หลังจากที่ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 7/2564 เรื่องแนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 11)เกี่ยวกับมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรแนบท้ายคำสั่ง
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. เปิดเผยว่า คำสั่งนี้ เพิ่มข้อความ ดังนี้ การเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรของผู้โดยสารหรือผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร (12) ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นจังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวหรือกิจกรรมอื่น ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล เป็นการออกเพื่อรองรับการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ให้เจ้าหน้าที่มีความเข้าใจตรงกันและให้ประชาชนมีความมั่นใจ
การเปิดโมเดลภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 1 ก.ค. 64 จะมี 4 เที่ยวบินเดินทางเข้ามา มีนักท่องเที่ยวประมาณ 249 คน จากหลายประเทศ รวมทั้งนักท่องเที่ยวจากอิสราเอล กาตาร์ อาบูดาร์บี ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามาในรอบนี้ ทั้งนี้กลุ่มที่เดินทางเข้ามาจะต้องเตรียมเอกสารตามที่เรากำหนดไว้
-หนังสือรับรองการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย
-ใบรับรองแพทย์ ที่มีผลการตรวจไม่ติดเชื้อโควิด-19 และยืนยันการตรวจหาเชื้อ Swab ไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง รวมทั้งหลักฐานการยืนยันว่าได้ตรวจหาเชื้อแล้ว
-กรมธรรม์ ไม่น้อยกว่าหนึ่งแสนดอลลาร์
-มีหลักฐานการชำระค่าที่พักไม่น้อยกว่า 14 วัน
เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึงจะบินตรงไปที่จ.ภูเก็ตเลย หรือ บินมาที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อรวบรวมครบแล้วก็จะบินตรงไปที่ จ. ภูเก็ต ไม่ปะปนกับกลุ่มอื่น หากนักท่องเที่ยวอยู่ครบแล้ว 14 วัน สามารถเดินทางไปเที่ยวได้ จะต้องมีการตรวจหาเชื้ออีกสองครั้งในช่วงวันที่ 6-7 และวันที่ 12-13 หากอยู่ไม่ถึง 14 วัน เมื่อออกจากจ.ภูเก็ต ให้เดินทางกลับประเทศทันที
ส่วนการเดินทางจากกรุงเทพมหานครลงไปใน 4 จังหวัดภาคใต้ นพ.ทวีศิลป์ ชี้แจงว่า ประชาชนไม่ต้องไปขอเอกสารยืนยันการเดินทางออกที่สำนักงานเขต แต่เมื่อเดินทางไปถึงจังหวัดปลายทางต้องปฎิบัติตามมาตรการของคณะกรรมการจังหวัด เช่น ต้องกักตัว ต้องรายงานตัว เป็นต้น