สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ดเริ่มทดลองให้ยาฆ่าพยาธิ ไอเวอร์เม็กติน กับคนที่มีอาการโควิด-19 เพื่อช่วยบรรเทาอาการหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลได้หรือไม่ โครงการวิจัยที่ชื่อพรินซิเพิล (Principle) จะเทียบคนที่ได้รับยานี้กับคนที่ได้รับการดูแลตามปกติจากสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติ (National Health Service - NHS)
สำหรับยาตัวนี้กลายเป็นประเด็นถกเถียงหลังถูกส่งเสริมให้ใช้รักษาโควิดในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ และแอฟริกาใต้ แม้ว่าจะยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าใช้ได้ โดยระบุว่า การทดลองนี้ไม่สามารถระบุได้ว่ายามีคุณภาพตามมาตรฐาน ปกติแล้ว ยานี้ถูกใช้รักษาโรคพยาธิต่าง ๆ อาทิ โรคตาบอดแถบแม่น้ำ (river blindness) แต่มีการพบว่ามันสามารถฆ่าเชื้อไวรัสต่าง ๆ ในจานเพาะเชื้อได้ แต่ต้องให้ในโดสที่สูงกว่าปกติ
แม้จะมีผลลัพธ์เชิงบวกออกมาจากการทดลองเล็ก ๆ ศาสตราจารย์ริชาร์ด ฮอบบ์ส หัวหน้าผู้วิจัยร่วมของโครงการพรินซิเพิล บอกว่ายังเร็วเกินไปที่จะแนะนำให้คนใช้ยาตัวนี้สำหรับโควิด การศึกษาแบบสังเกตการณ์ที่เคยมีมา เป็นการไปดูคนที่รับยานี้อยู่แล้ว ไม่ใช่การไปให้ยากับกลุ่มประชากรที่เป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่ได้ จึงไม่สามารถบอกได้ว่ายาจะมีผลอย่างไรต่อคนต่างกลุ่มกัน การศึกษาแบบสังเกตการณ์ เคยชี้ว่ายาปฏิชีวนะอะซิโธรมัยซิน (Azithromycin) อาจช่วยผู้ป่วยโควิดได้ แต่การทดลองโดยพรินซิเพิลชี้ในเวลาต่อมาว่ายาไม่ได้ผล ดังนั้นการทดลองโดยโครงการพรินซิเพิลจึงมีมาตรฐานสูง สามารถวัดได้จริงๆว่ายามีประสิทธิภาพหรือไม่โดยไม่นับปัจจัยอื่น ๆ แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานเพียงพอ แพทย์และคนที่ซื้อยากินเองก็ใช้ไอเวอร์เม็กตินกันแล้วทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นที่บราซิล โบลิเวีย เปรู แอฟริกาใต้ และสหรัฐอเมริกา
บริษัทขายยา ซิงเกิลแคร์ (SingleCare) ในสหรัฐฯ บอกว่าในเดือน ม.ค. และ ก.พ. ปีนี้ มีคนสั่งยานี้ 817 ครั้ง เทียบกับแค่ 92 ครั้งเมื่อปีก่อน ดร.สตีเฟน กริฟฟิน จากมหาวิทยาลัยลีดส์ บอกว่า อันตรายของการใช้ยาสำหรับอาการนอกเหนือที่กำหนดไว้บนฉลากคือ การใช้ยาตัวนั้นถูกผลักดันโดยกลุ่มที่ได้ผลประโยชน์ หรือคนที่สนับสนุนการรักษาทางเลือก จนมันถูกทำให้เป็นการเมือง
ดังนั้นการทดลองโดยอ็อกซ์ฟอร์ดน่าเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าจะสามารถใช้ยานี้ได้ไหม ทีมวิจัยของอ็อกซ์ฟอร์ดบอกว่าพวกเขาเลือกยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการทดลองเพราะว่าสามารถหายานี้ได้ง่ายทั่วโลก และก็ค่อนข้างปลอดภัย ในจำนวนยาอีก 6 ตัวที่โครงการพรินซิเพิลทดลองอยู่ มีเพียงยาพ่นบูเดโซไนด์ที่มีสเตียรอยด์ที่ทีมวิจัยพบว่ามีประสิทธิภาพ
โครงการคู่ขนานของพรินซิเพิล ชื่อ ริคัฟเวอรี (Recovery) ซึ่งทดลองเรื่องการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลพบว่า เดกซาเมทาโซน เป็นยาสเตียรอยด์อีกตัวหนึ่งที่สามารถรักษาโควิดได้โดยพบว่าช่วยชีวิตคนได้มากกว่า 2 หมื่นรายในสหราชอาณาจักร
ตั้งแต่ต้นปีนี้ ชาวแอฟริกาใต้บางส่วนเรียกร้องให้ทางการอนุญาตให้มีการใช้งานยาไอเวอร์เม็กตินได้ ยาตัวนี้ได้รับความนิยมในตลาดมืด นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีการยึดยานี้ได้แล้วหลายล้านเม็ดในแอฟริกาใต้ โดยพบว่าเครือข่ายผิดกฎหมายนี้ไปไกลถึงจีนและอินเดีย ก่อนที่จะถูกนำเข้ามาเกี่ยวข้องกับการรักษาโควิด ยาไอเวอร์เม็กติน 10 เม็ด มีราคา 4 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 120 บาท) แต่ตอนนี้ราคาปรับเพิ่มขึ้นเป็น 15 เท่าตัว