อธิบดีกรมวิทย์ฯ เร่งหาข้อมูลสายพันธุ์แอฟริกาฯระบาดในยะลา จับตาแพร่เชื้อที่ไหนบ้าง

          การพบโควิด19-ระบาดในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะในโรงเรียนประจำ ใน จ.ยะลา ที่พบเชื้อโควิด นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากการติดตามโรงเรียนนี้ พบเบื้องต้นมีทั้งสายพันธุ์แอฟริกาใต้และสายพันธุ์อังกฤษ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างติดตามหาต้นตอว่าติดมาจากที่ไหน และกำลังเร่งติดตามว่าเชื้อกระจายไปยังจังหวัดไหนบ้าง   

          สำหรับประเทศไทยขณะนี้  ยังเป็นสายพันธุ์อังกฤษ ส่วนสายพันธุ์อินเดียเป็นอันดับรองลงมา ซึ่งพบมากในแคมป์คนงานเพิ่มขึ้นทั้ง จ.นนทบุรี ทำให้กังวลใจเพราะว่า มีการติดเชื้อในหลายจังหวัดแล้ว ซึ่งตามหลักการได้แจ้งพื้นที่ให้ควบคุมแล้ว หากคุมได้ก็จะหยุดเร็วใน 14 วัน ไม่แพร่เชื้อในวง 2 วง 3 แต่อย่างที่ทราบว่าปัจจัยที่จะควบคุมได้หรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นกับเราคนเดียว ต้องเคร่งครัดมาตรการต่างๆ จึงรายงานต่อฝ่ายความมั่นคงให้เข้มงวดแล้ว กิจกรรมให้งดทำ แต่ในพื้นที่ยังทำอยู่จึงเป็นเรื่องยาก ส่วนภาคใต้เป็นสายพันธุ์แอฟริกาใต้  จำนวนหนึ่งพบนอกจังหวัดนราธิวาส ให้จังหวัดในภาคใต้ ที่อยู่ใกล้เคียงกันต้องเฝ้าระวัง ส่วนการลดการแพร่ระบาดต้องเข้มงวดทั้งการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย เช่นเชื้อแอฟริกาใต้นั้น มีความชัดเจนว่ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนตัวเลขต่างๆ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ยืนยันไม่ได้ปกปิด

          ส่วนคลัสเตอร์ในแคมป์คนงานหรือโรงงาน นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า เกิดจากจัดการไม่เป็นระบบ ทำให้แรงงานจำนวนหนึ่งหนีออกนอกพื้นที่ ซีลไม่จริง การเดินทางกลับบ้านภูมิลำเนา ทำให้เกิดการกระจายโรคไปยังพื้นที่ต่างๆ ได้เยอะ นี่คือข้อสังเกตที่พบของการแพร่ระบาด

          นอกจากนั้น ในปัจจุบันมีโรงงานหลายแห่งอยากตรวจเชิงรุก ขอให้ติดต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนั้นๆ ไม่อยากให้ทำโดยพลการ เพราะมีตัวอย่างหลายโรงงานไม่เข้าใจว่าวิธีตรวจนั้น ตรวจด้วยอะไร แปลผลอะไร เช่น นำ Rapid Antigen ไปตรวจแล้วสรุปว่า มีคนติดจำนวนเท่านั้น เท่านี้ ซึ่งในความเป็นจริง เป็นการตรวจเบื้องต้นเพื่อสุ่มเท่านั้น แต่จะต้องมีการตรวจด้วยวิธีการที่เป็นมาตรฐานคือการแยงจมูกตรวจด้วย RT-PCR หรือการตรวจน้ำลาย เพราะฉะนั้นเราเป็นห่วงเรื่องการตรวจหาเชื้อนั้นขอให้มีการปรึกษากัน เพราะสุดท้าย พอตรวจเจอก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร แบบนี้ยิ่งทำให้เรื่องยุ่งไปอีก เพราะไม่ได้จบแค่การตรวจเท่านั้น