ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 07.30น.วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564

16 มิถุนายน 2564, 07:03น.


คนที่ถูกเลื่อนฉีดวัคซีน ลงทะเบียนมาฉีดที่ศูนย์ฯบางซื่อแล้ว 1,000 คน



          การเตรียมพื้นที่สถานีกลางบางซื่อฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ผู้สูงอายุและ7กลุ่มโรคเรื้อรัง ที่ถูกเลื่อนจากการลงทะเบียนระบบหมอพร้อม พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง และศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เปิดเผยว่า ศูนย์ได้เตรียมวัคซีนเพื่อกลุ่มเปราะบางกลุ่มนี้ วันละ 2,000 คน เฉลี่ยฉีดชั่วโมงละ 200 คน โดยนัดหมายเวลาให้กระจายทั้งวัน จะได้ไม่หนาแน่น โดยจะเริ่มฉีดวันนี้ 16 มิ.ย. 64 เป็นต้นไป ได้รับรายงานเบื้องต้นว่า มีผู้ประสงค์จะมารับวัคซีนที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อแล้ว ประมาณ 1,000 คน



          นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า วัคซีนที่ใช้ฉีดที่ศูนย์ฯบางซื่อ ซึ่งเหลือจากการฉีดแต่ละวันจากคนที่ไม่ได้มาตามนัด สัปดาห์แรกฉีดวันละ 10,000 คน มีคนไม่มาตามนัดประมาณวันละ 200 คน ส่วนสัปดาห์ที่สอง ไม่มาตามนัดวันละ 1,000 คน คาดว่า ไปรับวัคซีนจากศูนย์อื่น



กทม.ปรับแผนฉีดวัคซีน เน้น 4 กลุ่ม ผู้สูงอายุ-คนที่ฉีดเข็มแรกแล้ว-คนด่านหน้า



          พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประชุมคณะอนุกรรมการการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กรุงเทพมหานครพิจารณาสถานการณ์วัคซีนของประเทศไทยที่ได้รับจากบริษัทผู้ผลิตวัคซีนคลาดเคลื่อนจากที่คาดหมาย ส่งผลให้กรุงเทพมหานครได้รับจัดสรรวัคซีนไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้จัดลำดับความสำคัญของการได้รับวัคซีนในเดือนมิ.ย.64 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า มีลำดับดังนี้



1.ผู้ที่เคยได้รับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเข็มแรก



2.ผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค ซึ่งได้จองรับวัคซีนในโรงพยาบาลต่างๆ และโรงพยาบาลได้นำรายชื่อเข้าสู่ระบบ MOPH-IC เรียบร้อยแล้ว



3.บุคลากรทางการแพทย์ที่เหลือตกค้างยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน



4.ประชาชนทั่วไปจองเข้ารับการฉีดวัคซีนที่หน่วยความร่วมมือฯ ทั้ง 25 หน่วย ตามโครงการไทยร่วมใจ ที่ได้ลงทะเบียนไว้แล้ว



สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ส่งมอบหุ่นยนต์ช่วยดูแลผู้ป่วยในรพ.บุษราคัม ช่วยสื่อสาร-ลำเลียงของ



          นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับมอบหุ่นยนต์ให้บริการทางการแพทย์ (D-EMPIR CARE) จาก พล.อ.พอพล มณีรินทร์ ประธานกรรมการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.) กระทรวงกลาโหม และ พล.อ.อ.ดร.ปรีชา ประดับมุข ผู้อำนวยการ สทป.เพื่อสนับสนุนภารกิจทีมแพทย์ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลบุษราคัม



          หุ่นยนต์ D-EMPIR CARE จำนวน 3 ตัว สามารถควบคุมแบบไร้สายระยะไกล พัฒนาโดย สทป.เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลบุษราคัม ช่วยดูแลสื่อสารกับผู้ป่วยผ่านระบบ VDO Call และลำเลียงสิ่งของ



          โรงพยาบาลบุษราคัม ดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 อาการเล็กน้อยถึงปานกลาง ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.-14 มิ.ย.64 รวม 1 เดือน มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาแล้ว 2,325 คน รักษาหายกลับบ้าน 1,367 คน ส่งรักษาต่อ 110 คน ยังอยู่ระหว่างการรักษา 848 คน เหลือจำนวนเตียงว่าง 1,313 เตียง มีการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่เข้ามาดูแลผู้ติดเชื้อ เช่น คนไข้ใส่เครื่องช่วยหายใจด้วยตัวเอง ช่วยติดตามอาการได้แบบเรียลไทม์ ทำให้การรักษาดูแลได้ทันหากอาการเปลี่ยน



CR:สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ



“หมอประสิทธิ์” ห่วงเปิดภูเก็ตเร็ว กลัวคุมสายพันธุ์ใหม่ไม่ได้



          การเตรียมเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ในวันที่ 1 ก.ค.64 ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล  กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่ายังเร็วไป ตอนนี้มีการฉีดวัคซีนให้เยอะเพื่อให้มีภูมิคุ้มกันและเปิดให้ต่างประเทศเข้ามา เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่ที่ห่วง ไม่ได้เฉพาะคนที่ฉีดวัคซีน แต่ความพร้อมของจังหวัดในการรองรับระบบต่างๆ โดยเฉพาะหากมีคนนอกพื้นที่เข้ามาและมีสายพันธุ์ใหม่ๆเข้ามา ขอย้ำว่าวัคซีนไม่ได้ครอบคลุมทุกสายพันธุ์ หากสายพันธุ์แปลกใหม่เข้ามาแล้วคุมไม่ได้ ทุกคนมองแค่ฉีดวัคซีนครบก็ปล่อย เป็นสิ่งที่น่ากลัว หากเกิดการระบาดใหม่ในภูเก็ตอีก จะเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจในภูเก็ต เท่ากับเงินที่ลงไปกับการหาวัตถุดิบจะเป็นการสูญเสีย ขณะนี้ ต้องเฝ้าดูถึงระบบความเข้มงวดในการป้องกันโดยเฉพาะคนนอกพื้นที่ที่เข้ามาทำงาน ขอให้ระวังสิ่งเหล่านี้ให้ดี



          นอกจากนี้ ปกติการเดินทางเข้ามาประเทศไทยต้องมีการควอรันทีน 14 วัน แต่หากมองว่าต้องการให้เป็นพื้นที่กระตุ้นเศรษฐกิจ เกรงจะมีการปรับให้สั้นกว่า 14 วัน หากเป็นเช่นนั้น ถ้าเป็นบางสายพันธุ์ 14 วันอาจไม่พอ คงเป็นสิ่งหนึ่งที่ถ้าไม่ลองไม่รู้ แต่ถ้าลองแล้วเกิดบทเรียน ก็ขอให้เป็นบทเรียน



“หมอยง”เผยเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา จะระบาดไปทั่วโลก



          ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุถึงโควิด-19 กลายพันธุ์ว่า ขณะนี้ สายพันธุ์เดลตา(อินเดีย) แพร่กระจายง่ายกว่าสายพันธุ์อัลฟา(อังกฤษ) กำลังจะมีแนวโน้มที่จะระบาดไปทั่วโลก ประเทศไทยก็เช่นกัน ขณะนี้มีแนวโน้มพบสายพันธุ์เดลตาเพิ่มมากขึ้น และมีโอกาสกระจายได้มากขึ้นมาแทนที่สายพันธุ์เดลตาในอนาคต เพราะติดต่อได้ง่ายและจะระบาดได้ง่ายโดยเฉพาะเป็นคลัสเตอร์และพร้อมที่จะกระจายออก



          ส่วนสายพันธุ์เบตา(แอฟริกาใต้)  แม้จะทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง แต่อำนาจการกระจายน้อย ต่อไปจะถูกกลบด้วยสายพันธุ์ที่แพร่กระจายได้มากกว่า เช่น สายพันธุ์เดลตา เป็นหลักตามวิวัฒนาการตามธรรมชาติ สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่ง สายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นจะทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนเริ่มลดลง การให้วัคซีนในคนหมู่มากและรวดเร็ว เป็นวิธีหนึ่งที่จะสกัดสายพันธุ์กลายพันธุ์ไม่ให้มีการแพร่ระบาด



ยุโรป สร้างเกราะป้องกัน พร้อมรับวิกฤตสุขภาพ ลดการพึ่งวัคซีนนอกกลุ่ม



          ผู้บริหารของสหภาพยุโรป มีความเห็นพ้องแนวทางการทำงานเพื่อเสริมสร้างความสามารถของกลุ่มในการตอบสนองต่อวิกฤตทางสุขภาพครั้งใหม่ โดยยอมรับว่ามีความล่าช้าในการตอบรับเมื่อเกิดโรคโควิด-19 ดังนั้นในแผนการทำงานฉบับใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับยุคของโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จึงให้เพิ่มการทำงานเกี่ยวกับระบบเตือนภัยล่วงหน้า และการผลิตวัคซีนให้ได้ประมาณ 300 ล้านโดสในช่วง 6 เดือนแรกของภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพ



          นางสเตลลา ไคริอาคิเดส กรรมาธิการสาธารณสุขของสหภาพยุโรป เปิดเผยว่า นักวิทยาศาสตร์มีความเห็นว่า เรากำลังอยู่ในยุคของโรคระบาดใหญ่ และอาจเกิดวิกฤตสุขภาพขึ้นอีก มาตรการนี้จึงเป็นการสร้างความมั่นใจว่ายุโรปจะมีความพร้อมในการรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ และได้เผยแพร่เอกสารที่มีการจำแนกออกเป็น 10 บทเรียนจากการระบาดใหญ่ และจะเปิดตัวระบบรวบรวมข้อมูลการระบาดใหญ่ครั้งใหม่ในปีนี้ เพื่อตรวจหาความเสี่ยงด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต



          ภายใต้แผนการทำงานนี้ ยังหมายถึงการที่สหภาพยุโรปจะลดการพึ่งพาการผลิตวัคซีนจากนอกกลุ่มประเทศ และลดการอ้างอิงข้อมูลการวิจัยขององค์การอนามัยโลกลงด้วย 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X