ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา 07.30น.วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 2564

31 พฤษภาคม 2564, 09:16น.


รัฐบาลไทย ประสานขั้นตอนการจัดพิธีศพทูตยูเครน



          นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีการเสียชีวิตของนายอันดรีย์ เบชตา เอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทยที่ จ.สตูล ว่า กระทรวงการต่างประเทศแสดงความเสียใจ พร้อมทั้งประสานงานกับจังหวัดสตูล สถานเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย และครอบครัวของเอกอัครราชทูตยูเครนอย่างใกล้ชิด เพื่ออำนวยความสะดวกในขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง จังหวัดสตูลได้นำศพมาชันสูตรที่โรงพยาบาลตำรวจ



          นายธานี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอย่างเต็มที่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรับทราบและสั่งการโรงพยาบาลตำรวจเพื่อดำเนินการอีกทางหนึ่งด้วย โดยผู้อำนวยการสถาบันนิติเวช จะดูแลกรณีนี้ด้วยตนเอง



          กระทรวงการต่างประเทศ ประสานการดูแลขั้นตอนต่าง ๆ การจัดพิธีศพ จะเป็นไปตามการพิจารณาดำเนินการโดยรัฐบาลยูเครนและครอบครัวของเอกอัครราชทูตยูเครน



          นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และปลัดกระทรวง จะมีหนังสือแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของเอกอัครราชทูตยูเครนในโอกาสแรก ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ สั่งการให้กรมยุโรป กรมพิธีการทูตและกรมการกงสุลดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง



          ด้านนายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมด้วยนพ.สมบัติ ผดุงวิทย์วัฒนา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสตูล พญ.วันทนา ไทรงาม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสตูล แถลงชี้แจงรายละเอียดการเสียชีวิตของเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทยเสียชีวิตที่เกาะหลีเป๊ะว่าได้รับแจ้งจาก สภ.เกาะหลีเป๊ะ เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 30 พ.ค.64 พบมีผู้เสียชีวิตที่บุหงา รีสอร์ท บนเกาะหลีเป๊ะ อ.เมือง จึงได้ไปตรวจที่เกิดเหตุและจากการชันสูตรเบื้องต้นไม่พบบาดแผลในลักษณะโดนทำร้าย ส่วนการตรวจสถานที่เกิดเหตุก็ไม่พบร่องรอยงัดแงะ ส่วนการสอบถามพยาน Mr.Ostap Beshta บุตรชาย ซึ่งพักภายในห้องเดียวกันให้การว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค.64 เวลา 23.00 น. ผู้เสียชีวิตเข้าห้องพักผ่อนตามปกติ จนช่วง 04.30 น.วันที่ 30 พ.ค.64 ผู้เสียชีวิตมีอาการอาเจียนหมดสติ และเสียชีวิต  สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตสันนิษฐานเบื้องต้นว่ามาจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน




นายกฯ ร่วมประชุม P4G Summit ทางออนไลน์ หนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีสีเขียว



          นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงค่ำวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ประชุมผู้นำกรอบหุ้นส่วนเพื่อการเจริญเติบโตสีเขียว และเป้าหมายโลกปี ค.ศ. 2030 ครั้งที่ 2 ( 2nd Partnering for Green Growth and Global Goals 2030 Summit : 2nd P4G Summit) ซึ่งประเทศเกาหลีใต้ เป็นเจ้าภาพ ภายใต้หัวข้อหลัก "การฟื้นฟูสีเขียวอย่างครอบคลุมเพื่อนำไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน" (Inclusive Green Recovery towards Carbon Neutrality) ผ่านระบบการประชุมทางไกล




          สำหรับประเด็นที่ไทยจะให้ความสำคัญในการประชุมครั้งนี้



1.การฟื้นฟูประเทศจากสถานการณ์โควิด-19 ให้กลับมาเข้มแข็ง สอดคล้องกับการขับเคลื่อน SDGs และส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน



2.เน้นการเสริมสร้างการเจริญเติบโตที่มีความสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ โดยนำเสนอการใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG)



3.ขับเคลื่อนความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ผ่านกลไกจตุภาคี คือ รัฐ-เอกชน-วิชาการ-ประชาชน และให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง



4.สนับสนุนให้ทุกประเทศร่วมแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดเทคโนโลยีสีเขียวระหว่างกันผ่านช่องทางทวิภาคี ไตรภาคี และพหุภาคี เพื่อให้เกิดการเจริญเติบโตสีเขียวอย่างแท้จริง ส่งเสริมความเท่าเทียมและการลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ



          สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 63 เกาหลีใต้ จึงเลื่อนการจัดการประชุม P4G ครั้งที่ 2 มาเป็นระหว่างวันที่ 30-31 พ.ค.64 ในรูปแบบการประชุมทางไกล คาดว่าจะมีการรับรองร่างปฏิญญากรุงโซล (Seoul Declaration) ซึ่งเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ของผู้นำประเทศที่ร่วมการประชุม P4G ครั้งที่ 2 นี้




          กรอบหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อการเจริญเติบโตสีเขียวและเป้าหมายโลกปี ค.ศ. 2030 เป็นกลุ่มความร่วมมือพหุภาคีที่ริเริ่มเมื่อปี 2560 ประกอบด้วย ประเทศสมาชิก 12 ประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย เวียดนาม ชิลี โคลอมเบีย เม็กซิโก เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ เอธิโอเปีย เคนยา และแอฟริกาใต้ องค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคเอกชนและภาคประชาสังคม ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมความร่วมมือในลักษณะหุ้นส่วนเชิงนวัตกรรมระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศกำลังพัฒนาตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ด้วยการระดมทุนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรอิสระด้านการพัฒนา และการเชื่อมโยงโครงการเพื่อการพัฒนาของประเทศสมาชิกกับความร่วมมือใน 5 สาขาหลัก ได้แก่ (1) อาหารและการเกษตร (2) น้ำสะอาด (3) พลังงานสะอาด (4) เมืองยั่งยืน และ (5) เศรษฐกิจหมุนเวียน



สภาฯจัดโพเดียม แยกเฉพาะให้ ส.ส.อภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 65 หากต้องการถอดหน้ากากอนามัย



          นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ย้ำถึงมาตรการป้องกันโควิด-19 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 เริ่มวันนี้เป็นวันแรกต่อเนื่องถึงวันที่ 2 มิ.ย.64



          ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตรวจความพร้อมของห้องประชุมสุริยัน โดยเฉพาะมาตรการสาธารณสุขในการคุ้มเข้มโควิด-19 เนื่องจาก จะมีผู้เข้าร่วมประชุม ทั้ง นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ส.ส. รวมไปถึงผู้เข้ามาร่วมในการชี้แจงจากหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และกระทรวงอื่นๆ เป็นต้น



          ภายในห้องประชุม บริเวณที่นั่งของนายกรัฐมนตรีและครม. มีการจัดที่นั่งแบบเว้นระยะห่าง ทั้งนี้ หากนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี ต้องการชี้แจงเมื่อถูกพาดพิง และสามารถพูดโดยใส่หน้ากากอนามัยได้ก็ขอให้ยืนพูดบริเวณที่นั่งของตัวเอง แต่ถ้าไม่สะดวกสวมหน้ากากอนามัย และต้องพูดในเวลานานได้ สภาผู้แทนราษฎรได้เตรียมแผ่นอะคริลิกใสเป็นฉากกั้นแยกเฉพาะไว้ให้นายกรัฐมนตรีและ ครม.เข้ามาชี้แจง



          สำหรับ ส.ส.ที่ประสงค์จะอภิปรายโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย ก็มีการจัดโพเดียมไว้หน้าบัลลังก์ โดยมีแผ่นอะคริลิกใส ล้อมรอบอีกชั้นหนึ่ง บริเวณด้านหน้าของที่ประชุมเตรียมไว้ให้ และเมื่อ ส.ส.แต่ละคนอภิปรายจบก็จะมีการทำความสะอาดไมโครโฟนและโพเดียมที่พูดทุกครั้งด้วย




          นอกจากนี้ เน้นย้ำให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม จำกัดบุคคลที่จะเดินทางมาที่สภาผู้แทนราษฎร ให้ส่งข้อมูลแบบออนไลน์ ส่วนในห้องประชุมก็ได้เน้นย้ำให้ทุกคนใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา



          ส่วนการลงมติหรือการนับองค์ประชุมที่ทุกคนจะต้องอยู่ในห้องประชุม กรมควบคุมโรคได้แนะนำว่าไม่ควรอยู่ในห้องประชุมนานเกิน 15 นาที ซึ่งการลงมติในการพิจารณางบประมาณ จะมีเพียงครั้งเดียวคือจะรับหลักการหรือไม่ จะไปวุ่นวายในช่วงวาระที่สอง หวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเพราะต้องลงมติทุกมาตรา



1-2 วันนี้ สระบุรี ต้องตรวจหาเชื้อพนง.เกือบ 6,000 คนให้ครบ-เตรียมรพ.สนาม 400 เตียง



          หลังจากที่ผลการตรวจเชิงรุกในโรงงานแปรรูปเนื้อไก่สระบุรี บริษัทซีพีเอฟ ประเทศไทย จำกัด มหาชน ออกมาบางส่วน วันนี้ยังต้องติดตามผลการตรวจคัดกรองเพิ่มเติม



          สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระบุรี ตรวจค้นหาเชิงรุกที่โรงงาน ซึ่งมีพนักงานรวมทั้งสิ้น 5,862 คน ปัจจุบันดำเนินการตรวจเชิงรุกแล้วจำนวน 3,400 คน ทราบผลการตรวจแล้ว จำนวน 2,299 คน พบผู้ติดเชื้อจำนวน 391 คน ได้แก่



-ชาวกัมพูชา จำนวน 240 คน เป็นเพศชาย จำนวน 129 คน เพศหญิง จำนวน 111 คน



-ชาวไทย จำนวน 151 คนเป็นเพศชาย จำนวน 37 คน เพศหญิง จำนวน 114 คน



          อยู่ในจังหวัดสระบุรี จำนวน 349 คน (กัมพูชา จำนวน 240 คน ชาวไทย 109 คน) เดินทางไป-กลับ ต่างจังหวัด 42 คน (ชาวไทยทั้งหมด)



          นำตัวเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในพื้นที่ จังหวัดสระบุรี ได้แก่



1.โรงพยาบาลสนาม ณ ค่ายลูกเสือเจ็ดคต - โป่งก้อนเส้า อำเภอแก่งคอย



2. โรงพยาบาลของรัฐในจังหวัดสระบุรี



3.โรงพยาบาลพระพุทธบาท



4.โรงพยาบาลเสาไห้



5.โรงพยาบาลเกษมราษฎร์สระบุรี



          มาตรการดำเนินการที่ดำเนินการแล้ว



-ตรวจหาเชื้อในพนักงานทั้งหมดทั้งในโรงงานและนอกโรงงานโดยให้พนักงานไปตรวจเองที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน คาดว่า จะแล้วเสร็จใน1-2 วันนี้



-ประสานงานระหว่างจังหวัดเฝ้าระวังกลุ่มพนักงานที่อยู่ต่างจังหวัดเพื่อติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงใกล้ชิดเพื่อเฝ้าระวังอาการตรวจหาเชื้อ และกักกันตัวที่บ้าน รวมทั้งให้สาธารณสุขอำเภอ ติดตาม ดูแล พนักงานอาศัยอยู่ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด



-การดำเนินการของโรงงานแปรรูปเนื้อไก่สระบุรี (บริษัท ซีพีเอฟ ประเทศไทยจำกัด มหาชน) ได้เตรียมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ของบริษัทฯ คาดว่า จะสามารถรองรับผู้ติดเชื้อได้ 400 คน และขณะนี้ได้ปิดโรงงานชั่วคราวเพื่อทำความสะอาด ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.64 เป็นต้นไป




เพชรบุรี มีคำสั่ง ล็อกดาวน์ 6 ตำบล ในอำเภอเขาย้อย 14 วั



          ศูนย์โควิด-19 จ.เพชรบุรี รายงานว่า คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเพชรบุรี มีมติวาระเร่งด่วน ครั้งที่ 97/2564 ยกระดับมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ล็อกดาวน์ 6 ตำบล ในอำเภอเขาย้อย  มีผลตั้งแต่เวลา 00.01 น. วันจันทร์ที่ 31 พ.ค.64 เป็นต้นไป เป็นเวลา 14 วัน ประกอบด้วย



– ตำบลห้วยโรง



 – ตำบลหนองชุมพลเหนือ



 – ตำบลหนองชุมพล



 - ตำบลสระพัง



– ตำบลบางเค็ม



– ตำบลเขาย้อย



          จากสถานการณ์การติดเชื้อที่โรงงานแคล คอมพ์ ในพื้นที่อำเภอเขาย้อย ทำให้มีผู้ติดเชื้อทั้งแรงงานต่างด้าว แรงงานไทยและชุมชนในพื้นที่หลายตำบลในอำเภอเขาย้อย ล่าสุด มีผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 4,500 คน และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ




         สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี รายงานสถานการณ์ วันที่ 30 พ.ค.64



-ผู้ป่วยรายใหม่ 754 คน รวมผู้ติดเชื้อสะสม 5,791 คน



-รักษาหายแล้ว 543 คน มีผู้ป่วยอยู่ในระหว่างการรักษา 4,641 คน 



-เสียชีวิต 7 ราย          



-กลุ่มโรงงาน 15-30 พ.ค. 64 มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 745 คน รวมผู้ติดเชื้อยืนยันสะสม 4,521 คน



-รักษาหายเพิ่ม 8 คน รวมรักษาหายแล้ว 32 คน 



-เสียชีวิตสะสม 1 ราย



-อยู่ระหว่างการรักษาที่โรงพยาบาล 4,488 คน 




 




 

ข่าวทั้งหมด

X