WHO เปลี่ยนการตั้งชื่อโควิด-19 กลายพันธุ์ใหม่ ใช้อักษรกรีกแทนการเรียกชื่อประเทศ
องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศระบบใหม่ในการตั้งชื่อไวรัสโควิด-19 กลายพันธ์ุ ว่าหลังจากนี้เป็นต้นไป จะใช้ตัวอักษรกรีกในการอ้างถึงการกลายพันธ์ุที่พบเป็นครั้งแรกในประเทศต่างๆ เช่น อังกฤษ, แอฟริกาใต้ และอินเดีย แทน
-ไวรัสกลายพันธุ์ ‘B.1.1.7’ ที่พบครั้งแรกในอังกฤษ เรียกว่า ‘อัลฟา’
-สายพันธ์ุ ‘B.1.351’ ซึ่งพบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ เรียกว่า ‘เบตา’
-ไวรัส ‘P1’ ในบราซิล เรียกว่า ‘แกมมา’
-ไวรัส ‘B.1.617.2’ ในอินเดีย เรียกว่า ‘เดลตา’
WHO ระบุอีกว่าการทำเช่นนี้จะช่วยให้การหารือต่างๆ ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น และยังช่วยขจัดการตีตราที่มาจากชื่อด้วย
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ WHO เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ หลังจากรัฐบาลอินเดียออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่สื่อต่างๆ เรียกไวรัสโควิด-19 สายพันธ์ุ B.1.617.2 ซึ่งพบเป็นครั้งแรกในอินเดียเมื่อเดือนต.ค.63 ว่า โควิด-19 สายพันธ์ุอินเดีย
น.ส. มาเรีย ฟาน แคร์คอฟ หัวหน้าทีมเทคนิคไวรัสโควิด-19 ของ WHO กล่าวว่า หากพบไวรัสกลายพันธ์ุมากกว่า 24 สายพันธ์ุ ตัวอักษรกรีกจะไม่พอใช้ ซึ่งจะมีการประกาศระบบตั้งชื่อใหม่อีกครั้ง
CR:BBC
มาเลย์ ห่วงเด็กๆ ติดเชื้อมากขึ้น อาจสอบสวน พ่อแม่ที่พาลูกไปในสถานที่เสี่ยง
ดร.อาดัม บาบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประเทศมาเลเซีย เปิดเผยว่า ตั้งแต่ไวรัสโควิด-19 เริ่มระบาดในประเทศตั้งแต่ปีก่อน พบว่าเด็กและทารกติดเชื้อแล้ว 82,341 คน
-เด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบ จำนวน 19,851 คน
-อายุ 5-6 ขวบ 8,237 คน
-อายุ 7-12 ปี จำนวน 26,851 คน
-อายุระหว่าง 13-17 ปี อีก 27,402 คน แต่ไม่มีรายใดเลยที่อาการหนักจนต้องเข้ารับการรักษาในห้องไอซียู
ดร.อาดัม แสดงความวิตกกังวลตัวเลขผู้ป่วยเด็กที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น แนะนำให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองเพิ่มความระมัดระวังป้องกันเด็กจากการติดเชื้อให้มากขึ้น เช่น การหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด พร้อมเตือนด้วยว่า แม้มาเลเซียจะไม่มีกฎหมายเอาผิดพ่อแม่ที่พาลูกๆ ไปในสถานที่แออัดในช่วงการระบาดของโควิด-19 แต่ก็อาจมีการสืบสวนได้
เมืองโฮจิมินห์ ของเวียดนาม ปูพรมตรวจหาเชื้อประชากร 13 ล้านคน
ทางการเวียดนาม เตือนให้ระวังเชื้อโควิด-19 ไฮบริด หรือสายพันธุ์ลูกผสมระหว่างสายพันธุ์อินเดียและสายพันธุ์อังกฤษที่เพิ่งพบในประเทศ สามารถที่จะแพร่เชื้อผ่านทางอากาศได้ง่ายขึ้น
ล่าสุด เมืองโฮจิมินห์ กลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากการจัดกิจกรรมเผยแพร่ศาสนาคริสต์ พบผู้ติดเชื้อแล้วถึง 125 คน
-ทางการโฮจิมินห์ ได้ตรวจเชื้อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมทางศาสนาดังกล่าวทั้งหมดแล้ว
-ล็อกดาวน์พื้นที่ที่พบการติดเชื้อเป็นเวลา 15 วัน มีผลแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ 31 พ.ค.64
-ปิดร้านค้าและร้านอาหาร
-ยกเลิกการจัดกิจกรรมทางศาสนาทั้งหมด
-ห้ามรวมตัวกันเกินกว่า 5 คน จากเดิมที่สั่งห้ามรวมตัวกันเกิน 10 คน
-เตรียมแผนปูพรมตรวจหาเชื้อชาวโฮจิมินห์ทั้งหมด 13,000,000 คน
-ตั้งเป้าตรวจให้ได้วันละ 100,000 คน
-คาดว่าจะใช้เวลากว่า 4 เดือนจะเสร็จสิ้นภารกิจนี้
-เร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนเพื่อรับมือกับการระบาดระลอกใหม่
การฉีดวัคซีนในเวียดนาม มีชาวเวียดนามเพียงกว่า 1,000,000 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 1 ของประชากรทั้งหมดที่ได้รับวัคซีนไปแล้วอย่างน้อย 1 โดส
ญี่ปุ่น เตรียมใช้มาตรการกักตัวคนที่เดินทางมาจากหลายประเทศ รวมทั้งไทย
สำนักข่าวเกียวโด รายงานอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลว่าญี่ปุ่นมีแผนที่จะยกระดับการควบคุมบริเวณชายแดนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19สายพันธุ์ใหม่ๆ ที่แพร่เชื้อได้ง่ายและเร็วขึ้น
-โดยจะขอให้ผู้ที่เดินทางมาจากเวียดนามและมาเลเซีย กักตัวในสถานที่ที่รัฐบาลกำหนดเป็นระยะเวลา 6 วัน หลังเดินทางมาถึงญี่ปุ่น
สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากอัฟกานิสถาน
-เตรียมกำหนดระยะเวลากักตัวในสถานที่ที่รัฐบาลกำหนดเป็นเวลา 10 วัน
สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศไทย และบางรัฐของสหรัฐฯ
-เตรียมกักตัว 3 วัน
ปัจจุบัน ญี่ปุ่นห้ามผู้ที่เดินทางมาจาก 159 ประเทศและดินแดนเข้าประเทศ โดยผู้ที่เคยเดินทางไปประเทศเหล่านี้ในช่วงเวลา 14 วันก่อนที่จะเดินทางมาญี่ปุ่น จะไม่สามารถเข้าประเทศได้ ยกเว้นกรณีที่ได้รับการอนุญาตเป็นพิเศษ
ญี่ปุ่น ไฟเขียวฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็ก 12-15 ปี
หลังจากที่บริษัทไฟเซอร์ ยื่นคำขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติการใช้งานวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับเด็กอายุ 12-15 ปี หลังผลทดลองทางคลินิกที่มีผู้เข้าร่วมเป็นเด็กจำนวน 2,260 คน ระบุว่า วัคซีนของไฟเซอร์มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อแบบแสดงอาการถึง 100%
สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติการใช้งานเรียบร้อยแล้ว เป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นอนุมัติการใช้งานวัคซีนสำหรับเด็กอย่างเป็นทางการ
หน่วยงานด้านสาธารณสุขของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เด็กอายุ 12-15 ปีจะสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกันกับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งมีสิทธิ์เข้ารับการฉีดวัคซีนตั้งแต่ก่อนหน้านี้
ขณะนี้มีประชาชนชาวญี่ปุ่นราวร้อยละ 6 จากทั้งหมด 126,000,000 คนได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่ต่ำกว่าประเทศอื่นที่พัฒนาแล้ว นายโยชิฮิเดะ สึกะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จึงได้ประกาศให้คำมั่นว่าจะเร่งดำเนินการตามแผนฉีดวัคซีน โดยจะฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้สูงอายุทั้งหมดภายในเดือนก.ค.64 ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มการแข่งขันกีฬาโตเกียวโอลิมปิก
สิงคโปร์ เปิดกว้างให้นำเข้าวัคซีนทุกยี่ห้อที่ WHO รับรอง
นาย ออง เย คุง รัฐมนตรีสาธารณสุขสิงคโปร์ แถลงว่า สิงคโปร์เตรียมเปิดให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 บริษัทอื่นๆ ได้นอกเหนือจากที่ทางการได้ให้ความเห็นชอบไปเรียบร้อยแล้ว แต่ต้องอยู่ภายใต้มาตรการเส้นทางเข้าถึงพิเศษ (เอสเออาร์) เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนทั่วถึงมากยิ่งขึ้นมาตรการเอสเออาร์ ของสิงคโปร์ สามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มปริมาณวัคซีนโควิด-19 ในประเทศได้มากขึ้น
การนำเข้าวัคซีนภายใต้มาตรการนี้ต้องเป็นวัคซีนที่อยู่ในรายการรับรองให้ใช้ได้เป็นกรณีฉุกเฉินของ WHOทั้งหมดได้ ไม่จำเป็นต้องฉีดเพียงแค่วัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคและโมเดอร์นา ซึ่งเป็นวัคซีน 2 ชนิดเท่านั้นที่ทางการสิงคโปร์อนุมัติให้ใช้
13 มิ.ย. สิงคโปร์ เตรียมผ่อนคลายมาตรการ หากไม่เจอคลัสเตอร์ใหม่
นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ กล่าวในการแถลงข่าวผ่านทางสถานีโทรทัศน์ว่า รัฐบาลสิงคโปร์อาจพิจารณาผ่อนคลายมาตรการตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย.64 นี้เป็นต้นไป หากสถานการณ์ภายในประเทศดีขึ้นแล้วและตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง
นายกฯ สิงคโปร์ กล่าวว่า หากไม่มีกรณีซูเปอร์สเปรดเดอร์หรือการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มใหญ่ รัฐบาลก็สามารถดำเนินการตามแผนควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้
สิงคโปร์ได้ยกระดับความเข้มงวดของมาตรการจำกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเดือนพ.ค.64 ถึง 2 ครั้ง หลังจากเมื่อเดือนเม.ย.64 จำนวนผู้ติดเชื้อประเทศพุ่งสูงขึ้นทำให้ต้องเลื่อนกำหนดโครงการ Travel Bubble ระหว่างสิงคโปร์กับฮ่องกงออกไป
ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. 64 เป็นต้นมา สิงคโปร์ได้ขยายระยะเวลากักตัวของผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ประกาศให้ฟิตเนสหยุดให้บริการ ตลอดจนอนุญาตให้ประชาชนรวมตัวกันได้สูงสุดไม่เกิน 5 คน จากนั้นจึงได้ประกาศห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้านอาหาร และอนุญาตให้ประชาชนรวมตัวกันได้สูงสุดเพียง 2 คน พร้อมทั้งให้พนักงานที่สามารถทำงานจากบ้านได้ ต้องทำงานจากบ้านตั้งแต่ 16 พ.ค.-13 มิ.ย.64
ข้าราชการฮ่องกง ได้วันหยุดเพิ่ม ถ้าฉีดวัคซีน
รัฐบาลฮ่องกงได้เสนอให้ข้าราชการพลเรือนได้วันหยุด 1 วันต่อการฉีดวัคซีน 1 โดส เมื่อฉีด 2 โดสเท่ากับจะได้วันหยุด 2 วัน
นายแพทริก นิป รัฐมนตรีฝ่ายกิจการพลเรือนของฮ่องกง เรียกร้องให้ภาคเอกชนเสนอมาตรการจูงใจในลักษณะเดียวกันนี้เพื่อให้ฮ่องกงมีอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นด้วย
ก่อนหน้านี้มีเสียงเตือนจากคณะทำงานเฉพาะกิจด้านวัคซีนของฮ่องกงว่าฮ่องกงอาจจะต้องทิ้งวัคซีนจำนวนหลายล้านโดส เนื่องจากประชาชนยังมีความลังเลจะฉีดวัคซีน โดยวัคซีนต้านโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค ชุดแรกที่ฮ่องกงได้มากำลังจะหมดอายุลง
จนถึงกลางสัปดาห์ก่อนมีชาวฮ่องกงเพียงร้อยละ 19 ที่ได้รับวัคซีนเข็มแรก และมีร้อยละ 14 ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว ชาวฮ่องกงส่วนใหญ่ที่ยังลังเลจะฉีดวัคซีน ส่วนหนึ่งมาจากความไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่มักปราบปรามผู้เห็นต่าง ประกอบกับได้รับข้อมูลผิดๆ ในโลกออนไลน์และฮ่องกงไม่ได้มีการระบาดรุนแรง