‘หมอทวีศิลป์’ ชี้วัคซีนมีน้อย ทำให้แผนจัดหากับกระจายไม่สอดคล้อง
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 หรือ ศบค.เปิดเผยถึงปัญหาการจัดหาและการกระจายวัคซีนว่าความต้องการมีมากแต่วัคซีนเข้ามามีจำกัด แผนการจัดหากับแผนการกระจายต้องมีความสอดคล้องกัน ตามแผนเดือนนี้จะมีวัคซีนเข้ามา 6,000,000 โดส ครึ่งเดือนแรกไม่มีปัญหา แต่ครึ่งเดือนหลังมีปัญหา เนื่องจาก วัคซีนชนิดใหม่ ต้องผ่านกระบวการที่ต้องมีความมั่นใจ เลยมีปัญหาเรื่องเงื่อนเวลา ทำให้ความต้องการกับวัคซีนไม่สัมพันธ์กัน
ไม่มีการเมือง! 3 หน่วยงาน ยืนยันไม่ขัดแย้งจัดสรรวัคซีน
3 หน่วยงาน คือ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข , กรุงเทพมหานคร และศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) ร่วมแถลงกรณีความสับสนในการเลื่อนฉีดวัคซีนโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้แจงรายละเอียดการจัดสรรวัคซีนว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา มีวัคซีนที่เข้ามาในประเทศไทยแล้ว 8.1 ล้านโดส แบ่งเป็น
-วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า 2.1 ล้านโดส และ
-ซิโนแวค 6 ล้านโดส
ปัจจุบันมีการฉีดแล้วทั้งหมด 6,188,124 โดส (ข้อมูลถึงวันที่ 13 มิ.ย.64) โดยกรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ที่ได้รับการฉีดวัคซีนมากที่สุดจำนวน 1,716,394 โดส หรือคิดเป็นร้อยละ 27.7 ของวัคซีนที่มี
โดยในเดือนมิถุนายน มีการวางแผนกระจายวัคซีนเป็น 2 งวด จำนวน 6 ล้านโดส ครอบคลุมการฉีดในระยะ 2 สัปดาห์ คือ
1.งวดแรก ช่วงวันที่ 7-20 มิ.ย.64 กระจายวัคซีนไปประมาณ 3 ล้านโดส เป็นซิโนแวค 1 ล้านโดส และแอสตร้าเซนเนก้า 2 ล้านโดส ส่งให้กรุงเทพมหานครไปแล้ว 5 แสนโดส ประกอบด้วย วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า 3.5 แสนโดส วัคซีนของซิโนแวค 1.5 แสนโดส นอกจากนี้ยังจัดสรรให้ในส่วนของสำนักงานประกันสังคม ที่จะฉีดให้กับผู้ประกันตน ม.33 อีกจำนวน 3 แสนโดส ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานคร และยังมีของกลุ่มมหาวิทยาลัย 11 แห่งของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย หรือ ทปอ. อีก 1.5 แสนโดส ก็จะฉีดในกรุงเทพมหานครเป็นหลัก
ส่วนกลุ่มที่ลงทะเบียนในระบบหมอพร้อม 76 จังหวัด จะส่งวัคซีนไป 1.1 ล้านโดส , จุดฉีดต่างๆ สำหรับองค์กรของภาครัฐ เช่น กลุ่มขนส่งสาธารณะ กลุ่มทหารตำรวจและอสม.ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันควบคุมโรค และครู อีก 1 แสนโดส รวมทั้งจัดสรรไว้รองรับสถานการณ์การระบาดฉุกเฉินทั่วประเทศ
2.งวดที่ 2 ต้องกระจายไปอย่างช้าที่สุด 21 มิ.ย-2 ก.ค.อีก 3.5 ล้านโดส จะเป็นวัคซีนของซิโนแวค 2 ล้านโดส และแอสตร้าเซนเนก้า 1.5 ล้านโดส
แต่เนื่องจากธรรมชาติของการผลิตวัคซีนที่เป็นชีววัตถุ จะมีความไม่แน่นอนในการผลิตค่อนข้างสูง ดังนั้นการผลิต การตรวจสอบคุณภาพของวัคซีนจะต้องรอบคอบ เป็นไปตามมาตรฐานสากล เมื่อผลิตเสร็จแล้วต้องส่งมอบเพื่อตรวจสอบคุณภาพทันที ดังนั้นการส่งมอบวัคซีนจะทยอยส่งเป็นงวดๆ ตามที่กำหนดไว้ในสัญญา โดยขณะนี้มีวัคซีนรอตรวจสอบคุณภาพอีกหลายล้านโดส รวมทั้งที่กำลังจะทยอยส่งมอบ หลังจากสัปดาห์นี้คาดว่าจะสามารถทยอยฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมาย และภายในเดือนมิถุนายน จะสามารถฉีดวัคซีนได้ถึง 10 ล้านโดสตามเป้าที่ตั้งไว้
ด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยืนยันว่า กรุงเทพมหานครได้รับการจัดสรรวัคซีน 500,000 โดส ตามที่กรมควบคุมโรคระบุไว้จริง โดยในส่วนของวัคซีนซิโนแวค นำไปจัดสรรสำหรับการฉีดเข็มที่สอง จำนวน 126,000 โดส และแบ่งไว้สำหรับรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินอีก 24,000 โดส ส่วนแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 3.5 แสนโดส ได้จัดสรรไว้สำหรับระบบหมอพร้อมที่ลงทะเบียนไว้ 182,000 โดส , สำหรับผู้ฉีดเข็มที่สอง 52,000 โดส,ผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุอีก 8,000 โดส และสำหรับผู้ลงทะเบียนผ่านไทยร่วมใจ 100,000 โดส
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยอมรับว่า ในตอนแรกคาดหวังว่า วัคซีนจะได้มาก่อนวันที่ 14 มิ.ย. แต่เนื่องจากอาจจะมีเหตุขัดข้องจากบริษัทผู้ผลิต กรุงเทพมหานคร จึงแก้ปัญหาด้วยการแจ้งไปยังผู้ลงทะเบียนนัดฉีดไว้ในวันที่ 15-21 มิ.ย. ประมาณ 320,000 คน แบ่งเป็นผู้ลงทะเบียนในระบบหมอพร้อม 140,000 คน และไทยร่วมใจ 170,000 คน ว่า จะหยุดฉีดวัคซีนไปก่อน และเมื่อได้รับวัคซีนมาแล้ว จะฉีดให้เร็วที่สุด โดยกลุ่มที่ถูกเลื่อนจะได้รับคิวเป็นกลุ่มแรก โดยไม่ต้องไปต่อคิวใหม่ และยังสามารถเลือกวันที่สะดวกได้ โดยประชาชนสามารถสอบถามเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนในกรุงเทพมหานคร ได้ที่สายด่วน 1516
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยืนยันว่า ที่ผ่านมาได้รับความช่วยเหลือจากกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นๆที่มาช่วยฉีดวัคซีนให้กับคนกลุ่มต่างๆในกรุงเทพมหานคร เนื่องจากจำนวนผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนมีจำนวนมาก เพราะเป็นเรื่องที่ยากมาก ที่กรุงเทพมหานครจะฉีดวัคซีนเองเพียงลำพังเดือนละ 2,500,000 โดส
ขณะที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ( ผอ.ศปก.ศบค.) ยืนยันว่า การบริหารจัดการวัคซีนไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกหน่วยงานพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อจัดหาวัคซีนมาฉีดให้กับประชาชน 70 ล้านคน ตามนโยบายของรัฐบาล โดยขณะนี้ได้วางแผนเตรียมวัคซีนไว้ 100 ล้านโดส แบ่งเป็น ซิโนแวค 8 ล้านโดส , แอสตร้าเซนเนก้า 61 ล้านโดส,ไฟเซอร์ 20 ล้านโดส,จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 5 ล้านโดส
ดังนั้นจึงยืนยันว่า จะมีวัคซีนเพียงพอและจะทยอยเข้ามา แต่เนื่องจากวัคซีนโควิด-19 จำเป็นต้องวางแผนกระจายวัคซีนไว้ล่วงหน้าก่อนที่วัคซีนจะมา จึงอาจจะทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนบ้าง จึงต้องมีการปรับแผนไปตามสถานการณ์ และอาจมีการเลื่อนฉีดวัคซีนบ้าง จึงต้องขออภัยประชาชนที่ไม่ได้รับความสะดวก
ภาพจากกรุงเทพมหานคร
กทม.ผ่อนคลายมาตรการเปิดกิจการ/กิจกรรม 5 ประเภท
ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 16/2564 มีมติเห็นชอบมาตรการผ่อนคลายการดำเนินการกิจการและกิจกรรมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ประกอบดังประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนไปเป็นจำนวนพอสมควร โดยเฉพาะผู้ประกอบกิจการทั้ง 5 สถานที่ ซึ่งมีมติให้มีมาตรการผ่อนคลาย ดังนี้
1.พิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์สถาน พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น รวมถึงพิพิธภัณฑ์ในลักษณะเดียวกัน แหล่งประวัติศาสตร์ โบราณสถาน โดยมีมาตรการสังคมอย่างเคร่งครัด
2.สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาตร์ต่างๆ ห้ามใช้เพื่อสันทนาการอื่น ยกเว้น เดินและวิ่ง
3.คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม มีมาตรการป้องกันโรค ซึ่งถูกกำกับใกล้ชิดโดยแพทย์
4.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ (เฉพาะ กิจการสปาเพื่อสุขภาพ,กิจการนวดเพื่อสุขภาพ) อนุญาตเฉพาะการนวดฝ่าเท้า
5. ร้านทำเล็บและร้านสัก ต้องสวมหน้ากากอนามัยได้ตลอดเวลา ห้ามกระทำบนใบหน้า
ให้เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย.64 เป็นต้นไป ในส่วนของสถานที่และกิจการประเภทอื่นซึ่งมีคำสั่งปิดไปก่อนหน้า ให้ปิดต่อไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.64
หัวหน้าหน่วยงานควบคุมโรคโควิด-19 ชี้แจงวัคซีนแอสตร้าฯ ปลอดภัย ใช้ได้กับทุกคนที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป
หลังจาก นายมาร์โค คาวาเลรี หัวหน้าหน่วยงานควบคุมโรคโควิด-19 ของ EMA ระบุว่า ประเทศต่าง ๆ ควรหลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้กับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป นอกเหนือจากกลุ่มคนหนุ่มสาว จากความกังวลเรื่องภาวะลิ่มเลือดอุดตัน และเริ่มมีวัคซีนทางเลือกใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นแต่ล่าสุด นายคาวาเลรี ระบุผ่านสำนักข่าวรอยเตอร์ในเวลาต่อมาว่า "โชคไม่ดีที่คำพูดของผมไม่ได้ถูกตีความอย่างถูกต้องในการให้สัมภาษณ์กับลา สแตมปา" พร้อมกับกล่าวว่า วัคซีนดังกล่าวมีทั้งประโยชน์และความเสี่ยงกับทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
EMA ยืนยันว่า การฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า มีความปลอดภัยและสามารถใช้ได้กับทุกคนที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปหลายแห่งได้ระงับการฉีดวัคซีนนี้แก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 50-65 ปี โดยจำกัดการใช้งานไว้เฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่พบได้ยากซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในกลุ่มคนหนุ่มสาว
เมื่อช่วงเย็นวันอาทิตย์ 13 มิ.ย.64 หนังสือพิมพ์ลา สแตมปา ได้เปลี่ยนหัวข้อของบทความออนไลน์ และเพิ่มเติมความคิดเห็นล่าสุดของนายคาวาเลรี ลงไปในบทความด้วย ขณะที่ บรรณาธิการ ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น
เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลอิตาลี กล่าวว่า จะจำกัดการใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เฉพาะผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หลังจากที่วัยรุ่นรายหนึ่งเสียชีวิตจากภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หลังจากที่ได้รับวัคซีน นายโรแบร์โต สเปรันซา รัฐมนตรีสาธารณสุขของอิตาลี กล่าวว่า อิตาลีจะยังคงใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าต่อไปสำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมถึงผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครั้งแรก