ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ เวลา 19.30 น.ประจำวันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน 2564
อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้ วัคซีนโควตา ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ นำไปรวมกับโควตามหาวิทยาลัย
หลังราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ออกประกาศว่า เนื่องจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ไม่ได้รับการจัดสรร “วัคซีนหลัก” (ซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้า) เพื่อให้บริการอีกต่อไป รพ.จุฬาภรณ์จึงต้องขออภัยทุกท่านที่ไม่สามารถให้บริการฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับผู้ที่ได้ลงทะเบียนผ่านระบบราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ไว้แล้ว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. 2564 เป็นต้นไป รวมถึงสถานศึกษา และหน่วยงานของรัฐที่ได้ขอติดต่อเพื่อรับการฉีดวัคซีนหลักทั้งสองชนิดด้วย
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โควตาวัคซีนโควิดของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ถูกนำไปรวมกับโควตามหาวิทยาลัยที่ขึ้นตรงกับที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ที่มีรวม 11 สถาบันโดยมีอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นประธาน และมีปลัดกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคได้ส่งวัคซีนจำนวน 5 แสนโดส ไปให้กับมหาวิทยาลัยแล้ว อำนาจการจัดสรรจากนี้เป็นเรื่องของ ทปอ.เป็นผู้ดำเนินการ ไม่เกี่ยวข้องกับกรมควบคุมโรค
ซิโนฟาร์มส่งวัคซีนให้ 1 ล้านโดส ในเดือนนี้
หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้การอนุมัติวัคซีนซิโนฟาร์ม นายลือชา วรวิวรรธน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าจะได้วัคซีนซิโนฟาร์ม จำนวน 1 ล้านโดส ภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมิถุนายน จากทางผู้ผลิต ส่วนเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม เตรียมพร้อมจะเข้าไทยได้อีก 5-7 ล้านโดส
นายลือชา กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้รับทราบว่ามีการตอบรับในเรื่องของวัคซีนซิโนฟาร์ม ค่อนข้างดี และมีการจองผ่านทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มาเป็นจำนวนมากพอสมควร เกิน 1 ล้านโดสไปแล้ว จึงได้มีการเจรจาล่วงหน้าไว้ว่า ทางเราอยากได้จำนวนวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้นอีกจากลอตแรก โดยทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จะเป็นผู้จัดสรรและกระจายวัคซีนไปสู่ประชาชนโดยเร็วที่สุด ส่วนเรื่องราคาในตอนนี้ประเมินไว้ว่า ราคาไม่น่าเกิน 1,000 บาทอย่างแน่นอน
ส่วนราคาในอนาคต คาดว่าคงจะไม่เพิ่มสูงขึ้น จากสภาวการณ์แบบในปัจจุบันนี้"ส่วนประเด็นเรื่องจะมีการแสวงหากำไรหรือไม่นั้น ทางเราเป็นบริษัทเอกชน จะต้องมีเรื่องค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้า การดูแลเก็บรักษาสินค้า ค่าพนักงาน ค่าขนส่ง รวมถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้น หากเราขายไม่หมดก็ย่อมมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น เพราะเราไม่สามารถคืนสินค้าได้ การแสวงหากำไรจึงไม่ใช่ประเด็นสำคัญของเราในตอนนี้ ประเด็นหลักของเราจะทำอย่างไรให้วัคซีนนั้นกระจายไปถึงยังประชาชนได้โดยเร็วที่สุด กำไรที่จะเกิดขึ้นต่อเมื่อประชาชนได้รับวัคซีนโดยมีคุณภาพชีวิตที่ดี และทำให้เศรษฐกิจสามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้
อัพเดทยอดติดเชื้อโควิด-19 รายจังหวัด
รายงานสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า (COVID-19) จ.เพชรบุรี พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 380คน (โรงงาน 329 คนทั่วไป 51คน ) รวมติดเชื้อสะสม 6,741 คน
สถานการณ์ Covid-19 จังหวัดสมุทรปราการ วันที่ 3 มิถุนายน 2564 เวลา 13.00 น. พบผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 232 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ในพื้นที่ จำนวน 205 คน
-เมือง 110 คน
-บางพลี 7 คน
-พระประแดง 13 คน
-บางเสาธง 7 คน
-บางบ่อ 2 คน
-พระสมุทรเจดีย์ 66 คน
รับมารักษาต่อในจังหวัดสมุทรปราการ 27 คน
ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 7,970 คน กำลังรักษาในรพ.รัฐ 656 คน รักษาในรพ.เอกชน 582 คน รักษาใน Hospitel ราชภัฎธนบุรี 995 คน ยอดเสียชีวิตสะสม 82 ราย
รายงานสถานการณ์โรค COVID-19 .สงขลา ล่าสุด ข้อมูลวันที่ 3 มิ.ย.2564 พบผู้ติดเชื้อใหม่ 38 คน รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,830 คน หายป่วยสะสม 1,146 คน รักษาในโรงพยาบาล 675 คน และเสียชีวิตสะสม 9 คน
'เรือนจำสมุทรปราการ 6,515 คน 'สมศักดิ์'สั่งเร่งลดความแออัด
การฉีดวัคซีนป้องโควิด-19ให้ผู้ต้องขังเรือนจำวันนี้เป็นวันแรก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า โครงการฉีดวัคซีนป้องกันแก่ผู้ต้องขังทั้งหมด 6,515 คน โดยเป็นวัคซีนซิโนแวค ที่ได้รับการสนับสนุนจากกรมควบคุมโรค และบุคลากรจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ และโรงพยาบาลบางบ่อ ในฐานะโรงพยาบาลแม่ข่าย และอาสาสมัครพยาบาล รวม 40 คน ในการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขัง ระหว่างวันที่ 3 - 6 มิถุนายน 2564 รวม 4 วันหรือวันละประมาณ 1,800 คน
เมื่อถามถึงมาตรการลดความแออัดภายในเรือนจำ หลังมี ส.ส.อภิปรายหลายคนในเรื่องนี้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องการลดความแออัดในเรือนจำตนเริ่มทำมาตั้งแต่เริ่มรับตำแหน่งใหม่ๆ เช่น การสร้างที่นอนสองชั้น การติดกำไล EM จากผู้ต้องขัง 390,000 คน ขณะนี้เหลือประมาณ 300,000 กว่าคน ยังเกินกว่ามาตรฐานพื้นที่ 1.2 ตร.ม. ต่อคนอยู่อีกประมาณ 10,000 คน โดยขณะนี้เราได้ส่งร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดเข้าสู่รัฐสภาใกล้จะได้พิจารณาแล้ว ซึ่งจะมีการปรับอัตราโทษผู้ต้องคดียาเสพติดใหม่ให้เหมาะสม รวมถึงการขอพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องขังที่ป่วยติดเตียง ซึ่งหากกระบวนการทั้งหมดนี้เสร็จเชื่อว่าภายใน 3 เดือน จะแก้ปัญหาความแออัดได้
สถานการณ์ Covid-19 ในเรือนจำวันนี้ นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2564 เวลา 16.00 น.) มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่จำนวน 1,230 คน เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย โดยภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน ปัจจุบันมีเรือนจำ/ทัณฑสถานที่ไม่พบการแพร่ระบาดของโรคเพิ่มขึ้น เป็นจำนวน 123 แห่ง และยังสามารถควบคุมจำนวนของเรือนจำ/ทัณฑสถานที่พบการแพร่ระบาดของเชื้อให้คงที่อยู่ที่ 13 แห่ง ซึ่งมีผู้ต้องขังที่ติดเชื้อเริ่มได้รับการรักษาจนหาย เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในส่วนของผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น เกิดจากการ SWAB เพื่อตรวจหาเชื้อซ้ำ ในกลุ่มผู้ต้องขังจากสถานที่ที่มีการแพร่ระบาดเดิม เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อให้ได้รับการรักษาได้อย่างรวดเร็ว อันจะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยหนักให้น้อยลง รวมถึงการตรวจพบเชื้อในกลุ่มผู้ต้องขังเข้าใหม่ที่มาจาก ภายนอก
สำหรับกรณีผู้ต้องขังที่เสียชีวิต 1 รายในวันนี้ เป็นผู้ต้องขังชาย อายุ 84 ปี จากเรือนจำกลางคลองเปรม ได้ตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19 และเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ โดยเป็นผู้ป่วยในกลุ่มเปราะบาง คือมีโรคประจำตัวเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว และเป็นผู้ป่วยสูงอายุเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2564
สอท.แนะรัฐให้คนละครึ่ง 6 พันบาท
มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อประชาชน ระยะเวลาโครงการเริ่มตั้งแต่เดือน ก.ค.-ธ.ค.64 รวมให้เงิน 3,000 บาท ครอบคลุมประชาชน 31 ล้านคน เป็นระยะเวลาเริ่มต้นโครงการที่ช้าไป ควรเริ่มโครงการได้ทันทีในเดือนมิ.ย.นี้ รวมทั้งวงเงินที่ให้น้อยไปอาจไม่เพียงพอกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. มีความเห็นว่าวงเงินโครงการคนละครึ่งควรอยู่ที่ 6,000 บาท เพื่อเพิ่มเม็ดเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจให้ได้มากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าโครงการคนละครึ่งเป็นโครงการที่เห็นผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วและกระตุ้นได้มากที่สุดโครงการหนึ่งของรัฐบาล
ส่วนกรณีที่ภาครัฐเตรียมจะออก พ.ร.ก. กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโควิด-19 ว่าควรนำเงินดังกล่าวไปใช้ในเรื่องใด พบว่า 3 อันดับแรก ผู้บริหารส.อ.ท.ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจและกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศคิดเป็นร้อยละ 74.1 รองลงมาเป็นการช่วยเหลือ เยียวยาให้แก่ประชาชน และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ คิดเป็นร้อยละ 70.6 และแก้ไขปัญหาการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 คิดเป็นร้อยละ65.9
ขณะเดียวกันประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงกลางปี 2565 คิดเป็นร้อยละ 37.1 รองลงมาเป็นช่วงปลายปี 2565 คิดเป็น ร้อยละ 23.5 อีกทั้งมองว่าจำนวนเงินดังกล่าวไม่เพียงพอ ต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ คิดเป็นร้อยละ 21.8 และคาดว่าเศรษฐกิจจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงปลายปี 2564 คิดเป็นร้อยละ17.6
หุ้นฮ่องกงร่วง 300 จุด หลังอุปสงค์ในต่างประเทศลดลง
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดร่วงลงกว่า 300 จุดในวันนี้ หลังจากผลสำรวจของไฉซิน/มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนชะลอตัวลงในเดือนพ.ค. เนื่องจากอุปสงค์ในตลาดต่างประเทศอ่อนแรงลง ดัชนีฮั่งเส็งปิดที่ 28,966.03 จุด ลดลง 331.59 จุด
ไฉซิน/มาร์กิตเปิดเผยผลสำรวจในวันนี้ซึ่งระบุว่า ดัชนี PMI ภาคบริการของจีนลดลงสู่ระดับ 55.1 จากระดับ 56.3 ในเดือนเม.ย. เนื่องจากการชะลอตัวลงของอุปสงค์ในต่างประเทศอันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น ได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมในภาคธุรกิจ
รายงานดัชนี PMI ภาคบริการของไฉซินออกมาสวนทางกับที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 55.2 จากระดับ 54.9 ในเดือนเม.ย. โดยได้แรงหนุนจากการอุปโภคบริโภคที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และจากการที่จีนประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวกในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะช่วยให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ดัชนีนิกเกอิปิดที่ 29,058.11 จุด เพิ่มขึ้น 111.97 จุด รัฐบาลญี่ปุ่นจะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประชาชนที่ทำงานในสำนักงาน และนักศึกษามหาวิทยาลัย ในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ เพื่อเร่งเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ญี่ปุ่นฉีดวัคซีนให้ประชาชนล่าช้ากว่าประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะอุปสรรคในการจัดหาสถานที่ฉีดวัคซีนและการจัดซื้อวัคซีนจากต่างประเทศได้ไม่เพียงพอ
สธ.ไต้หวันได้รับงบควบคุมโรคเพิ่มเติม ติดเชื้อรายวัน 583 คน
นายกรัฐมนตรีซู เจิน ชาง ของไต้หวัน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ได้อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม 79,200 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน(หรือ 2,870 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)ให้กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อใช้จ่ายในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 เช่น การจัดซื้อวัคซีน การตรวจโรค การจัดซื้อยารักษาโรค และปรับปรุงระบบเฝ้าระวังโรคระบาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้งบประมาณดังกล่าวมาจากงบประมาณในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจรวมมูลค่า 420,000 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน ซึ่งรัฐสภาไต้หวันลงมติเห็นชอบเมื่อวันจันทร์ เพื่อช่วยประคับประคองเศรษฐกิจของไต้หวันให้ผ่านพ้นวิกฤตโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ซึ่งรัฐบาลจะต้องใช้จ่ายงบก้อนนี้ให้ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายนปีหน้า
ไต้หวันพบผู้ป่วยรายใหม่ 583 คนในวันนี้ เป็นการติดเชื้อไวรัสในประเทศทั้งหมด ตัวเลขนี้รวมทั้งผู้ป่วย 219 คนที่หน่วยงานสาธารณสุขท้องถิ่นแจ้งผลตรวจ ล่าช้ามาที่กระทรวงสาธารณสุขไต้หวัน นับว่าเพิ่มขึ้นจากตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 549 คนเมื่อวาน
สำหรับโครงการวัคซีนของไต้หวันไม่คืบหน้าเท่าที่ควร แม้ไต้หวันสั่งซื้อวัคซีนหลายล้านโดส แต่ไต้หวันได้รับมอบวัคซีนล่าช้าและมีปริมาณไม่มาก ในปัจจุบันมีเพียงร้อยละ 3 ของประชากรทั้งหมด 23.5 ล้านคนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนแล้ว ส่วนใหญ่เพิ่งรับวัคซีนเข็มแรก
7 ประเทศสมาชิกอียู นำร่องออกใบรับรองฉีดวัคซีนดิจิทัล หนุนท่องเที่ยว
หลังจากกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)เห็นชอบหลักการเรื่องการให้สมาชิกอียูออกใบรับรองการฉีดวัคซีน,รับรองผลตรวจโรคโควิด-19 หรือใบรับรองสุขภาพแบบดิจิทัลประจำกลุ่มอียู(EU digital Covid-19 certificates)ในการประชุมในเดือนมีนาคม พร้อมมีมติให้กลุ่มอียูเริ่มต้นโครงการนี้พร้อมกันตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในกลุ่มอียูในช่วงฤดูร้อนของยุโรปกลางปีนี้
นางสเตลลา คีเรียคิลเลส (Stella Kyriakides)กรรมาธิการด้านสุขภาพและความปลอดภัยด้านอาหารของกลุ่มอียู เปิดเผยว่า 7 ประเทศสมาชิกอียูคือ บัลแกเรีย,เช็ก,เดนมาร์ก,เยอรมนี,กรีซ,โครเอเชียและโปแลนด์ ได้เริ่มจัดทำโครงการนำร่องเกี่ยวกับการออกใบรับรองการฉีดวัคซีนหรือใบรับรองสุขภาพแบบดิจิทัลให้กับนักท่องเที่ยวเร็วกว่ากำหนดเพื่อเสริมการเดินทางระหว่างประเทศภายในกลุ่มอียู
นอกจากนี้ กลุ่มอียูอนุญาตให้สมาชิกอียูแต่ละประเทศใช้ดุลพินิจว่าจะพิจารณาออกใบรับรองดิจิทัลเช่นนี้ให้กับนักท่องเที่ยวนอกกลุ่มอียู เช่น สหรัฐฯ ได้หลังตรวจสอบหลักฐานต่างๆ เห็นว่า นักท่องเที่ยวที่มีเอกสารยืนยันการฉีดวัคซีนหรือใบรับรองว่าผ่านการตรวจโรคมีผลเป็นลบ
คณะกรรมาธิการยังได้แนะนำ สมาชิกอียูเร่งวางหลักเกณฑ์เรื่องนี้ให้ชัดเจน ทั้งในเรื่องการออกใบรับรอง,การจัดเก็บข้อมูลและการตรวจสอบหลักฐานต่างๆด้วยระบบดิจิทัลให้พร้อมก่อนที่กลุ่มอียูจะเริ่มเปิดตัวโครงการนี้พร้อมกันในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 โดยกลุ่มอียูมองว่าการออกใบรับรองดิจิทัลเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่จะส่งเสริมให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย