นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงความคืบหน้าคดีส่งออกยาเสพติด มีการจับกุมได้มากกว่า 60 คดี เตรียมประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ดินแดง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ว่าที่ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมแถลงข่าวสถานการณ์ภาพรวมการสกัดกั้นและการลักลอบส่งออกยาเสพติด ความคืบหน้าคดีส่งออกยาเสพติดไปต่างประเทศ
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยาเสพติดเหล่านี้มาจากแหล่งผลิตในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ส่งเข้ามาประเทศไทยผ่านทางชายแดน และลักลอบนำส่งลงเรือที่ท่าเรือในประเทศไทย และมีบางส่วนส่งจากประเทศเพื่อนบ้านไปยังประเทศที่สามด้วยเช่นกัน สาเหตุที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ใกล้แหล่งผลิตยาเสพติด มีการคมนาคมขนส่งที่สะดวกและรวดเร็ว รวมทั้ง ยังมีท่าเรือสากลที่มีขนาดใหญ่และมีจำนวนตู้สินค้าผ่านท่าเรือจำนวนมาก แม้ว่าจะมีวิศวกรผลิตยาที่ถูกจับในประเทศไทย แต่มีน้อยมากและโทษจำคุกสูงถึงตลอดชีวิต โดยยาเสพติดส่วนใหญ่ที่มีการส่งออกเป็นไอซ์และเฮโรอีน โดยรวมทั้งหมดมียาเสพติดที่ถูกจับและมีการส่งผ่านประเทศไทยทั้งหมดรวม 19 ประเทศ อาทิ เกาหลีใต้ 22 คดี ออสเตรเลีย 20 คดี อิสราเอล 14 คดี นิวซีแลนด์ 11 คดี และสิงคโปร์ 10 คดี
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การจะป้องกันให้เรื่องยาเสพติดเป็นศูนย์ทำได้ยาก เพราะมีเรื่องของประเทศเพื่อนบ้านด้วย ซึ่งตนจะเชิญ 6 ประเทศในกลุ่มลุ่มน้ำโขงคุยแนวทางกันอีกครั้ง ซึ่งการจะทลายเครือข่ายยาเสพติดนั้นจะต้องใช้เวลา โดยเราจะเน้นที่การขยายผลจับกุมยึดทรัพย์สินเครือข่าย และเรามีแนวทางหลักๆ คือ การสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน การให้ความรู้เด็กและเยาวชน ทำให้ยาบ้ามีราคาถูกเพราะคนนิยมน้อยลง แต่กำลังการผลิตทำได้มากขึ้นและต้นทุนถูกมาก และยังเน้นเรื่องของการฟื้นฟูผู้ติดยา มาตรการทางกฎหมายที่เข้มข้นมากขึ้น และการศึกษาเทคโนโลยีและแนวทางใหม่ๆเพื่อให้ทันสถานการณ์ ที่ผ่านมาการสกัดจับยาเสพติดที่ใช้ประเทศไทยส่งออกทำได้จำนวนมาก ซึ่งที่จับได้ในต่างประเทศมีจำนวนน้อยแต่มีราคาสูงกว่าเดิมถึง 10 เท่า ทำให้ข่าวการจับกุมในต่างประเทศมีมูลค่าสูง
ขอให้ทุกคนมั่นใจว่าเราทำงานอย่างเต็มที่ ในการอภิปรายของ ส.ส. ในสภาช่วงการพิจารณางบประมาณรายจ่าย 2565 ว่างบประมาณของ ป.ป.ส. ถูกตัดลดลงไปกว่า 1,500 ล้านบาท แต่ตนไม่ได้สนใจตรงนั้น การทำงานบูรณาการร่วมกันของทุกหน่วยงานยังไม่ลดลง และเรายังไม่มีเครื่องมือที่สำคัญอย่าง ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ที่อยู่ระหว่างรอการพิจารณาของรัฐสภา เรายังทำงานได้มีประสิทธิภาพและเน้นไปที่การยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด แม้ว่าวันนี้จะได้มากกว่า 4,500 ล้านบาทแล้ว แต่เรายังไม่พอใจ เพราะยังขาดเครื่องมือที่สำคัญอย่างกฎหมาย หากได้มาการทำงานของเราจะมีประสิทธิภาพมากกว่านี้อีก แต่หากมีทุกอย่างครบแล้วเรายังทำงานให้ดีไม่ได้ก็ต้องพิจารณาตัวเอง แต่ตนเชื่อว่าทำได้แน่นอน
นายวิชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ส. มีการขยายผลจับกุมทุกคดี แต่การนำเข้ายาเสพติดนั้นจะสามารถขยายผลจับกุมได้บ่อยครั้งกว่าการส่งออก เนื่องจาก ทุกคดีมีผู้รอรับยาเสพติดในประเทศ แตกต่างกับการลักลอบส่งออกยาเสพติด ผู้ส่งยาเสพติดจะอำพรางใช้การส่งผ่านหลายบริษัท และใช้ผู้อื่นดำเนินการแทนการสืบสวนพบว่า มีการลักลอบนำเข้าและส่งออกยาเสพติด โดยกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด 3 กลุ่ม คือ กลุ่มคนไทย ร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มแอฟริกันตะวันตก และกลุ่มประเทศปลายทางมาดำเนินการเอง รูปแบบการซุกซ่อนยาเสพติด ก่อนสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 จะลักลอบลำเลียงไปกับตัวบุคคล ซุกซ่อนยาเสพติดในร่างกาย การกลืน พันรอบตัว และอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ซุกซ่อนในกระเป๋าเดินทางโดยทำเป็นช่องลับ ซุกซ่อนในเครื่องอุปโภค บริโภค ปะปนกับเสื้อ แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด รูปแบบการซุกซ่อนยาเสพติดได้เปลี่ยนแปลงไปใช้การส่งผ่านพัสดุระหว่างประเทศ ผ่านบริษัทขนส่งพัสดุภัณฑ์ภายในประเทศ ก่อนจะนำไปส่งต่อบริษัทขนส่งระหว่างประเทศอีกที เพื่อสกัดการสืบสวนเชื่อมโยงถึงตัวผู้ส่ง
นายวิชัย กล่าวอีกว่า การติดต่อสื่อสารของกลุ่มผู้ลักลอบส่งยาเสพติด จะใช้วิธีการสั่งการทางแอปพลิเคชันไลน์หรือการสนทนาผ่านเฟซบุ๊กโดยจะใช้บัญชีผู้ใช้ปลอม (อวตาร) ไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ ด้วยเหตุนี้ เครื่องมือและอุปกรณ์เทคโนโลยีสมัยใหม่ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการสืบสวนยุคปัจจุบัน รูปแบบการโอนเงิน จากการสืบสวนก่อนนี้ กลุ่มผู้ลักลอบส่งยาเสพติดจะใช้การโอนเงินผ่านเคาท์เตอร์ธนาคาร ตู้ ATM แอปพลิเคชันธนาคาร และปัจจุบันกลุ่มนี้หันมาใช้การฝากเงินสดผ่านตู้รับฝากอัตโนมัติ โดยว่าจ้างผู้อื่นเป็นผู้ฝาก ข้อมูลการสกัดกั้นจับกุมคดียาเสพติดในประเทศไทย ตั้งแต่ปลาย ปี พ.ศ. 2562 ถึงปัจจุบัน สกัดกั้นยาเสพติดได้มากขึ้น จำแนกเป็น ไอซ์ 60,818 กก. เฮโรอีน 4,298 กก. และยาบ้า 1,182,910,461 เม็ด เนื่องจาก นโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการบูรณาการปราบปรามยาเสพติด และความร่วมมือกับหน่วยงานระหว่างประเทศ