ทันสถานการณ์โลกเวลา 06.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน 2564

17 มิถุนายน 2564, 05:18น.


ชื่นมื่น! ซัมมิตครั้งแรก ‘ไบเดน’ & ‘ปูติน’ เห็นพ้องลดอาวุธนิวเคลียร์-ความมั่นคงทางไซเบอร์



          ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ แถลงหลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ว่า การเจรจาเป็นไปด้วยดีและในเชิงสร้างสรรค์ มีแนวโน้มว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและรัสเซียจะพัฒนาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและในการประชุมไม่มีการพูดจาข่มขู่กัน และเห็นว่าควรร่วมมือกันในสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน



          ประธานาธิบดีไบเดน ระบุว่า ประธานาธิบดีปูติน รู้ดีว่าสหรัฐฯจะจัดการรัสเซีย หากมีการแทรกแซงการเลือกตั้งครั้งใหม่ หรือมีการโจมตีทางไซเบอร์ ทำให้ทั้งสองฝ่ายหาแนวทางป้องกันการโจมตีของกลุ่มแฮกเกอร์



          ประธานาธิบดีไบเดน ยังได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในรัสเซีย รวมถึงเรื่องที่ชาวอเมริกัน 2 คนถูกตัดสินจำคุกในรัสเซียและการจำคุกนายอเล็กเซ นาวาลนี ผู้นำฝ่ายค้านของรัสเซียด้วย



          ส่วนคำถามของผู้สื่อข่าวที่ถามว่าเขาเชื่อใจประธานาธิบดีปูตินหรือไม่ ประธานาธิบดีไบเดน กล่าวว่า "เราจะต้องดูกันต่อไป"





          ด้านประธานาธิบดีปูติน กล่าวว่า การเจรจาระหว่างกันเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ มีสาระ และมีประสิทธิผล และเขาไม่คิดว่ามีความเป็นปรปักษ์กันระหว่างตัวเขาและประธานาธิบดีไบเดน



          นอกจากนี้ยังมองว่าประธานาธิบดีไบเดน เป็นคนที่มีคุณธรรม เป็นมืออาชีพ และมีประสบการณ์



          รัสเซียเชื่อว่าสหรัฐฯมีความมุ่งมั่นที่จะหาทางออกสำหรับความขัดแย้งระหว่างประเทศทั้งสอง



          รัสเซียและสหรัฐฯได้บรรลุข้อตกลงการจำกัดการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้งจะมีการหารือเกี่ยวกับความมั่นคงทางไซเบอร์ และจะส่งเอกอัครราชทูตรัสเซียกลับไปประจำการในสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน รัสเซียก็พร้อมต้อนรับเอกอัครราชทูตสหรัฐฯที่จะกลับมาประจำการที่รัสเซีย



          กรณีของนายนาวาลนี ประธานาธิบดีปูติน กล่าวว่า สมควรได้รับโทษจำคุก เนื่องจากละเมิดเงื่อนไขในการคุมประพฤติและจงใจเดินทางกลับรัสเซียทั้งที่รู้ว่าจะถูกจำคุก



จีนไม่ทน! ส่งเครื่องบินรบ 28 ลำ ไปไต้หวัน เตือนต่างชาติอย่าแทรกแซง



         รัฐบาลไต้หวัน เปิดเผยว่า เครื่องบินของกองทัพอากาศจีนถึง 28 ลำ รวมถึงเครื่องบินขับไล่, เครื่องบินทิ้งระเบิดที่มีขีดความสามารถติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ บินเข้าสู่เขตสำแดงตนป้องกันภัยทางอากาศ (air defence identification zone : ADIZ) ของไต้หวัน ถือเป็นการบุกรุกครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา



          เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกทั้ง 7 หรือ G7 ออกแถลงการณ์ร่วมกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มิ.ย.64  โจมตีจีนในหลายเรื่องพร้อมกับเน้นย้ำถึงความสันติสุขและเสถียรภาพบริเวณช่องแคบไต้หวัน ก่อนที่จีนจะออกมาตอบโต้ว่าถูก G7 ใส่ความ



          นายหม่า เสี่ยวกวง โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน ชี้แจงว่า ความตึงเครียดนี้ต้องกล่าวโทษรัฐบาลไต้หวัน เพราะกรุงปักกิ่ง เชื่อว่า รัฐบาลไต้หวันกำลังร่วมมือกับต่างชาติเพื่อหาทางแยกตัวเป็นอิสระอย่างเป็นทางการ โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีน กล่าวว่า จีนจะไม่ยอมทนเรื่องการแยกตัวเป็นอิสระหรือการที่ต่างชาติแทรกแซงปัญหาภายในของไต้หวัน เราจึงต้องมีการตอบสนองอย่างรุนแรงต่อพฤติการณ์สมรู้ร่วมคิดเหล่านี้ 



จีน หวังก้าวขึ้นเป็นผู้นำอวกาศ ส่ง 3 นักบินไปทำภารกิจที่สถานีอวกาศแห่งใหม่



          องค์การอวกาศแห่งชาติจีน (CMSA) เปิดเผยว่า วันนี้ จีนเตรียมส่งนักบินอวกาศ 3 คนไปที่สถานีอวกาศแห่งใหม่ที่กำลังดำเนินการก่อสร้าง ภารกิจดังกล่าวจะเป็นภารกิจแรกที่ส่งมนุษย์ไปในระหว่างการก่อสร้างสถานีอวกาศ โดยนักบินอวกาศทั้ง 3 คนจะใช้เวลา 3 เดือน ในการปฏิบัติภารกิจ



         จรวดลองมาร์ช-ทูเอฟ วายทเวลฟ์ ( Long March-2F Y12 ) ของสำนักงานอวกาศแห่งชาติจีน ( ซีเอ็นเอสเอ ) ทะยานขึ้นจากฐานปล่อยภายในศูนย์อวกาศจิ่วเฉวียน ในมณฑลกานซู ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เมื่อเวลา 09.22 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 08.22 น. ตามเวลาในประเทศไทย



         จรวดลองมาร์ชทำหน้าที่ปล่อยยานเซินโจว-12 ส่งนักบินอวกาศ 3 คน ไปปฏิบัติภารกิจบนชิ้นส่วน "เทียนเหอ" ซึ่งจะเป็นหนึ่งในโมดูลหลัก หรือศูนย์ปฏิบัติการของสถานีอวกาศเทียนกง หรือ "พระราชวังแห่งสรวงสวรรค์" ที่มีการส่งขึ้นไป เมื่อปลายเดือน เม.ย.64



         ยานอวกาศเซินโจว-12 จะส่งนายหนี่ย ไห่เชิง, นายหลิว โบหมิง และนายถัง หงโบ ไปยังโมดูลหลัก โดยทั้งหมดจะเข้าประจำการและทำงานเกี่ยวกับการก่อสร้างสถานีอวกาศ



          เมื่อปลายเดือนเม.ย.64 จีนได้ส่งโมดูลหลักสำหรับสถานีอวกาศเป็นครั้งแรกของประเทศ โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้คำมั่นว่าจะทำให้จีนก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจด้านอวกาศ



          นอกจากนี้ จีนยังวางแผนที่จะส่งโมดูลอื่นๆ ขึ้นไปยังอวกาศเพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 65 พร้อมพัฒนาวัสดุใหม่ๆ และส่งเสริมการศึกษาด้านชีววิทยาศาสตร์



          ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีน เดินหน้าโครงการพัฒนาอวกาศอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าการแข่งขันระหว่างจีนและสหรัฐฯในด้านอวกาศจะทวีความรุนแรงมากขึ้น



          เมื่อเดือนที่แล้ว จีนเริ่มสำรวจพื้นผิวดาวอังคาร โดยนับเป็นประเทศที่ 2 รองจากสหรัฐฯที่ดำเนินภารกิจดังกล่าว



          ช่วงปลายปีที่แล้ว ยานสำรวจอวกาศไร้คนขับของจีนเดินทางกลับถึงพื้นโลก พร้อมตัวอย่างดินบนดวงจันทร์เป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี ทำให้จีนกลายเป็นชาติที่ 3 ของโลกที่สามารถนำวัตถุบนดวงจันทร์กลับสู่โลกได้สำเร็จต่อจากสหรัฐฯและรัสเซีย



เตือนญี่ปุ่นอาจต้องประกาศภาวะฉุกเฉินอีกครั้งช่วงโตเกียวโอลิมปิก



          ญี่ปุ่นอาจต้องประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกครั้งในช่วงการแข่งขันกีฬาโตเกียวโอลิมปิก แม้ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะส่งผลกระทบต่อยอดผู้ติดเชื้อไม่มาก คณะทีมวิจัยญี่ปุ่น ระบุในที่ประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญของกระทรวงสาธารณสุขว่า หากอนุญาตให้มีผู้เข้าชมในระหว่างการแข่งขันจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 อาจเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10,000 คน เมื่อเทียบกับการจัดการแข่งขันโดยไม่มีผู้เข้าชม และญี่ปุ่นอาจต้องกลับไปใช้ประกาศภาวะฉุกเฉินอีกครั้ง



          สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า ผลการศึกษาของนักวิจัยที่สถาบันโรคติดต่อแห่งชาติของญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยเกียวโต และมหาวิทยาลัยโทโฮกุ เป็นการอ้างอิงจากการคาดการณ์ที่ว่า ประชาชนอาจออกจากบ้านเพิ่มขึ้น เนื่องจากในวันอาทิตย์นี้ 20 มิ.ย.64 จะสิ้นสุดมาตรการใช้ภาวะฉุกเฉิน



          ปัจจุบัน ญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ 10 จังหวัด รวมถึงกรุงโตเกียวและจังหวัดโอซากา ร้านอาหารจะต้องปิดให้บริการไม่เกิน 20.00 น. และห้ามเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์



เมียนมา ผวา เจอติดเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ถึง 11 คน



          เป็นครั้งแรก ที่เมียนมา พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์และมากถึง 11 คน  กระทรวงสาธารณสุขและการกีฬาของเมียนมา เปิดเผยว่า ผู้ป่วยรายใหม่ 11 คน ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อัลฟา(อังกฤษ) จำนวน 2 คน ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ที่เกิดการกลายพันธุ์ย่อยพันธุ์ เป็นสายพันธุ์เดลตา (B.1617.2) จำนวน 5 คน และ สายพันธุ์แคปปา (B.1617.1) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์มาจากสายพันธุ์อินเดียเช่นกัน อีก 4 คน ที่เมืองกาเลและตามู ของแคว้นสะกาย ที่เมืองมะริดของเขตตะนินตะยี ภูมิภาคมัณฑะเลย์ และภูมิภาคย่างกุ้ง หลังมีการทดสอบตัวอย่างเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.64



          ทางการเมียนมา ยังรายงานตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 225 คน ทำให้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 146,051คน ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 3,248 ราย



เมืองในจ.ชวาตะวันตก อินโดฯ แจกไก่ จูงใจให้คนแก่ฉีดวัคซีน



          อินโดนีเซีย แจกไก่เป็นรางวัลให้ผู้สูงอายุที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่เมืองซิปานัสในจังหวัดชวาตะวันตก หลังจากพบว่ามีประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนกันน้อย



          ชาวบ้านวัย 67 ปีคนหนึ่ง กล่าวหลังจากที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของซิโนแวคเข็มแรกและได้รับไก่ 1 ตัวจากทางการอินโดนีเซียว่า เขากลัวว่าถ้าฉีดวัคซีนไปแล้ว เขาจะเสียชีวิตทันที



          ขณะที่ ทางการท้องถิ่นของเมืองซิปานัส เริ่มโครงการฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุตามบ้านโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า พร้อมทั้งมอบไก่เป็นรางวัลให้ผู้ที่ฉีดวัคซีน



          หัวหน้าตำรวจของเมืองซิปานัส ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มการแจกไก่เพื่อจูงใจให้คนฉีดวัคซีน กล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะโน้มน้าวให้ผู้สูงอายุเข้ารับการฉีดวัคซีน เพราะพวกเขารู้สึกหวาดกลัวและอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องลงพื้นที่ฉีดวัคซีนถึงบ้าน และมอบไก่ให้ผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนแทนคำขอบคุณ



          เมืองซิปานัส ตั้งเป้าฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบ 2 โดสให้ประชาชนราว 60,000 คนภายในสิ้นเดือนนี้ แต่กลับฉีดวัคซีนโดสแรกไปได้เพียง 2,500 คนนับตั้งแต่อินโดนีเซียเริ่มโครงการฉีดวัคซีนเมื่อเดือนม.ค.64



          อินโดนีเซีย มีประชากรมากเป็นอันดับที่สี่ของโลก มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 1,900,000 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 53,200 ราย ซึ่งเป็นยอดผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้



          ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุขของอินโดนีเซีย ระบุว่า อินโดนีเซีย ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสให้ประชาชนราว 8,800,000 คน หรือคิดเป็นเพียงร้อยละ 5 จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะฉีดวัคซีนให้ได้ 181,000,000 คนจากประชากรทั้งหมดราว 270,000,000 คนภายในสิ้นปีนี้

ข่าวทั้งหมด

X