การประชุมเรื่องวัคซีนและการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19)เพื่อพิจารณาข้อดีข้อเสียการล็อกดาวน์พื้นที่ กทม.และพื้นที่สีแดงเข้ม โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คณะที่ปรึกษาด้านสาธารณสุข ร่วมหารือ
หลังการประชุมพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษาด้านสาธารณสุข ได้ร่วมกันแถลงข่าวระบุว่า ได้มีการนำมาตรการที่เคยใช้เมื่อเดือนเมษายน 2563 มาประเมินใช้ โดยจะมีการปิดพื้นที่บางส่วนที่มีกิจการและกิจกรรมที่เสี่ยงในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และ 4 จังหวัดภาคใต้คือ จ.ยะลา ปัตตานี สงขลา และนราธิวาส ที่พบว่ามีการแพร่ระบาดเป็นคลัสเตอร์ เช่นเดียวกับ การสั่งปิดแคมป์คนงานที่เป็นเวลา 1 เดือน โดยให้กระทรวงแรงงานช่วยเหลือดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งแรงงานคนไทยและแรงงานต่างด้าว คาดว่า จะออกมาตรการภายในสัปดาห์นี้ และมีผลตั้งแต่วันจันทร์หน้า(28 มิ.ย.)เป็นต้นไป
รัฐบาลยังขอความร่วมมือเรื่องจำกัดการเดินทางที่อาจจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้ รวมทั้งการเดินหน้าฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุและ 7 กลุ่มเสี่ยงให้ครบภายใน 2 เดือนนี้ คือ เดือน ก.ค.-ส.ค.นี้
สำหรับการจัดหาเตียงสำหรับผู้ป่วยโควิด-19อาการหนัก จากการหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและกรุงเทพมหานคร ล่าสุด ได้จัดปริมาณเตียงเพิ่มขึ้น 100 เตียง เป็นผู้ป่วยไอซียู กระทรวงสาธารณสุขได้ของบเพิ่มเติม โดยระบบต้องเชื่อมโยงโรงพยาบาลด้วย และการจัดหาบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มเติม
การจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่า นอกจากวัคซีนซิโนแวค และแอสตร้าเซนเนก้า จะมีการหาวัคซีนตัวอื่นเข้ามา ทั้ง ไฟเซอร์ ซิโนฟาร์ม จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ที่กำลังจะทยอยเข้ามา ทั้งในไตรมาส 3-4 การบริหารแบบนี้เพราะต้องขึ้นอยู่กับบริษัทที่ผลิตด้วย ที่จัดการปัญหาการแพร่ระบาดทั่วโลกและส่งทั่วโลกนับว่าไทยยังโชคดีที่เจรจาและขึ้นทะเบียนได้ นอกจากนั้นภายในเดือน ก.ค.-ส.คจะฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุและ 7 กลุ่มเสี่ยง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามนายกรัฐมนตรีว่ายังไหวใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ชู 2 นิ้วเป็นคำตอบ และเมื่อถามต่อว่า ขอสองเดือนหรือสองเข็ม นายกรัฐมนตรีหัวเราะและกล่าวว่ากำลังดำเนินการอยู่ ขณะเดียวกันคณะแพทย์ด้านหลังนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อยู่ครบเทอม 2 ปี นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้คนไทย โดยเฉพาะคนกทม.เครียดอยู่แล้ว หากไปบอกให้อดทนยิ่งกว่านี้ก็จะโดนด่าอีก ขอบคุณที่อดทน เราต้องเผชิญสถานการณ์ไปด้วยกัน และร่วมแก้ปัญหาไปด้วยกันถึงจะสำเร็จ ต้องรักสามัคคี ลดความขัดแย้ง คณะทูตยังชื่นชมประเทศไทย แม้สถานการณ์จะรุนแรง แต่เขาเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขไทยว่า จะแก้ไขได้ เพราะทำได้ดีมาโดยตลอด และไทยเป็นอันดับ 6 ของโลก แพทย์ก็ทำดีมาโดยตลอด แล้วทำไมจะไม่ให้กำลังใจแพทย์
และก่อนที่ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า นายกรัฐมนตรี ได้หันมากล่าวกับผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่า เชื่อใจหรือไม่ว่าจะทำได้สำเร็จ ผู้สื่อข่าวกล่าวตอบว่าเชื่อมาหลายปีแล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ก็ต้องเชื่อต่อไป ไม่อย่างนั้นใครจะทำต่อ วันนี้วันศุกร์อารมณ์ดี