สั่งย้าย ผู้บัญชาการเรือนจำกลางฉะเชิงเทรา-ผอ.ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง ปมโควิด-19

                    การรับมือโควิด-19ระบาดในเรือนจำ และทัณฑสถาน ล่าสุด นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ลงนามคำสั่งกระทรวงยุติธรรมที่ 184/2564 เรื่องมอบหมายให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ราชการ เพื่อให้การบริหารราชการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเพื่อประโยชน์ของทางราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 และแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2545 โดยมีคำสั่งมอบหมายให้ นายกรีฑา แก้วเทศ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการประจำกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง และให้ น.ส.สมสกุล แอลเฟรด นักทัณฑวิทยาเชี่ยวชาญ สำนักพัฒนาพฤตินิสัย กรมราชทัณฑ์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

         สาเหตุโยกย้ายครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากยอดผู้ป่วยในเรือนจำฉะเชิงเทราที่ติดเชื้อโควิด-19 วันเดียวตรวจพบถึง 660 คน ทำให้เรือนจำมีผู้ป่วยสะสมสูงถึง 1,218 คน เป็นผู้ต้องขังชาย 1,130 คน และผู้ต้องขังหญิง 88 คน ขณะที่เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา มีผู้ต้องขังรวมทั้งหมด 2,693 คน

          นอกจากนี้ยังมีการส่งตัวผู้ต้องขังที่มีอาการหนักออกไปรักษานอกเรือนจำที่โรงพยาบาลพุทธโสธร จำนวน 8 คน เป็นชาย 7 คน และหญิง 1 คน ซึ่งผู้ป่วย 8 คนนี้ มีผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคถึง 3 คนทำให้วันนี้ภายในศูนย์ปฏิบัติการโรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องทำงานกันอย่างหนัก เพื่อคัดแยก คัดกรองผู้ต้องขังส่วนที่เหลืออีกครึ่งเรือนจำที่ยังไม่ติดเชื้อ พร้อมยังมีการวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ตามหอนอนผู้ป่วยทั้ง 13 ห้อง เพื่อสอบสวนอาการที่เกิดขึ้นจากผู้ต้องขังที่ติดเชื้อทั้งหมด

          นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า สาเหตุที่พบผู้ป่วยในเรือนจำสูงถึง 660 คน เกิดจากการสั่งการให้มีการตรวจเชิงรุกสวอป ผู้ต้องขังทั้ง 2,693 คน จากปกติที่มียอดติดเชื้อในเรือนจำวันละ 50-100 คนทุกวัน จึงจำเป็นต้องมีการตรวจเชิงรุกเพื่อคัดกรองแยกผู้ป่วยและผู้ต้องขังที่ยังไม่ติดเชื้อออกจากกัน

          นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งย้าย นายกรรพฤกษ์ ไม้เรียง ผู้อำนวยการทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง เป็นผู้ตรวจกรมราชทัณฑ์ และให้ นายสมศักดิ์ เกียรติดานุสรณ์ ผู้ตรวจกรมราชทัณฑ์ ไปเป็นผู้อำนวยการทัณฑสถานวัยหนุ่มกลางแทน