เปิดพระรูปปั้น เจ้าหญิงไดอานา วันนี้ ตรงกับวันคล้ายวันประสูติครบ 60 พรรษา
วันนี้ ที่อังกฤษ จะมีพิธีเปิดพระรูปปั้นเจ้าหญิงไดอานา บริเวณสวนซันเคน ในพระราชวังเคนซิงตัน โดยเจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี พระโอรสทั้งสองพระองค์ จะเสด็จฯร่วมในพิธี เนื่องในวันคล้ายวันประสูติครบ 60 พรรษา วันที่ 1 ก.ค.64
ส่วนบรรยากาศหน้าพระราชวังเคนซิงตัน เมื่อวานนี้ 30 มิ.ย.64 มีการประดับพระฉายาลักษณ์ เจ้าหญิงไดอานา รวมทั้งช่อดอกไม้จากบรรดาแฟนคลับราชวงศ์ ที่พากันมาร่วมรำลึกถึงเจ้าหญิงไดอานา
เมื่อปี 2560 เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปีของการจากไปของเจ้าหญิงไดอานา ที่สิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2540 ขณะมีพระชนม 36 พรรษา เจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแฮร์รี พระโอรสทั้งสองประกาศจะสร้างพระรูปปั้นพระมารดาขึ้นที่สวนในพระราชวังเคนซิงตัน ด้วยเหตุผลว่า “พระมารดาของเรามีส่วนอยู่ในชีวิตผู้คนมากมาย เราหวังว่ารูปปั้นนี้จะช่วยให้ผู้คนที่เข้ามาเที่ยวในพระราชวังเคนซิงตันได้ระลึกถึงชีวิตของพระองค์ และสิ่งที่พระองค์ได้ทำไว้”
ยังไม่หมดหวัง! ทีมกู้ภัย ค้นหาผู้อยู่ใต้ซากคอนโดหรูในฟลอริดา หายอีกเกือบ 150 คน
หน่วยกู้ภัยพบศพผู้เสียชีวิตจากใต้ซากปรักหักพังของคอนโดหรู แชมเพลน ทาวเวอร์ สูง 12 ชั้น ในเมืองเซิร์ฟไซด์ ในเขตไมอามี-เดด รัฐฟลอริดา สหรัฐฯ ที่พังถล่มลงมาเมื่อสัปดาห์ก่อนเพิ่มอีก 4 ศพ เมื่อช่วงเช้ามืดวันพุธที่ 30 มิ.ย.64 ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากหายนะครั้งนี้เพิ่มขึ้นเป็น 16 ศพแล้ว ขณะที่ยังมีผู้สูญหายอีกเกือบ 150 คน
หน่วยกู้ภัยยังไม่หมดหวังที่จะพบผู้รอดชีวิต เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่เพิ่งทำทางลาด เพื่อนำเครนยกไปยังซากอาคารจุดที่ยังเข้าไม่ถึงและจะมีทีมกู้ภัยจากรัฐอื่นๆ เดินทางมาช่วยเพิ่มเติมด้วย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พบอุปสรรคในการทำงานหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคลื่นความร้อนและความชื้นสูง ไฟไหม้ และ เศษซากอาคารที่ตกลงมา นอกจากนั้น พยากรณ์อากาศยังเตือนด้วยว่า ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะเกิดพายุฤดูร้อนในพื้นที่แถบนี้ด้วย
สาเหตุที่ทำให้อาคารอายุกว่า 40 ปีแห่งนี้พังถล่มลงมายังคงเป็นปริศนา แต่มีการเปิดเผยเอกสารการตรวจสอบอาคารทำให้รู้ว่า วิศวกรเตือนเรื่องความเสียหายทางโครงสร้างของอาคารมาตั้งแต่เดือนเม.ย.64 แล้ว ซึ่งสำนักงานอัยการเขตไมอามี-เดด กำลังยื่นฟ้องร้องสมาคมผู้จัดการอาคารท้องถิ่น ข้อหาปล่อยปละละเลยด้วย
เสียชีวิตกว่า 130 ราย คลื่นความร้อนปกคลุมทั่วแคนาดา
ตำรวจในเมืองแวนคูเวอร์ แคนาดา เปิดเผยว่า มีคนเสียชีวิตกว่า 130 รายนับตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว หลังคลื่นอากาศร้อนจัดแผ่ปกคลุมทั่วแคนาดาในระยะนี้ ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ หรือกลุ่มที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ
โดยเฉพาะเมืองลิตตัน รัฐบริติชโคลัมเบีย ทางภาคตะวันตกของประเทศ อุณหภูมิสูงถึง 49.6 องศาเซลเซียส เป็นวันที่สามติดต่อกันแล้ว นับเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ก่อนหน้านี้ อุณหภูมิในหลายท้องที่ของแคนาดาสูงขึ้น แต่ไม่เคยเกิน 45 องศาเซลเซียส
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศจะทำให้อากาศแปรปรวน เช่น เกิดคลื่นความร้อนเช่นนี้บ่อยๆ
ส่วนแถบชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ ฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ในเมืองพอร์ทแลนด์ รัฐออริกอน อุณหภูมิสูงถึง 46.1 องศาเซลเซียส
ในเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน อุณหภูมิสูง 42.2 องศาเซลเซียส นับว่าสูงเป็นสถิติใหม่ตั้งแต่สำนักพยากรณ์อากาศสหรัฐฯรวบรวมสถิติมาตั้งแต่ปี 2483 มีรายงานว่ามีคนเสียชีวิตกว่า 10 ราย
CNN
หัวหน้าทีมวิจัยอ็อกซ์ฟอร์ด ยืนยัน วัคซีน 2 เข็ม ได้ผลดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องฉีดเข็ม 3
ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ มีรายงานว่ากระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ กำลังเตรียมแผนเริ่มต้นการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 3 ให้กับประชาชน
ศาสตราจารย์ แอนดรูว์ พอลลาร์ด นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ และเป็นหัวหน้าทีมวิจัยที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 แอสตร้าเซนเนก้า ระบุว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับชาวอังกฤษที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว 2 เข็ม เพราะวัคซีน 2 เข็มที่ได้รับไปก็ให้ผลลัพธ์ดีที่สุดแล้ว สามารถลดอาการป่วยหนักถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลลงได้ถึงร้อยละ 90 ในขณะที่ข้อมูลจากการวิจัยกรณีเข็มที่ 3 ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าสัดส่วนของการป้องกันการต้องเข้าโรงพยาบาลดีขึ้นกว่าร้อยละ 90
ศาสตราจารย์พอลลาร์ด เห็นว่า รัฐบาลควรพิจารณาจัดส่งวัคซีนส่วนที่เก็บสำรองเอาไว้สำหรับการฉีดเข็มที่ 3 ไปให้กับชาติกำลังพัฒนาที่กำลังต้องการวัคซีนโควิด-19 อยู่ในเวลานี้จะดีกว่า
WHO เตือนแม้ฉีดวัคซีนแล้ว แต่อย่าการ์ดตก
หนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ รายงานว่า ดร. มารีอันเจลา ซีเมา (Dr. Mariângela Simão) ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก( WHO) กล่าวว่า แม้ว่าคนทั่วโลกจะฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้นแล้ว แต่ยังต้องป้องกันตัวเองจากโควิด-19 ต่อไป
ลอสแอนเจลีส เคาน์ตี้ ออกคำสั่งให้สวมหน้ากากอนามัยอีกครั้ง
พบการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา(อินเดีย) ในสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น CNN รายงานว่า ทำให้มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอเมริกันบางส่วน ออกคำแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัย เช่น ในลอสแอนเจลีส เคาน์ตี้ (Los Angeles County) นำคำสั่งเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง รวมถึงผู้ที่รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว หลังมีการแพร่ระบาดไวรัสเดลตาเกิดขึ้น แต่ในคำแนะนำ ชี้ว่า คำสั่งใหม่นี้ไม่ได้บังคับทุกคนแต่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ
สอดคล้องกับ สำนักโพลแกลลัป (Gallup poll)ของสหรัฐฯ ชี้ว่า มีชาวอเมริกันในกลุ่มวัยผู้ใหญ่จำนวนร้อยละ 29 คิดว่าวิกฤตโควิด-19ในสหรัฐฯสิ้นสุดลงแล้ว เมื่อเทียบกับอีกร้อยละ 71 คิดว่า วิกฤตยังคงเกิดขึ้น
อินโดฯ เริ่มฉีดวัคซีนให้หญิงตั้งครรภ์ เด็กอายุ 12-18 ปี
นายมารูฟ อามิน รองประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า อินโดนีเซียเริ่มโครงการฉีดวัคซีนซิโนแวคป้องกันโรคโควิด-19 ในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ แม่ที่ให้นมบุตร และเด็กอายุ 12-18 ปีแล้ว ล้วนเป็นกลุ่มคนเปราะบางต่อโรคโควิด-19 พร้อมเสริมว่าวัคซีนจะเป็นตัวพลิกโฉมการรับมือกับการระบาดใหญ่ของประเทศ
ข้อมูลจากสมาคมกุมารแพทย์แห่งอินโดนีเซีย ระบุว่า จำนวนเด็กที่ป่วยด้วยโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5 นับตั้งแต่มีรายงานการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาในอินโดนีเซีย
ลาว พบแรงงาน 3 คน ข้ามแดนจากไทยติดโควิด สายพันธุ์เดลตา
ลาวพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา(อินเดีย) จำนวน 3 คน จากจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ 20 คน กระทรวงสาธารณสุขของลาว รายงานว่าผู้ป่วยทั้ง 3 คน เป็นแรงงานชาวลาวที่เดินทางออกจากไทย ข้ามแดนกลับไปลาวผ่านจุดผ่านแดนที่แขวงจำปาสัก ถือว่าเป็นการพบเชื้อกลายพันธุ์เป็นครั้งแรกในประเทศ ทำให้รัฐบาลลาวขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการควบคุมทางสาธารณสุขด้วยความเคร่งครัดต่อไป โดยไม่ต้องตื่นตระหนก
สิงคโปร์ อนุญาตให้นักเดินทางจากกวางตุ้งของจีน เข้ามาได้ ไม่ต้องกักตัว
กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ (MOH) เปิดเผยรายละเอียดการต้อนรับนักเดินทาง
-อนุญาตให้นักเดินทางจากมณฑลกวางตุ้งของจีน สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ โดยไม่ต้องกักตัวตามมาตรการ Stay-Home Notice (SHN) หากผลการทดสอบหาเชื้อโควิด-19 ออกมาเป็นลบ เนื่องจาก สถานการณ์โควิด-19 ในมณฑลกวางตุ้งดีขึ้น มีผลตั้งแต่เวลา 23.59 น.ของวันที่ 2 ก.ค.64 ตามเวลาท้องถิ่น
-คนที่เดินทางมาจากประเทศออสเตรเลีย ต้องแสดงผลการทดสอบ PCR ของโรคโควิด-19 เมื่อมาถึงประเทศ และกักตัวตามมาตรการ SHN เป็นเวลา 7 วัน ภายในที่พัก และก่อนจะสิ้นสุดระยะเวลาการกักตัวต้องทดสอบ PCR อีกครั้ง