื้อโรคในรอบสอง การเพิ่มขึ้นของ antibody จะขึ้นเร็ว และ สูงกว่า ครั้งแรก (ดังรูป) นี่คือเหตุผลที่ แพทย์ให้ฉีดวัคซีน 2 เข็ม โดยฉีดเข็มที่ 2 ในเวลาที่คิดว่า ภูมิคุ้มกันเริ่มน้อยลง ... จะกระตุ้นให้ระบบของร่างกายตื่นตัว และ antibody เพิ่มสูงขึ้นครับ .... ส่วนที่ว่า หลังฉีด 2 เข็ม ภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้นมาแล้ว จะลดลงอีกหรือไม่ ต้องกระตุ้นอีกเป็นเข็มที่ 3 หรือไม่ ต้องรอผลการศึกษาครับ


-ที่น่าสนใจคือ การกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ให้มีระดับ antibody ที่สูงขึ้นนั้น เกิดได้จากทั้ง การฉีดวัคซีน หรือ การติดเชื้อตามธรรมชาติ .. แปลว่า ถ้าฉีดวัคซีน ไปแล้ว 1 หรือ 2 เข็ม และ ระหว่างนั้น เกิดโชคไม่ดีไปรับเชื้อ covid19 เข้า ระดับ antibody จะถูกกระตุ้นให้สูงขึ้นอีกครั้ง คล้ายกับ การได้รับวัคซีนอีกหนึ่งเข็ม ... ซึ่ง การติดเชื้อนั้น ร่างกายอาจจะยังไม่แข็งแรงพอที่จะกำจัดโรค จึงป่วยติดเชื้อเป็นโรค แต่ถ้า ปริมาณเชื้อไม่มาก และ ร่างกายแข็งแรงพอ ก็ไม่เป็นโรค แต่ ได้รับการกระตุ้น antibody ให้สูงขึ้นกว่าเดิม ดังนั้น คนบางคน จึงอาจจะวัดค่า antibody ได้สูงมากๆ ถ้าเจอเชื้อโรคหลายครั้ง... ตรงนี้ น่าสนใจมากครับ ... เพราะ การวัดระดับ antibody ของ วัคซีน แต่ละประเภท ไม่ควรใช้ข้อมูลของ คนละประเทศ หรือ คนละบริเวณมาเปรียบเทียบกัน ... ทำไม หรือครับ ... เพราะ หากวัคซีนนั้น ถูกฉีดในประเทศที่มีคนป่วยเป็นโรคหนาแน่น มากมาย เช่น อเมริกา ระดับ antibody ที่วัดได้ของคนที่ได้รับวัคซีน อาจจะไม่ได้เป็นผลของวัคซีนอย่างเดียว อาจจะเป็น ผลของวัคซีน + การกระตุ้นจากการรับเชื้อโรค ระดับ antibody จึงค่อนข้างสูง (อย่างเช่น Pfizer หรือ Modena) แต่ถ้าเอาตัวเลขมาเทียบกับการวัดระดับ antibody ในประเทศที่เกิดการระบาดน้อยกว่าหลายๆเท่า อย่างเช่น ประเทศไทย ผลของวัคซีน ที่วัดได้ ก็อาจจะเป็นผลของวัคซีนล้วนๆ ซึ่งไม่ได้ถูกกระตุ้นด้วยการรับเชื้อโรคจากคนอื่นที่อยู่รอบข้าง อย่างในอเมริกา ค่าที่วัดได้จึงอาจจะดูต่ำกว่า ค่าที่วัดได้ ในอเมริกา


-อีกปัจจัยหนึ่งซึ่งมีผล คือ เวลา หลังฉีด เพราะ วัคซีน แต่ละชนิด มีอัตราการคงตัวของภูมิต้านทาน  หรือ antibody ไม่เท่ากัน บางชนิด ลดลงเร็ว หลัง 3 เดือน บางชนิด อาจจะเร็วกว่านั้น เวลาที่วัดค่า antibody หากวัดที่เวลาเดียวกัน อาจจะใช้เทียบกันไม่ได้... แต่เชื่อได้ว่า วัคซีนทุกชนิด ถึงแม้ระดับภูมิจะลดลง แต่เมื่อได้รับเชื้อ ระดับ ภูมิคุ้มกัน หรือ ระดับ antibody จะเพิ่มขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็วเหมือนกัน ... นี่คือเหตุผล ที่คนที่ฉีดวัคซีนแล้ว ไม่ป่วยหนัก และ โอกาสเสียชีวิตน้อยลง


-เชื่อว่า รายละเอียดต่างๆ เหล่านี้ บทความที่เราเห็น แชร์กันในโลก social หลายท่านอาจจะไม่ได้ ตามไปศึกษาถึงต้นเรื่อง ว่า วัดค่าที่ประเทศไหน เวลาใด ขณะนั้น ความชุกของโรคในประเทศนั้น เวลานั้น มีมากเท่าไหร่   ดังนั้น การนำข้อมูลมาเทียบกัน จึงต้องระวัง ....บางคน จั่วหัวเรื่องว่า head to head ... ที่จริง จะรายงานผล head to head ได้จริง ต้องเป็นการศึกษาทางการแพทย์ที่เป็นรูปแบบที่เรียกว่า control trial ซึ่ง ผู้ถูกฉีดวัคซีน และ ผู้ฉีดวัคซีน ก็ไม่รู้ว่า ได้รับวัคซีนตัวไหน จึงจะเชื่อถือได้ว่า ตัวใดตัวหนึ่ง ดีกว่าอีกตัวหนึ่ง


-รถ Ferrari ที่วิ่งเร็วมาก พอมาวิ่งในเมืองที่รถติด ก็วิ่งได้พอๆกับรถคันอื่น..... รถยนต์ hybrid ที่ว่าประหยัดน้ำมัน พอมาวิ่งในเมืองที่รถติด ก็ไม่ได้ประหยัดเหมือนที่โฆษณา .... ที่สำคัญ คือ ในบางสถานการณ์ มีรถพาเราไปจุดหมาย ก็ดีที่สุดแล้วครับ


...

ข่าวทั้งหมด

X