พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า มีหนังสือคำสั่งและวิทยุสั่งการให้ทุกสถานีตำรวจและทุกหน่วยปฏิบัติเพิ่มมาตรการในการตรวจตราสถานที่สำคัญในแต่ละพื้นที่ ที่อาจตกเป็นเป้าหมายในการสร้างสถานการณ์ ความวุ่นวาย และก่อเหตุร้ายในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาก เช่น ห้างสรรสินค้า ร้านอาหาร สถานีขนส่งโดยสารสาธารณะ โดยให้ประสานกับเจ้าของสถานที่ และฝ่ายรักษาความปลอดภัย ตรวจสอบความพร้อมของกล้องวงจรปิด และเพิ่มจุดตรวจเข้มแข็งเพื่อตรวจหาสิ่งผิดกฏหมายทุกชนิด เพื่อเป็นการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยและความมั่นใจให้กับประชาชน ทั้งนี้ยอมรับว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ได้เตือนเรื่องการก่อเหตุปั่นป่วนมาก่อนหน้านี้แล้วตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่ พร้อมทั้งกำชับให้เพิ่มการรักษาความปลอดภัยในสถานที่ที่มีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากกังวลถึงผลกระทบกับการท่องเที่ยว
ส่วนการติดตับจับกุมคนร้ายที่วางระเบิดบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ขอเวลาให้ฝ่ายสืบสวนได้ทำงาน ที่มีทั้งตำรวจสอบสวนกลาง กองบังคับการปราบปราม และสน.ปทุมวัน โดยเฉพาะการแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิด และการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถออกหมายจับคนร้ายได้เร็วๆนี้ อย่างไรก็ตามได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสตช. เป็นผู้ให้ข่าวแต่เพียงผู้เดียว และห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่โดยเฉพาะทีมงานที่ทำงานคลี่คลายในคดีนี้ให้สัมภาษณ์ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการสืบสวนและการดำเนินคดีได้
สำหรับผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดมีจำนวน 2 คน คือ นายวีระ ศักดิ์รัตน์ อายุ 26 ปี มีบาดแผลถูกกระจกบาด และนายศิรินทร์ ส่องแสงเจริญ อายุ 53 ปี มีแผลฟกช้ำเนื่องจากตกใจปีนหนีและหกล้ม ซึ่งล่าสุดทั้ง 2 คน รักษาตัวกลับบ้านได้แล้
...ผสข.อภิสุข เวทย์วิศิษฐ์