ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ เวลา 19.30 น.ประจำวันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน 2564

10 มิถุนายน 2564, 19:15น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ เวลา 19.30 น.ประจำวันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน 2564



ซื้อแล้ว! ไทยลงนามMOUวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส จัดส่งปีนี้         



          การเซ็นสัญญาจะซื้อจะขายวัคซีน ไฟเซอร์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในบ่ายวันนี้ (10มิ.ย.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้มีการเซ็นสัญญาหนังสือจะซื้อจะขายกับทางไฟเซอร์แล้ว หลังร่างหนังสือสัญญาผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานอัยการสูงสุด จากนั้นบริษัทไฟเซอร์จะมีการขึ้นทะเบียนกับคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย.โดยกระทรวงสาธารณสุข ยังมีเวลาอีก 4 สัปดาห์ในการคุมกรอบระยะเวลาการจัดส่ง ราคา ซึ่งวัคซีนจะมาภายในปีนี้ 20 ล้านโดส



          ส่วนวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน จะมีการจัดซื้อ 5 ล้านโดส อยู่ในระหว่างการดำเนินการด้านเอกสาร โดยวัคซีนของจอห์นสันฯ ฉีด 1 เข็มเท่านั้นก็หมายความว่าฉีดได้ถึง 5 ล้านคน



          สำหรับวัคซีนทางเลือกซิโนฟาร์ม ที่มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท.สั่งซื้อ นายอนุทินมองว่า นับเป็นการช่วยลดภาระของกระทรวงสาธารณสุข ส่วนปัญหาโควตา การจัดส่งวัคซีนซิโนแวคที่สั่งซื้อกับจีนถูกลดลง เพราะถูกนำไปรวมกับวัคซีนซิโนฟาร์ม ล่าสุดได้เจรจาแก้ไขแล้วทำให้ยอดซิโนแวคไม่ลดลงสามารถจัดส่งได้เดือนละ 3 ล้านโดสเท่าเดิมไม่รวมซิโนฟาร์ม 1 ล้านโดส



โคราชอนุมัติรับวัคซีนซิโนฟาร์มจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ 1 แสนโดส



          นายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา รอง ผวจ.นครราชสีมา ในฐานะรองประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมาและผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในฐานะคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา โดย นายแพทย์วิญญู  จันทร์เนตร รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้เสนอมติการขอรับการสนับสนุนวัคซีนชิโนฟาร์มจำนวน1แสนโดส จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยใช้งบสะสมขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา เพื่ออำนวยความสะดวกในการบริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนในพื้นที่ซึ่งต้องดำเนินการตามกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องและให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การใช้จ่ายงบประมาณของ อปท.ให้สอดคล้องกับแนวทางบริหารวัคซีนโควิด -19 ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการจัดหาวัคซีน

          ทั้งนี้อำนาจบริหารจัดการขึ้นอยู่กับนายกอบชัย  บุญอรณะ ผวจ.นครราชสีมา ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมติเห็นชอบให้ดำเนินการ เนื่องจาก อบจ.นครราชสีมา ถือเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่มีศักยภาพด้านงบประมาณและรายได้ เพื่อเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้เพียงพอตามวาระแห่งชาติและให้ประชาชนได้รับประโยชน์โดยเร็ว



แอสตร้าเซนเนก้า เร่งประสาน จัดส่งวัคซีนในกลุ่มอาเซียน



          บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ผู้ผลิตวัคซีนของอังกฤษเปิดเผยว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างประสานงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลของหลายประเทศในกลุ่มอาเซียน เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า แอสตร้าเซนเนก้าจะจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับรัฐบาลของประเทศในกลุ่มอาเซียนโดยเร็วเท่าที่จะทำได้ หลังมีกระแสข่าวในสัปดาห์นี้ว่า บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ผู้ผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในประเทศไทยอาจจะส่งมอบวัคซีนให้กับกลุ่มอาเซียน รวมทั้งมาเลเซียและประเทศอื่นๆเช่นไต้หวัน ล่าช้ากว่ากำหนดที่ตกลงไว้กับแอสตร้าเซนเนก้า                 



          แอสตร้าเซนเนก้าระบุว่าการส่งมอบวัคซีนให้กับรัฐบาลของกลุ่มอาเซียน รวมถึงมาเลเซีย จะเริ่มขึ้นในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ตามแผนการ บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ตั้งเป้าจะผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าราว 200 ล้านโดสต่อปี เพื่อส่งมอบให้กับกลุ่มอาเซียน หรือเฉลี่ย 15-20 ล้านโดสต่อเดือน         



          ก่อนหน้านี้ มาเลเซีย คาดว่า บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์จะส่งมอบวัคซีน 610,000โดสให้กับมาเลเซียในเดือนนี้ และอีก 1.6 ล้านโดสปลายปีนี้ แต่นายไครี จามาลุดดิน รัฐมนตรีวิทยาศาสตร์ของมาเลเซีย กล่าวว่า จากเดิมที่คาดว่าจะมีการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จากโรงงานวัคซีนในประเทศไทย ซึ่งอาจจะล่าช้า จากกำหนดส่งมอบเดิมเล็กน้อย รวมถึงรัฐบาลไทย ซึ่งเดิมคาดว่าจะได้รับมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจากบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์จำนวน 6 ล้านโดสในเดือนนี้ แต่ปรากฏว่าประเทศไทยได้รับวัคซีนเพียง 1.8 ล้านโดส       



          ที่ผ่านมา แอสตร้าเซนเนก้า ประสบปัญหาเรื่องการผลิตและการส่งมอบวัคซีนล่าช้ากับรัฐบาลในพื้นที่อื่นๆของโลกเช่นกัน ขณะที่ข้อตกลงจัดตั้งโรงงานวัคซีน ในไต้หวันก็อยู่ระหว่างเจรจาปรากฎผลไม่สำเร็จ และยังถูกกลุ่มสหภาพยุโรปฟ้องคดีต่อศาลเนื่องจากส่งมอบวัคซีนล่าช้ากว่ากำหนดในสัญญาจัดซื้อวัคซีน         



ไต้หวันเจรจาผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไม่สำเร็จ



          นายเฉิน สือ-จง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขไต้หวันตอบคำถามของ ส.ส. ในที่ประชุมสภาไต้หวันยอมรับว่า รัฐบาลได้หารือกับแอสตร้าเซนเนก้าเกี่ยวกับการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 100 ล้านโดสในนามของบริษัท แต่แอสตร้าเซนเนก้าต้องการให้ไต้หวันผลิตวัคซีนอย่างน้อย 300 ล้านโดส ซึ่งเป็นไปได้ยากและต้องใช้สายการผลิตอย่างเต็มกำลัง นอกจากนี้ ไต้หวันไม่จำเป็นต้องใช้วัคซีนมากขนาดนั้น



       วันนี้ไต้หวันพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 263 คน ลดลงจากเมื่อวานที่มี 274 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 12,200 คน และผู้เสียชีวิต 361ราย ขณะนี้ ไต้หวันฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดสแรกให้แก่ประชาชนได้เพียงร้อยละ 3 จากประชากรทั้งหมด 23.5 ล้านคน เนื่องจากทั่วโลกมีความต้องการวัคซีนเพิ่มสูงขึ้นจนทำให้เกิดปัญหาในกระบวนการผลิต ทั้งนี้ ไต้หวันกำลังพยายามเร่งการจัดส่งวัคซีนที่สั่งซื้อไว้ 20 ล้านโดสจากต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าและโมเดอร์นา เพื่อควบคุมยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นในประเทศ



รพ.เอกชน เตรียมขอใบอนุญาตนำเข้าชีววัตถุ รับวัคซีนทางเลือก



          หลังรัฐบาลปลดล็อกให้หลายหน่วยงาน รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดหาวัคซีนผ่านหน่วยงานรัฐที่กำหนด เช่น กรมควบคุมโรค องค์การเภสัชกรรม สถาบันวัคซีนแห่งชาติ สภากาชาดไทย ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กล่าวว่า ขณะนี้ โรงพยาบาลเอกชน พร้อมจัดหาวัคซีนเข้ามาเพิ่มเติมด้วย โดยต้องมีใบอนุญาตนำเข้าชีววัตถุ โดยต้องการการอนุญาตจาก อย. ซึ่งจะทำให้เป้าหมายการฉีดวัคซีนสกัดโควิด-19 จำนวน 100 ล้านโดส ในปีนี้ และเพิ่มอีก 50 ล้านโดส ในปี 2565 ทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจมากขึ้นในช่วงปลายปี 2564



          สมาคมโรงพยาบาลเอกชน จึงเร่งหารือกับองค์การเภสัชกรรม สมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อคำนวณต้นทุนการนำเข้า การจัดเก็บวัคซีนทางเลือกอายุ 6 เดือน ด้วยอุณหภูมิติดลบ -20 องศาฯ การทำประกันภัย เมื่อเกิดผลแทรกซ้อน เพื่อให้โรงพยาบาลเอกชน 400 แห่งทั่วประเทศ โดยสมาคมโรงพยาบาลเอกชน มีมติกำหนดราคาค่าบริการวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา เข็มละ 1,900 บาท 2 เข็ม ราคา 3,800 บาท คาดว่านำเข้ามาได้ในช่วงเดือน ต.ค.นี้ พร้อมนำเข้ามาปีนี้และปีหน้ารวม 10 ล้านโดส



          นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ขอย้ำว่า หากให้ทุกคนลงทะเบียนเพื่อฉีดวัคซีน 2 เข็มแรกของรัฐบาลในช่วงปลายปี จากนั้นโรงพยาบาลเอกชน นำเข้าวัคซีนทางเลือกเข้ามา จึงค่อยสรรหาหรือเลือกการเพิ่มภูมิต้านทานเข็มที่ 3 ได้ ยิ่งฉีดวัคซีนกระจายไปทั่วทุกส่วนได้มากเท่าไร จะยิ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่น ร้านค้ากลับมาเปิดบริการ แหล่งท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว จากนั้นใครพอมีกำลัง ค่อยหาวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม หลังจากช่วงเวลาที่ผ่านยอมรับว่า เราเสียเวลาไปพอสมควร จึงต้องเร่งร่วมมือกันฉีดวัคซีนจากของภาครัฐ



ทุกข์หนัก!ดัชนีวัดความสุข คนไทยต่ำสุดเป็นประวัติการณ์



          ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน พ.ค. จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศจำนวน2,243ตัวอย่าง พบว่า ดัชนีวัดความสุขในการดำรงชีวิตปัจจุบันมีค่าดัชนี 27.7 ลดลงจากเดือน เม.ย. อยู่ที่ 30.6 ต่ำที่สุดในประวัติการณ์นับตั้งแต่สำรวจมาเดือน พ.ค. 49 หรือ 193 เดือน หรือ 16 ปี 1 เดือน สอดคล้องกับความคาดหวังความสุขในการดำเนินชีวิตในช่วง 3 เดือนข้างหน้า (มิ.ย. - ส.ค.) ต่ำเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ชี้ให้เห็นว่า ผู้บริโภคมีความกังวลความไม่แน่นอนในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปรับตัวลดลงแย่ลง เสี่ยงต่อการว่างงาน และการหารายได้ ขณะที่ค่าครองชีพในปัจจุบันอยู่ในระดับสูง



          ส่วนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน พ.ค. อยู่ที่44.7จากเดือน เม.ย.ที่อยู่ระดับ 46.0 ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 22 ปี 8 เดือน นับตั้งแต่เริ่มทำการสำรวจในเดือน ต.ค.41เป็นต้นมา โดยดัชนีความเชื่อมั่นทุกตัวปรับตัวลดลงทุกรายการทั้งดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่38.9จาก40.3ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำ อยู่ที่41.3จาก42.9และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่53.9 จาก54.7



          นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้คนมีความกังวลเงินในกระเป๋า และได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบโควิดคาดว่าในเดือนมิ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะปรับตัวดีขึ้น จากการฉีดวัคซีนโควิดในประเทศทำได้มากขึ้น ประกอบกับรัฐบาลยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาส3นี้ ภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงิน5แสนล้านบาท รวมถึงการดำเนินการตามแผนแซนด์บ็อก ภูเก็ต และการส่งออกไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง คาดว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 2 เป็นอย่างน้อย    



          ส่วนการส่งออกไทยปีนี้จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ7และหากสามารถรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนไว้ที่ประมาณ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จะเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกที่จะเป็นตัวช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยในปีนี้ได้เร็วขึ้น เพราะมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นทุกร้อยละ1จะทำให้มีเม็ดเงินสะพัดเพิ่มขึ้น 6-8 แสนล้านบาท



หุ้นเอเชียแกว่งตัว รอผลประชุมธ.กลางยุโรป -ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ



          ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 1,625.27 จุด ลดลง 1.00 จุด มูลค่าการซื้อขาย 105,961.36 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบ sideway ตามทิศทางตลาดทั่วโลกที่รอผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI)ของสหรัฐฯ ในคืนนี้  



          ส่วนสถานการณ์ในประเทศที่มีโมเมมตัมการฉีดวัคซีนดีขึ้นเรื่อยๆ โดยฉีดได้วันละ 3-4 แสนโดส เป็นแรงสนับสนุนตลาด และมีการหมุนเล่นกลุ่ม Domestic play เช่น ท่องเที่ยว ค้าปลีก ช่วยพยุงตลาดได้บ้าง



          ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวขึ้น โดยนักลงทุนขานรับความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังมีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในญี่ปุ่น ดัชนีนิกเกอิปิดที่ระดับ 28,958.56 จุด เพิ่มขึ้น 97.76 จุด



          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯในวันนี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุมกลางเดือนนี้ ดัชนีฮั่งเส็งปิดที่ 28,738.88 จุด ลดลง 3.75 จุด



          ล่าสุดที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%



          นอกจากนี้ ECB มีมติคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ที่ระดับ 1.85 ล้านล้านยูโร ซึ่ง ECB จะซื้อพันธบัตรตามโครงการดังกล่าวจนถึงเดือนมี.ค.2565 โดยจะซื้อพันธบัตรในวงเงินเดือนละ 2 หมื่นล้านยูโร



'ราชทัณฑ์'เผยยอดโควิดรายใหม่ 102 คน เสียชีวิต 1 ราย



          นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2564 เวลา 16.00 น.) มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 102 คน รักษาหายเพิ่ม 505 คน เสียชีวิต 1 ราย ทำให้มีผู้ต้องขังติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 11,454 คน ภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำและทัณฑสถาน พบว่ามีเรือนจำ/ทัณฑสถานที่ไม่พบการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น 2 แห่ง รวมเป็นจำนวน 129 แห่ง ขณะที่ยังพบการแพร่ระบาด 12 แห่งคงเดิม และมียอดผู้ติดเชื้อที่หายป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดหายป่วยสะสมแล้ว 18,538 คน หรือร้อยละ 61 ของผู้ติดเชื้อสะสม 30,171 ราย และคาดว่าจะมีผู้หายป่วยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่มีมากถึง 90 เปอร์เซนต์ของผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ระหว่างการรักษาทั้งหมด

          ส่วนกรณีผู้ต้องขังที่เสียชีวิต 1 รายในวันนี้ เป็นผู้ต้องขังชายอายุ 48 ปี จากเรือนจำจังหวัดนนทบุรี เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเรือนจำกลางบางขวาง มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง ตับอักเสบร่วมกับภาวะตับแข็ง แพทย์ได้ให้การรักษาด้วยการให้ยา Favipiravir ฉีดยาปฏิชีวนะ และให้สารน้ำทางหลอดเลือด อาการยังคงทรุดลง ไม่ตอบสนองต่อการรักษาและเสียชีวิต โดยกรมราชทัณฑ์ ได้ประสานญาติ และดำเนินการตามกระบวนการส่งศพของผู้เสียชีวิต เพื่อนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอย่างปลอดภัยตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19



ตลาดละลายทรัพย์ สีลมพบติดเชื้อ 22 คน ตรวจเชิงรุกพรุ่งนี้



          หลังปิดตลาดละลายทรัพย์ สีลมซอย 5 จนถึงวันที่ 11 มิ.ย.ล่าสุด นายจิรพงศ์ จันทร์หอม นักประชาสัมพันธ์สำนักงานเขตบางรัก เปิดเผยว่า ข้อเท็จจริงคือมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 22 คน แบ่งเป็นผู้ค้า 13 คนและครอบครัวของผู้ค้าซึ่งเป็นผู้สัมผัสอีก 9 คน ไม่ใช่  310 คน ตามข่าวที่ออกไป  



          นางราตรี ธนสมบัติกุล ผู้อำนวยการเขตบางรัก ลงพื้นที่บริเวณตลาดละลายทรัพย์ (ซ.สีลม 5) เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยในการเตรียมสถานที่ในการตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุก โดยรถพระราชทานเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย ด้วยวิธีการสว็อบ (SWAB) ในวันพรุ่งนี้ (11 มิ.ย. 64) โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ค้าในตลาดละลายทรัพย์ และผู้พักอาศัยข้างเคียง จำนวน 1,000 คน



          โดยจะมีการตรวจหาเชื้อในวันพรุ่งนี้ (11 มิ.ย. 64) บริเวณตลาดละลายทรัพย์ (ซ.สีลม 5) ตั้งแต่เวลา 09.00 - 14.00 น.



          ส่วนของการปิดตลาดละลายทรัพย์ไม่มีกำหนดนั้น ทางเราได้ขอความร่วมมือผู้ค้าให้หยุดทำการค้าเป็นเวลา 3 วัน (วันที่ 10-12 มิ.ย. 64) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการล้างทำความสะอาด และตรวจหาเชื้อเชิงรุกต่อไป



ตั้งข้อหา ซูจี ทุจริตโทษจำคุก 15 ปี



          นายคิน หม่องซอ ทนายความของนางอองซาน ซูจี อดีตที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมาที่ถูกกองทัพยึดอำนาจเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ เปิดเผยว่า คณะรัฐประหารของเมียนมาตั้งข้อหาอาญาเพิ่มเติมอีกหนึ่งข้อหากับนางซูจี คือความผิดฐานทุจริต กรณีรับสินบนในรูปเงินสดมูลค่า 600,000 ดอลลาร์สหรัฐฯและทองรูปพรรณอีก 7 เส้น เป็นข้อหาที่มีอัตราโทษร้ายแรงที่สุดคือ จำคุก 15 ปี เมื่อเทียบกับข้อหาอื่นๆอีก 6 ข้อหาที่นางซูจีถูกดำเนินคดี เช่น ข้อหานำเข้าอุปกรณ์สื่อสารโดยผิดกฎหมาย,ข้อหาปลุกปั่นให้ประชาชนต่อต้านอำนาจรัฐ และข้อหาละเมิดกฎหมายการรักษาความลับของราชการซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงสุด 14 ปี         



         นับแต่กองทัพเมียนมาทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 นางซูจี หัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ถูกกักตัวในบ้านพักเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เธอปรากฏตัวต่อสาธารณชนน้อยมาก ยกเว้นในกรณีเดินทางไปปรากฏศาลเพื่อต่อสู้คดี         



         ด้านชมรมทนายความที่ดูแลเรื่องการช่วยเหลือนักโทษคดีการเมืองของเมียนมา เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตกว่า 800 รายและมีผู้ถูกจับกุมเกือบ 5,000 คน จากการประท้วงต่อต้านการทำรัฐประหารในเมียนมา         

ข่าวทั้งหมด

X