ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 12.30 น.วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน 2564

ผลตรวจตรวจโควิด-19 ข้าราชการ  7  คนใกล้ชิดส.ว. พบ 3 คนเป็นลบ ส่วนอีก 4 คน รอผล 29 มิ.ย.

          นายนัฑ ผาสุข เลขาธิการสำนักงานวุฒิสภา เปิดเผยว่า ผลการตรวจเชื้อโควิด-19 ของข้าราชการรัฐสภาทั้งหมด 7 คน ที่ใกล้ชิดกับสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)ที่ติดเชื้อโควิด-19 

-ตรวจค้นหาเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 คน ผลตรวจออกมาเป็นลบทั้งหมด

-ส่วนอีก 4 คน ตรวจเมื่อช่วงเช้าวันนี้ คาดว่า ผลตรวจจะสรุปออกมาภายในวันที่ 29 มิ.ย.64

สำหรับมาตรการของวุฒิสภา นอกจาก งดการประชุมวุฒิสภาและกรรมาธิการ (กมธ.)ตลอดทั้งสัปดาห์นี้แล้ว ยังลดการใกล้ชิดสัมผัสของข้าราชการและบุคลากรของวุฒิสภา  รวมทั้งมีการทำความสะอาดบิ๊กคลีนนิ่งพื้นที่ฝั่งวุฒิสภาทุกวัน เช้าและเย็น และเล็งที่จะทำความสะอาดเพิ่มเติม หลังมีการเปิดโซนกลาง ซึ่งเป็นห้องทำงานของ ส.ว. จำนวน  250 ห้อง และห้องทำงานของประธานกมธ.ของวุฒิสภา ด้วยยังมีแรงงานเข้ามาปรับปรุงพื้นที่ จึงจำเป็นต้องทำความสะอาดพื้นที่

เปิดไทม์ไลน์ ‘แพนเค้ก เขมนิจ’ ติดโควิด-19 รักษาตัวในรพ.แล้ว

          หลังจากมีสมาชิกในครอบครัวได้รับเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 คน ล่าสุด แพนเค้ก เขมนิจ จามิกร ดาราสาวชื่อดัง ได้แจ้งข่าว เพิ่มเติมว่า ตัวเธอติดโควิด-19  หลังเข้าตรวจหาเชื้อ และพบว่ามีผลเป็นบวก ขณะนี้ได้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลแล้ว  นอกจากนั้น แพนเค้ก ได้แจ้งไทม์ไลน์ให้ทราบดังนี้

21 มิถุนายน ไปตักบาตรที่วัด และ ไปเวิร์กช้อป

22 มิถุนายน ไปเวิร์กช้อป

23 มิถุนายน ไปงานกองทัพเรือ และกลับบ้าน

24 มิถุนายน ไปเวิร์กช้อป

25 มิถุนายน ถ่ายงานที่บ้าน

26 มิถุนายน ทานข้าวกับครอบครัวที่ เดอะ พรอมานาด

27 มิถุนายน เดินทางไปตรวจช่วงเที่ยง และทราบผลช่วงเย็น และเข้ารับการรักษา

แอสตร้าฯ ย้ำส่งมอบวัคซีนให้ไทยครบ 6 ล้านโดส

          นายเจมส์ ทีก ประธาน บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับกระทรวงสาธารณสุขแล้ว 4,700,000 โดส และจะทำการส่งมอบวัคซีนครบ 6,000,000 โดส ภายในสัปดาห์นี้ ตามแผนการจัดหาวัคซีนจำนวน 61,000,000 โดสให้กับประเทศไทย

         นายเจมส์ กล่าวว่า บริษัทจะดำเนินการส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้รัฐบาลไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้จะเริ่มส่งออกวัคซีนไปยังประเทศต่างๆ ในต้นเดือน ก.ค. 64 หนึ่งในสามของกำลังการผลิตวัคซีนภายในประเทศได้ถูกสำรองไว้เพื่อผลิตวัคซีนให้กับประเทศไทย ตามคำสั่งซื้อรวม 61,000,000 โดส ซึ่งคิดเป็นหนึ่งในสามของวัคซีนจำนวน 180,000,000 โดส ที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ ส่วนกำลังการผลิตที่เหลืออีกประมาณสองในสามจะจัดสรรให้กับการผลิตวัคซีนเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

          เดือน ต.ค.ปี 63  แอสตร้าเซนเนก้า กระทรวงสาธารณสุข เอสซีจี และสยามไบโอไซเอนซ์ ได้ร่วมกันลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงในการผลิตและจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อให้ประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมโดยเร็ว

ผอ.สศค.ยืนยัน เดินหน้าโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ตามเดิม

           น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า จากการหารือในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารเศรษฐกิจในช่วงสถานการณ์ โควิด-19 หรือ (ศบศ.) เป็นการด่วน ได้ข้อสรุปว่า จะไม่มีการเลื่อนมาตรการคนละครึ่งเฟส 3 ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.64 นี้ แม้ว่าจะมีการประกาศควบคุมพื้นที่ป้องกันการระบาดช่วงเดือน ก.ค. 64 ก็ตาม

           กระทรวงการคลังจะโอนเงินเข้าแอปพลิเคชันเป๋าตังให้ผู้ได้สิทธิ ในวันที่ 1 ก.ค.64 วงเงิน 1,500 บาท และ วันที่ 1 ต.ค. 64 วงเงิน 1,500 บาท รวม 3,000 บาท ตลอดโครงการ ตามกรอบเดิมที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบไว้

          กระทรวงการคลัง จะโอนเงินให้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 64 นี้ ผู้ได้สิทธิสามารถเลือกใช้จ่ายได้ ตามที่สะดวก เพราะมาตรการมีระยะเวลา 6 เดือน หากสถานการณ์ ไม่สะดวกให้ใช้จ่าย ก็สามารถชะลอไปใช้เดือนต่อ ๆ ไปได้ แต่คลังก็จะโอนไว้ให้เพื่อเป็นการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายจากสถานการณ์ขณะนี้          

          สำหรับมาตรการคนละครึ่งเฟส 3 จะเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.64โดยรัฐจะสมทบค่าใช้จ่ายให้ ร้อยละ 50 แต่ไม่เกินวันละ150 บาท โดยวงเงินที่เหลือในแต่ละวัน สามารถทบไปใช้ได้จนสิ้นสุดอายุมาตรการ โดยขณะนี้ ยังคงเหลือสิทธิกว่า 2,500,000 สิทธิ จากทั้งหมด 31,000,000 สิทธิ

แฟ้มภาพ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

ตร.ภาค 1 ควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงาน สำรวจแคมป์กว่าพันแห่ง  

          พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 สั่งการให้ตำรวจในสังกัดควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานและการเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงต่างๆ ดูแลโรงงานอุตสาหกรรม ตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.-30 ก.ย.64 พร้อมทั้งสำรวจโรงงานและแคมป์คนงานก่อสร้างใน 9 จังหวัดของตำรวจภูธรภาค1 พบว่ามีทั้งหมด 1,372 แห่ง แรงงาน 63,262 คน

          โดยบูรณาการกำลังร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขจังหวัด ,ฝ่ายปกครอง,ฝ่ายท้องถิ่น,ฝ่ายทหาร ตั้งจุดตรวจ จุด สกัดเฝ้าระวังทุกกลุ่ม โดยเน้นตรวจกลุ่มแรงงาน ทั้งคนไทยและต่างด้าวที่เดินทางออกนอกพื้นที่ ทั้งนี้ ในส่วนของจุดตรวจสกัดนั้นได้มีการดำเนินการ 11 จุด ประกอบด้วย จังหวัดปทุมธานี 4 จุด,จังหวัดสมุทรปราการ 4 จุด, จังหวัดนนทบุรี 2 จุด และจังหวัดสระบุรี1  จุด นอกจากนี้ ได้กำชับไปยังโรงพักในสังกัดตำรวจภูธรภาค1 ตั้งด่านในจุดบริเวณที่สำคัญด้วย 

          เมื่อคืนนี้ พบว่ามีแรงงานต่างด้าวที่เคลื่อนย้ายกว่า 19 คน โดยเดินทางจากจังหวัดนครปฐมมาที่อ.หนองแค จ.สระบุรี  เบื้องต้นได้ให้สาธารณสุขจังหวัด ตรวจสอบและได้ส่งกลับไปกักตัวที่จังหวัดต้นทาง คือ จังหวัดนครปฐม เหมือนเดิม

         นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำการปฎิบัติให้ตำรวจในสังกัด ควบคุมพฤติกรรมและกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคและการละเมิดข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวมถึงพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจปฎิบัติหน้าที่ชุดสายตรวจร่วม โดยร่วมปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการออกตรวจสถานบริการ,สถานประกอบการแคมป์ที่พักคนงาน,โรงงาน,ตลาด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติชุดเคลื่อนที่เร็ว สนับสนุนภารกิจกรณีได้รับการร้องขอจากเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนกำลังพลข้าราชการตำรวจสนับสนุนภารกิจกรณีที่ทางจังหวัดมีคำสั่งให้ปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง อีกทั้งทำความเข้าใจกับทางกลุ่มแรงงานไม่ให้เคลื่อนย้าย