รมว.ท่องเที่ยวฯ ประเมินผลภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 15 วัน ดูเชื้อเพิ่มไม่เพิ่ม
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ช่วง 2 สัปดาห์แรกของโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ จะใช้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข 30 คนมาตรวจสอบเอกสารของนักท่องเที่ยว ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที นักท่องเที่ยวต้องเข้าตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ครั้งแรกที่สนามบินตามคู่มือมาตรฐานการปฏิบัติงานที่กำหนดไว้ เมื่อผ่าน 2 สัปดาห์แรกจะมีการนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบมากขึ้น
สิ่งสำคัญคือต้องดูผลการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ช่วง 15 วันแรกว่าเป็นอย่างไร พบการติดเชื้อกระเพื่อมสูงขึ้นในภูเก็ตหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อสายพันธุ์ไหนก็ตาม เพราะไม่สามารถทำนายได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
หากสถานการณ์ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ดี ถึงจะเดินหน้าเปิดพื้นที่นำร่องอื่นๆต่อได้อย่างมั่นใจ มีการกระจายวัคซีนเป็นตัวชี้วัดในการเปิดพื้นที่นำร่อง ขอย้ำอีกครั้งว่าไม่จำเป็นต้องเปิดทั้งจังหวัด แต่ละจังหวัดเลือกพื้นที่นำร่องที่มีความพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวก่อนได้
ด้านพญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 หรือ ศบค.กล่าวว่า มีการกำหนดมาตรการทบทวนโครงการ จ.ภูเก็ต มีประชากรทั้งที่มีทะเบียนบ้านและประชากรแฝงประมาณ 547,000 คน
-ถ้าใน 1 สัปดาห์ พบผู้ติดเชื้อ 75 คน จะมีการทบทวนชะลอ หรือยกเลิกโครงการ
-แต่ถ้าทำได้ดีจะขยายไปพื้นที่อื่น เช่น สมุยโมเดลในอีก 15 วัน
-ส่วนพื้นที่อื่น เริ่มเตรียมนำเสนอแผน ปรับมาตรการให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ เช่น เชียงใหม่ บุรีรัมย์ หากควบคุมการแพร่ระบาดได้และประชาชนในพื้นที่ได้รับวัคซีนเกินร้อยละ 70 สามารถเสนอพิจารณาได้
ปธ.สภาฯ สั่งสอบปมคนงานก่อสร้าง ยืนยัน ต้องยึดตามมาตรการของรัฐบาล
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ร้องเรียนว่าสภาผู้แทนราษฎร เปิดให้แรงงานเข้ามาทำงานภายในอาคารรัฐสภา ฝ่าฝืนประกาศ ศบค.ว่า ให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบและรายงานมาว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ต้องยึดตามมาตรการที่รัฐบาลออกมา อะไรไม่ถูกต้องแก้ไขให้ถูกต้อง อย่าไปทำผิดระเบียบที่กำหนดมา
เมื่อถามว่าหากเป็นแรงงานคนไทยที่ไม่ได้มาจากแคมป์คนงาน จะเข้ามาดำเนินการได้หรือไม่ นายชวน ตอบว่า รายละเอียดให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รายงานข้อเท็จจริงเข้ามา ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันตรวจสอบเป็นหูเป็นตา ยืนยัน อยากให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นแบบอย่างการปฏิบัติตามกฎหมาย ในสภาผู้แทนราษฎรทุกคนยังคงเคารพกฎเกณฑ์
บุรีรัมย์ ต้องสั่งปิด 5 โรงเรียน หลังผู้ป่วยที่เดินทางมาจากกทม. ไม่ยอมกักตัว
นายพิเชษฐ พืดขุนทด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์สำคัญที่ต้องเฝ้าระวังในพื้นที่อย่างใกล้ชิด คือ กรณีประชาชนกลุ่มเสี่ยงไม่ปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้อำนวยการโรงเรียนสั่งปิดโรงเรียนถึง 5 โรงเรียน
-พบในกรณีชาย อายุ 41 ปี อาชีพช่างก่อสร้าง แถวพุทธมณฑลสาย 1 กรุงเทพมหานคร ซึ่งถือเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม)
-ช่วงคืนวันที่ 26 มิ.ย. 64 ขับรถเข้ามาที่บ้านปลัดชุมแสง ตำบลบ้านบัว อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ โดยที่ไม่ยอมรายงานตัว หรือแจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ และมีพฤติกรรมเสี่ยงในการดำเนินชีวิตตลอดระยะเวลาที่พักอาศัยในจังหวัดบุรีรัมย์ เช่น ขับรถไปส่งและรับบุตรชายเพื่อเรียนพิเศษ รวมทั้งพูดคุยพบปะกับเพื่อนบ้าน เป็นต้น
-วันที่ 28 มิ.ย.64 ชายรายดังกล่าวพบอาการผิดปกติ จึงเดินทางไปโรงพยาบาลบุรีรัมย์ เพื่อตรวจทางห้องปฏิบัติการหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี Rapid Test ผลการตรวจพบเชื้อโควิด-19 และตรวจยืนยันอีกครั้งด้วยเทคนิค Real time RT-PCR ผลตรวจพบเชื้อโควิด-19 ขณะนี้ผู้ป่วยยังคงอยู่ระหว่างพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์
-จากการค้นหาผู้สัมผัสเพิ่มเติมในครอบครัวและชุมชน พบว่า มีผู้สัมผัสเพิ่มเติมรวมทั้งสิ้น จำนวน 9 คน
-เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดภายในครอบครัว จำนวน 6 คน (ได้รับวัคซีนป้องกัน โควิด-19 ครบตามจำนวนแล้ว 2 คน)
-เป็นผู้สัมผัสที่เป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียง จำนวน 3 คน
-ขณะนี้ผู้สัมผัสทุกคนอยู่ระหว่างการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิดตามแนวทางการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคฯ ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ระบุว่า จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่าผู้ป่วยรายนี้ฝ่าฝืนไม่ได้ปฏิบัติตนเพื่อเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ตามประกาศคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ไม่รายงานตัวและไม่กักตัว 14 วัน
ดำเนินคดี ร้านบลูโรส ย่านบางคอแหลม และ อีก 7 ร้านที่เชียงใหม่ มั่วสุมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีร้านในพื้นที่กรุงเทพมหานครและเชียงใหม่ที่เปิดให้มีการมั่วสุมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
-เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร : พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึง กรณีปรากฏคลิปข่าวแอบเปิดสถานบริการ มีการมั่วสุมดื่มสุรา และมีหญิงบริการ บริเวณอาคารเลขที่ 32-33 ซอยสุดประเสริฐ แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม ว่า บช.น.ได้สั่งการ พ.ต.อ.ธงชัย บัวรังสี ผกก.สน.วัดพระยาไกร ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ต่อมาทราบว่าเหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.64 เวลา 04.00 น. โดยมี น.ส.สุดใจ หรือเจ๊วิ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี แสดงตนเป็นเจ้าของอาคารที่ตั้งร้านบลูโรส ยอมรับสารภาพว่าในวันและเวลาดังกล่าวเป็นช่วงกำลังตกแต่งร้าน เพื่อเปิดให้บริการเป็นร้านคาราโอเกะ และได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหาจริง
การกระทำดังกล่าวพบว่าฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (มาตราการควบคุมโรค) และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ตำรวจได้ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับ น.ส.สุดใจ กับพวกรวม 8 คน ตามคดีอาญาที่ 476/64 ลงวันที่ 1 ก.ค.64 และทำการสืบสวนสอบสวน หาตัวผู้ร่วมกระทำผิดรายอื่นมาดำเนินคดี ในส่วนผู้บริโภคสุรา หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดี กับผู้กระทำผิดทุกรายตามกฎหมาย
-จังหวัดเชียงใหม่ : เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ สภ.ช้างเผือก และ สภ.แม่ปิง ดำเนินคดีกับร้าน 7 ร้าน ปล่อยปละละเลยให้มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่
-ร้านเชิญบาร์ เลขที่ 29 ต.หายยา
-ร้านวายโซน (Y-ZONE) เลขที่ 29/1 ต.หายยา
-ร้านหม่าล่ามหานิยม เลขที่ 183/11 หมู่ที่ 6 ต.ฟ้าฮ่าม
-ร้าน Chum Garden เลขที่ 10/20 ม.2 ต.ช้างเผือก
-ร้าน Havana เลขที่ 196/5/1 ถ.ราชภาคินัย ต.ศรีภูมิ
-ร้าน Roots Rock Reggae เลขที่ 196/5/1 ซอยในโซนนิ่ง ถ.ราชภาคินัย ต.ศรีภูมิ
-ร้าน Babylon เลขที่ 196/5/1 ถ.ราชภาคินัย ต.ศรีภูมิ