กฟผ.เตรียมเปิดตัวโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดใหญ่ที่สุดในโลก ที่เขื่อนสิรินธร

02 มิถุนายน 2564, 12:12น.


          ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change กำลังเป็นปัญหาสำคัญของทุกประเทศทั่วโลกในขณะนี้ สาเหตุจากก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในชั้นบรรยากาศของโลก ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำในมหาสมุทร การเปลี่ยนแปลงของปริมาณน้ำฝน หิมะ และน้ำแข็งละลาย เกิดความแปรปรวนของสภาพอากาศ โลกมีความร้อนที่รุนแรงมากขึ้น เกิดภัยแล้ง มลพิษทางอากาศ ระบบนิเวศได้รับผลกระทบ ซึ่งไม่เพียงแต่กระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนและสัตว์เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบไปถึงระบบเศรษฐกิจของโลกด้วย โดยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่วนใหญ่จะมาจากภาคการผลิตพลังงาน  รองลงมา คือ ภาคอุตสาหกรรม





          การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าให้กับประเทศ ก็ตระหนักถึงปัญหานี้ โดยนายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวระหว่างการเสวนาออนไลน์ "ภาวะโลกรวน ป่วนลมหายใจ"  เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน ยอมรับว่า แม้พลังงานไฟฟ้าจะทำให้คุณภาพชีวิตของคนในประเทศดีขึ้น  แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และภาวะก๊าซเรือนกระจก  กฟผ.จึงร่วมกับกระทรวงพลังงาน , กระทรวงพาณิชย์  , สำนักงานนโยบายและแผน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และมหาวิทยาลัยต่างๆ  เพื่อผลักดันให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะนำมาใช้แก้ปัญหาก๊าซเรือนกระจก โดยเริ่มดำเนินงานมานานกว่า 10 ปีแล้ว





          โดยโครงการสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้น คือ โครงการ Hydro-Floating Solar Hybrid ที่เขื่อนสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี เป็นโซลาร์เซลล์ลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขนาด 45 เมกะวัตต์  ติดตั้งบนพื้นที่ผิวน้ำประมาณ 450 ไร่  สามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับพลังงานน้ำที่เกิดจากการปล่อยน้ำในเขื่อนเพื่อการชลประทาน เป็นการใช้พื้นที่ว่างบนผิวน้ำให้เกิดประโยชน์ เป็นพลังงานสะอาด ที่ไม่ต้องตัดไม้หรือใช้พื้นที่บนบกเพื่อสร้างโรงไฟฟ้า และยังลดเม็ดเงินการลงทุนได้ด้วย โดยในเดือนกรกฏาคมนี้ คาดว่าการติดตั้งจะแล้วเสร็จ  พร้อมการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพื่อประโยชน์ด้านการท่องเที่ยว เช่น อาคารรับรอง ร้านกาแฟ  สกายวอล์ค และจะเปิดให้ประชาชนได้เที่ยวชม รวมทั้งศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการผลิตพลังงานไฟฟ้านี้ด้วย หลังจากนั้นจะดำเนินการต่อในเขื่อนอื่นๆของ กฟผ. เพิ่มเติม





          นอกจากนี้ กฟผ. ยังมีโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำเขื่อนแม่กลอง ที่เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เพื่อลดการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ  รวมทั้งยังมียุทธศาสตร์จัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อมด้านคุณภาพอากาศ  EGAT  AIRTIME   เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน  4 กลยุทธ์ขับเคลื่อน คือ



T (Tree & Tourism) เพิ่มพื้นที่สีเขียว ผ่าน โครงการปลูกป่า   EGAT Green Forest Project



I (Innovation) พัฒนานวัตกรรมเพื่อดูแล ลดปัญหาและจัดการคุณภาพอากาศ



M (Monitoring) ตรวจวัดและแสดงผลคุณภาพอากาศ ให้ประชาชนตระหนักและปรับพฤติกรรม



E (Education&Engagement) สื่อสารความรู้ที่เกี่ยวข้อง สร้างการมีส่วนร่วม และสร้างชุมชนสีเขียวต้นแบบ





          ในส่วนการผลิตพลังงานไฟฟ้าของ กฟผ.เอง ก็มีการควบคุมกระบวนการทำงานให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้น้อยที่สุด ตั้งแต่ต้นน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่การก่อสร้างโครงการ ไปจนถึงระบบส่งไฟฟ้าไปยังบ้านเรือน  โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยจัดการ และทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรอบคอบก่อนดำเนินโครงการใดๆ  รวมทั้งโครงการปลูกป่า เพิ่มพื้นที่สีเขียว ที่นับตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปัจจุบัน สามารถปลูกต้นไม้ได้แล้ว 468,662 ไร่ หรือเท่ากับสนามฟุตบอล  1 แสนสนาม  สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 9 ล้านตัน   ปล่อยออกซิเจนกลับคืนสู่ชั้นบรรยากาศถึงกว่า 7 ล้านตันต่อปี   และอีกหนึ่งมาตรการที่เราคุ้นเคยกันดี ก็คือ รณรงค์ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5  เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญในการประหยัดพลังงาน 





           ด้าน ดร.รวีวรรณ ภูริเดช  เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า วันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายนปีนี้ ก็มีการรณรงค์กันในประเด็น “ร่วมฟื้นฟูระบบนิเวศน์ Ecosystem Restoration”  โดยประเทศปากีสถาน ซึ่งเป็นเจ้าภาพ  ติดอันดับ 8 ของโลก ที่มีความเสี่ยงจะได้รับผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในระยะยาว  ไทยเองก็ติดอยู่ในอันดับ 9 ที่มีความเสี่ยงด้านสภาพอากาศด้วย   จึงยกให้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นวาระแห่งชาติ และมีพันธกิจลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เหลือเพียงร้อยละ 20 จากปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกรณีปกติ ภายในปี 2573  เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ภัยพิบัติธรรมชาติ  มลพิษทางอากาศ  โรคระบาดที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ  และผลกระทบกับภาคการเกษตร 





          โดยประชาชนก็สามารถมีส่วนร่วมได้ ด้วยการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน  ลดการใช้พลาสติก  เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะและใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  ที่สำคัญคือ ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใด อุตสาหกรรม ภาคการท่องเที่ยวหรือการเกษตร จะต้องปรับตัวนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ เพื่อให้เป็นธุรกิจสีเขียวเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะในอนาคต หลายประเทศทั่วโลกจะใช้มาตรการด้านสิ่งแวดล้อม กดดันให้ประเทศสมาชิกต้องปรับตัว ซึ่งจะส่งผลไปถึงการส่งออกและระบบเศรษฐกิจด้วย



 

ข่าวทั้งหมด

X