*กต.แจงระเบิดไม่กระทบท่องเที่ยว-ลงทุน/ตั้งศาลแก้โกง/น้ำมันขึ้นในรอบ8เดือน*

สรุปข่าว 18.00 น

+++พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก   กล่าวว่า  นายกรัฐมนตรี กำชับให้เร่งหาตัวผู้ที่ปล่อยแถลงการณ์สำนักพระราชวังปลอมมาลงโทษ พร้อกับไม่อยากให้ประชาชนนำเหตุการณ์ระเบิดที่สถานีบีทีเอสสยามมาเชื่อมโยงกับเรื่องแถลงการณ์สำนักพระราชวัง พร้อมดูแลเหตุการณ์ความปลอดภัย ให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างปกติ และอย่าแตกตื่นต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่หากประชาชนพบสิ่งที่ไม่ปกติ ก็สามารถแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อจะช่วยกันดูแลสถานการณ์ต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากเพียงเจ้าหน้าที่อาจจะดูแลไม่ทั่วถึง

+++หลังสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทย ได้มีข้อความแนะนำประชาชนของประเทศตนเอง ให้เพิ่มความระมัดระวังขณะอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดบริเวณสถานีรถไฟฟ้าสยามสแควร์ หน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน นายรัศม์ ชาลีจันทร์ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า เป็นแนวทางปฏิบัติตามปกติของสถานทูต หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลความปลอดภัยให้กับพลเมืองในประเทศตนเอง  โดยกระทรวงต่างประเทศ ได้ยืนยันให้ความเชื่อมั่นกับต่างชาติ พร้อมส่งข้อมูลและมีคำสั่งไปยังสถานเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก เพื่อที่จะมีข้อมูลสำหรับการชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยจะทำงานเชิงรุก และหากมีการสอบถามเข้ามาก็จะสามารถอธิบายได้ทันที แต่ตอนนี้ยังไม่มีประเทศใดสอบถามข้อมูลเข้ามายังกระทรวงการต่างประเทศ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อความเชื่อมั่น และการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังไทย รวมทั้งจะไม่สร้างความวิตกกังวลให้กับนักธุรกิจที่ลงทุนในไทยด้วย

+++ในวันพรุ่งนี้  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  เป็นประธานการประชุมร่วมระหว่าง คสช. ครม. สปช. สนช.และกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ ที่สโมสรทหารบก วิภาวดีว่า เป็นการหารือเพื่อการขับเคลื่อนของแม่น้ำ 5 สาย ซึ่งก็จะมาพูดคุยว่าแต่ละส่วนมีความคืบหน้าไปถึงไหน อีกทั้งจะมาจัดระเบียบกันว่ากำหนดการตามโรดแมปที่วางไว้ยังมีปัญหาอะไรบ้างหรือไม่ ทุกอย่างเป็นไปตามระยะเวลาและแผนงานที่วางไว้ ถ้าไม่เป็นตามแผนและกรอบระยะเวลาทุกอย่างก็เดินต่อไม่ได้

+++การทำประชามติจนถึงขณะนี้ ไม่ได้ข้อยุติก็ต้องไปรอดูตอนนั้นอีกครั้ง เพราะในรัฐธรรมนูญไม่ได้มีการบัญญัติไว้และอยากเรียนว่ารัฐธรรมนูญที่กำลังจะร่างขึ้นเป็นรัฐธรรมนูญที่เราต้องคิดเผื่อการปฏิรูปไว้ด้วยว่าจะทำอย่างไรเพราะในวันข้างหน้าเมื่อมีรัฐบาลเข้ามาเขาก็สามารถทำอะไรได้อีก

+++นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ระบุข้อเสนอของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในการจัดตั้งศาลฉ้อราษฎร์บังหลวง คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญมีแนวคิดที่สอดคล้องกับแนวคิดดังกล่าว ด้วยการจัดตั้งศาลวินัยการคลังและงบประมาณในศาลปกครอง เพื่อเพิ่มช่องทางในการดำเนินการกับนักการเมือง ข้าราชการ ผู้บริหารระดับสูง ที่เชื่อว่าทุจริตก่อให้เกิดความเสียหายต่อแผ่นดิน ซึ่งถือเป็นการอุดช่องว่างของกลไกการดำเนินคดีทุจริต โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สามารถยื่นฟ้องต่อศาลวินัยการคลังและงบประมาณได้โดยตรง

+++บางจาก และ ปตท.ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอลทุกชนิด 50 สตางค์/ลิตร และ E85 30 สตางค์/ลิตร ยกเว้นเบนซินและดีเซลคงเดิม โดยมีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้(4 ก.พ.) เวลา 05.00 น.  ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในสถานีบริการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้ แก๊สโซฮอล 95 ลิตรละ 27.40 บาท, แก๊สโซฮอล 91 ลิตรละ 26.08 บาท, E20 ลิตรละ 24.68 บาท, E85 ลิตรละ 21.98 บาท ส่วนดีเซลคงเดิมที่ลิตรละ 25.09 บาท และเบนซิน 95 คงเดิมที่ลิตรละ 33.96 บาท

+++นายบูรณิน รัตนสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดขายปลีก บมจ.ปตท. กล่าวว่า ขณะนี้ค่าการตลาดน้ำมันกลุ่มเบนซินต่ำอยู่ใกล้เคียง 1 บาท/ลิตร ส่วนดีเซลยังอยู่ที่ประมาณ 1.60 บาท/ลิตร ประกอบกับราคาน้ำมันตลาดโลกยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงได้ปรับราคาน้ำมันขึ้น ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน  สำหรับราคาน้ำมันโลก ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลังนักลงทุนเห็นว่าราคาน้ำมันโลกได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว 

+++นายกฤษณ์ สุริยผล เลขานุการนายกสมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า  ได้ยื่นหนังสือต่อกระทรวงพลังงาน เพื่อเสนอให้กระทรวงฯ ยุติการปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) จากเดิม 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบันปรับมาอยู่ที่ 13 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการรถบรรทุก เนื่องจากมีต้นุทนค่าขนส่งสูงขึ้น รวมทั้งยังเป็นการดำเนินการที่สวนกระแสพลังงานในตลาดโลกตกต่ำ  โดยขณะนี้ผู้ประกอบการรถบรรทุกมีกว่า 400,000 คัน มีความต้องการใช้เอ็นจีวีประมาณ ร้อยละ 40 ของปริมาณการใช้เอ็นจีวีทั้งหมด 9,000 ตันต่อวัน  หากกระทรวงพลังงานไม่ยุติการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวี สมาคมฯ จะหยุดรถ ถอดถังก๊าซ และมาปิดกระทรวงพลังงานภายในสัปดาห์นี้ เนื่องจากเห็นว่าการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีสวนกระแสราคาพลังงาน

+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 1,602.54 จุด เพิ่มขึ้น 19.84 จุดมูลค่าการซื้อขาย 52,375.23 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดีเป็นไปตามความคาดหมาย จากการกลับมาของหุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่ได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น และค่าการกลั่นก็ได้ปรับตัวขึ้นด้วยตั้งแต่ต้นปีขึ้นมาได้ประมาณ ร้อยละ20นอกจากนี้ ยังได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นในกลุ่มแบงก์ และกลุ่มสื่อสารที่มีแรงซื้อเข้ามาด้วย ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ

+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น รับข่าวการเชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างตลาดหุ้นเสิ่นเจิ้นของจีนและตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 70.04 จุด หรือ 0.29% ปิดวันนี้ที่ 24,554.78 จุด

+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ในวันนี้ เนื่องจากข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอของสหรัฐได้บั่นทอนความมั่นใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ และทำให้นักลงทุนเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ลดลง 222.19 จุด หรือ 1.27% ปิดที่ 17,335.85 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค.

++++นายอวิรุทธ์ ชาญชัยกิตติกร ผู้พิพากษาศาลแขวงสมุทรปราการ แถลงข่าวการใช้กำไลอิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับ พ.ต.อ.ยงยุทธ เดชะรัช รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ โดยได้เริ่มใช้กำไลอิเล็กทรอนิกส์ ติดตามกลุ่มนักเรียนช่างกลที่ต้องโทษทัณฑ์บนในข้อหาพกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะแล้ว  เพื่อติดตามพฤติกรรมไม่ให้กลับไปก่อเหตุซ้ำอีก ห้ามออกจากบ้านตั้งแต่เวลา 22.00 น. ไปจนถึงเวลา 06.00 น. โดยกระทำผิดจะต้องเสียเงินค่าประกันไว้เป็นเงินไม่เกิน 50,000 บาท ด้วย

+++สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อังกฤษเตรียมลงมติครั้งประวัติศาสตร์ในวันนี้เรื่องการแก้กฎหมายการผสมเทียมเด็กหลอดแก้วให้สามารถเติมดีเอ็นเอของมารดาผู้บริจาคเพื่อป้องกันโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากมารดาตัวจริงสู่ทารกในครรภ์ ส.ส.จะใช้เวลาอภิปราย 90 นาที แล้วจะเปิดให้ลงมติอย่างอิสระโดยไม่ต้องยึดตามมติพรรค คาดกันว่าจะผ่านความเห็นชอบ จากนั้นจะนำเข้าสู่วุฒิสภาต่อไปในเดือนนี้ หากทั้งสองสภาผ่านกฎหมายนี้ อังกฤษก็จะเป็นประเทศแรกของโลกที่ใช้เทคนิคนี้ และจะมีผลต่อสตรีวัยเจริญพันธุ์ในอังกฤษประมาณ 2,500 คน ที่มีโรคเกี่ยวกับไมโทคอนเดรียและสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม ตั้งแต่ปัญหาในการมองเห็น เบาหวาน ไปจนถึงกล้ามเนื้อลีบ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอังกฤษประมาณว่า มีทารกเกิดมาพร้อมกับโรคเหล่านี้ประมาณปีละ 125 คน

+++ทางการฝรั่งเศสจับกุมชาย 7 คน สตรี 1 คน ต้องสงสัยพัวพันเครือข่ายส่งคนไปร่วมรบกับกลุ่มติดอาวุธในซีเรีย เป็นการกวาดล้างครั้งล่าสุดหลังจากที่เกิดเหตุร้ายหลายครั้งเมื่อเดือนก่อน ผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ถูกจับกุมได้ในกรุงปารีสและเมืองลียง แต่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุร้ายที่เกิดขึ้น 3 ครั้งระหว่างวันที่ 7-9 มกราคม มีเสียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลฝรั่งเศสปราบปรามจนเกินพอดี เพราะนอกจากจะจับกุมผู้ที่แสดงความเห็นเข้าข้างการก่อการร้ายแล้ว ยังสอบปากคำแม้แต่เด็ก 8 ขวบ