บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า เปิดเผยผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ฉบับก่อนตีพิมพ์ในวารสารเดอะแลนเซต ที่ระบุว่า วัคซีน 1 โดส สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ในระดับสูงเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี การเว้นระยะระหว่างโดสแรกกับโดสที่ 2 เป็นระยะเวลากว่า 45 สัปดาห์ สามารถกระตุ้นระดับแอนติบอดีในร่างกายเพิ่มขึ้นถึง 18 เท่า เมื่อมีการอ่านค่าแอนติบอดี 28 วันภายหลังการฉีดวัคซีนโดสที่ 2 หรือสูงกว่าการเว้นระยะระหว่างวัคซีนโดสแรกและโดสที่ 2 ที่ 12 สัปดาห์ถึง 4 เท่า บ่งชี้ว่าการเว้นระยะห่างระหว่างโดสที่นานขึ้นไม่ก่อให้เกิดผลเชิงลบ แต่ช่วยกระตุ้นระดับภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้นได้
นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า โดสที่ 3 ห่างจากโดสที่ 2 เป็นเวลา 6 เดือน สามารถกระตุ้นระดับแอนติบอดีให้เพิ่มขึ้นได้ 6 เท่า และส่งเสริมการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดทีเซลล์ในร่างกาย โดยแอสตร้าเซนเนก้าโดสที่ 3 นี้ มีศักยภาพสูงขึ้นในการป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์อัลฟา (B.1.1.7 หรือสายพันธุ์เคนท์), สายพันธุ์เบตา (B.1.351 หรือสายพันธุ์แอฟริกาใต้) และสายพันธุ์เดลตา (B.1.617.2 หรือสายพันธุ์อินเดีย)
การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าโดสที่ 2 ซึ่งเว้นระยะห่างขึ้น และโดสที่ 3 พบการเกิดอาการไม่พึงประสงค์น้อยกว่าการฉีดวัคซีนโดสแรก
เซอร์ เมเน แพนกาลอส รองประธานบริหารฝ่ายวิจัยและพัฒนาด้านยาชีวเภสัชภัณฑ์ เปิดเผยว่า การที่วัคซีนสามารถกระตุ้นให้เกิดระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและยาวนานมีความสำคัญต่อการสร้างความเชื่อมั่นในการป้องกันในระยะยาว
มากกว่า 50 ประเทศขึ้นทะเบียนให้ใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในกรณีฉุกเฉิน สำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป โดยให้วัคซีน 2 โดสแรกห่างกัน 4-12 สัปดาห์ นอกจากนี้ ยังมีการจัดส่งวัคซีนอีกมากกว่า 600 ล้านโดส ผ่านโครงการโคแวกซ์ขององค์การอนามัยโลก
...
ทรัมป์ ยืนยันเนทันยาฮูเผยต้องการยุติสงครามในฉนวนกาซา
...
วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมาย 'ใหญ่และสวยงาม' ของทรัมป์ด้วยการลงคะแนนชี้ขาด
...
เยอรมนีเรียกพบทูตอิหร่าน กรณีจับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นสายลับ
...
ข่าวทั้งหมด
