กรมชลประทาน ขอความร่วมมือเกษตรกรลุ่มน้ำเจ้าพระยาชะลอการทำนาปี หลังเกิดภาวะฝนทิ้งช่วง และปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลักลดลงอย่างต่อเนื่อง ย้ำว่าขอให้รอฝนตกชุกสม่ำเสมอและมีน้ำเพียงพอในพื้นที่จึงทำการเพาะปลูก
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยแนวทางบริหารจัดการน้ำตามนโยบายของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าเนื่องจากฝนทิ้งช่วงในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย.64 ประกอบกับ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายว่าในช่วงปลายเดือนมิ.ย.ถึงต้นเดือนก.ค.64 ปริมาณฝนจะลดลง อีกทั้งปริมาณน้ำต้นทุนในเขื่อนต่างๆ อยู่ในเกณฑ์น้อย จำเป็นต้องบริหารจัดการน้ำในภาวะวิกฤตนี้ตามแผนการบริหารจัดการน้ำฤดูฝนปี 2564 อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ประชาชนและเกษตรกรที่ทำการเพาะปลูกข้าวนาปีไปแล้วได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
กรมชลประทาน ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยาทั้ง 22 จังหวัด ขอความร่วมมือเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวข้าวนาปรังแล้วให้ชะลอการปลูกข้าวนาปี 2564 เพื่อรอฝนตกสม่ำเสมอ และมีปริมาณน้ำในพื้นที่เพียงพอ พร้อมทั้งให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกพืชฤดูฝนโดยใช้น้ำฝนเป็นหลัก ใช้น้ำชลประทานเสริม และบริหารจัดการน้ำท่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด สำหรับพื้นที่ที่ทำการเพาะปลูกแล้วควรเข้มงวดให้ใช้น้ำแบบรอบเวร และปฏิบัติตามมาตรการบริหารจัดการน้ำฤดูฝนปี 2564 ของกรมชลประทานอย่างเคร่งครัด
สถานการณ์น้ำปัจจุบัน (1 ก.ค. 64)
-อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 34,073 ล้าน ลบ.ม.
-เป็นน้ำใช้การได้ 10,144 ล้าน ลบ.ม.
-เฉพาะลุ่มเจ้าพระยา คงเหลือปริมาณน้ำใช้การได้ใน 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) เพียง 986 ล้านลูกบาศก์เมตร
-ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ รวมประมาณวันละ 16.28 ล้าน ลบ.ม.(1 พ.ค.-30 มิ.ย. 64) อยู่ในเกณฑ์น้อย
-ขณะที่ยังคงต้องระบายน้ำเพื่อใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ รวมกันวันละ 49.03 ล้าน ลบ.ม.
-พื้นที่ปลูกข้าวนาปี ในเขตลุ่มเจ้าพระยา ปลูกไปแล้วกว่า 4.70 ล้านไร่
-หลายพื้นที่เริ่มประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำในการผลิตน้ำประปา
-สถานการณ์น้ำเค็มรุกล้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างมีค่าความเค็มที่สถานีสูบน้ำสำแลสูงถึง 1.22 กรัมต่อลิตร เกินค่ามาตรฐานในการผลิตน้ำประปา(มาตรฐานค่าความเค็มที่สามารถผลิตน้ำประปาได้ต้องไม่เกิน 0.50 กรัม/ลิตร) ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล