หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการคุยกับมาเลเซีย นายกฯได้ขอความร่วมมือให้มาเลเซียเร่งจัดการปัญหาบุคคล 2 สัญชาติ ที่ถือทั้งสัญชาติไทยและมาเลเซีย เพราะเชื่อว่าเป็นอุปสรรคหนึ่งในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ และเร่งให้มาเลเซียลดภาษีสินค้านำเข้า เนื่องจากมาเลเซียมีการเพิ่มภาษีมากขึ้น ทำให้ไทยเสียเปรียโดยขอให้มีการลดภาษีในอัตราที่ใกล้เคียงกัน
นอกจากนี้ยังเห็นชอบให้แก้ไขแบบก่อสร้างโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ในช่วงต่อขยาย บางซื่อ - รังสิต ซึ่งจะเพิ่มงบประมาณก่อสร้างอีก 8,140 ล้านบาท ในช่วง 3 สัญญา โดยแยกเป็นงานสัญญาที่ 1 สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งเพิ่มจำนวนรางจาก 3 เป็น 4 ราง เพิ่มความยาวชานชาลา และปรับทางวิ่งเข้าให้รองรับรางขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตร ใช้งบ 4,315 ล้านบาท สัญญาที่ 2 เป็นงานโยธาทางรถไฟ เพิ่มงบประมาณ 3,352 ล้านบาท และสัญญาที่ 3 งานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล เพิ่มงบประมาณ 473 ล้านบาท
รวมทั้งครม. ยังเห็นชอบในโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง ซี่งจะต้องมีสามฝ่ายร่วมลงนาม และต้องมีการเปิดเผยรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้างทุกขั้นตอน ทั้งนี้จะนำร่องใน 2 โครงการแรกคือ การจัดซื้อรถยนต์เอ็นจีวี จำนวน 489 คัน และโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน และยังเห็นชอบการจัดตั้งคณะกรรมการป้องกันการทุจริตจำนวน 18 คน ซี่งจะมี นาย สมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน
นอกจากนี้ครม.ยังมีมติเห็นชอบปรับเพิ่มเงินเดือนให้กับ พนักงานรัฐวิสาหกิจ 35 แห่ง เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพที่เปลี่ยนแปลง และให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 30 กันยายน2557 สำหรับค่าจ้างขั้นต่ำที่ปรับจะเริ่มที่ 9,040 บาทต่อเดือน และระดับสูงสุดที่ 140,230 บาทต่อเดือน ส่วนหากจะปรับเพิ่มแบบก้าวกระโดด หรือตั้งแต่ 2 ขั้นขึ้นไป ต้องได้รับความเห็นชอบจาก คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ คนร. และคณะรัฐมนตรี
นายกฯได้สั่งการให้กระทรวงการคลังดูแลทหารผ่านศึกที่บาดเจ็บจากการปะทะในแนวชายแดน รวมทั้งให้กระทรวงศึกษาธิการหามาตรการช่วยเหลือครูที่มีหนี้สินจำนวนมากด้วย และได้มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคอยดูนวัตกรรมใหม่และเพิ่มมาตรฐานสินค้าเพื่อยกระดับผลผลิตของประเทศด้วย