โควิด-19 ชั่วโมงการทำงานลด รายได้หด ตกงานพุ่งเกือบ 2%
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยถึง ภาวะสังคมไทยไตรมาสแรกปีนี้ว่า
-ชั่วโมงการทำงานรวมอยู่ที่ 40.1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ลดลงร้อยละ 1.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6 สะท้อนว่าการจ้างงานและการทำงานที่ไม่เต็มเวลา จะทำให้แรงงานมีรายได้ลดลง
-การว่างงานมี 760,000 คน คิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ 1.96 สูงขึ้นอีกครั้งหลังจากชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี 63
-การจ้างงานในภาคการเกษตรกรรมดีขึ้น เนื่องจากแรงงานที่ถูกเลิกจ้างกลับบ้านหันไปรับจ้างในภาคเกษตรกรรม ทำให้การจ้างงานปรับตัวดีขึ้น มีผู้มีงานทำ 37,600,000 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4
-การจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม จ้างงานลดลงร้อยละ 0.6 โดยสาขาการผลิตอุตสาหกรรม จ้างงานลดลงร้อยละ 2.2 ส่วนภาคบริการ จ้างงานลดลงร้อยละ 0.7 โดยสาขาการขายส่ง/ขายปลีก ลดลงร้อยละ 1 สาขาการขนส่ง/เก็บสินค้า ลดลงร้อยละ 0.4 และสาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร ลดลงร้อยละ 0.2
SMEs ภาคการท่องเที่ยว และนักศึกษาจบใหม่ เสี่ยงตกงานสูง
เลขาธิการ สศช. กล่าวว่า ผลกระทบของโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ยืดเยื้อและรุนแรง อาจทำให้เศรษฐกิจไม่ขยายตัวตามเป้าหมาย
-แรงงานในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตกงานมากขึ้นหรือถูกลดชั่วโมงการทำงานมากขึ้น
-แรงงานภาคท่องเที่ยวกว่า 7,000,000 คน ก็อาจถูกเลิกจ้างมากขึ้น
-นักศึกษาจบใหม่ปีนี้ ราว 490,000 คน เสี่ยงที่จะตกงาน
-โครงการจ้างงานกลุ่มผู้จบใหม่ และแรงงานคืนถิ่นภายใต้ พ.ร.ก.เงินกู้ ในปี 63 ซึ่งมีระยะเวลาจ้างงาน 12 เดือน กำลังจะสิ้นสุดลง และอาจกระทบต่อแรงงานภายใต้โครงการ 140,000 ตำแหน่ง
หนี้ครัวเรือนพุ่ง ระวังก่อหนี้นอกระบบ
หนี้ครัวเรือน ข้อมูลล่าสุดไตรมาส 4/63 มีมูลค่า 14.02 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบจากไตรมาส 3/63 ที่ระดับร้อยละ 4 จากภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว ซึ่งต้องเฝ้าระวัง
แนวโน้มก่อหนี้ของครัวเรือนในปีนี้ คาดยังอยู่ในระดับสูง จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว และครัวเรือนต้องประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องมากขึ้น โดยเฉพาะครัวเรือนรายได้น้อย ทำให้ความต้องการสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลอาจปรับตัวเพิ่มขึ้น
ขยะพลาสติก เพิ่มขึ้น 7.61% สั่ง Delivery ในช่วงโควิดระลอกเม.ย.
นายวิรัตน์ มนัสสนิทวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึง กรณีสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ มีหน่วยงานต่างๆ ให้พนักงานทำงานที่บ้าน (Work From Home) ทำให้การเติบโตของบริการจัดส่งอาหาร (Food Delivery) เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นตามไปด้วยว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกเดือนเม.ย.64
-กรุงเทพมหานคร มีสัดส่วนขยะพลาสติกร้อยละ 28.32 หรือคิดเป็นปริมาณ 2,515.37 ตัน/วัน เพิ่มขึ้นจากเดือน มี.ค.64 ที่มีสัดส่วนขยะพลาสติกร้อยละ 20.71 หรือคิดเป็นปริมาณ 1,867 ตัน/วัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.61
การลดปริมาณขยะพลาสติกจากผลิตภัณฑ์บรรจุอาหาร กรุงเทพมหานคร ขอความร่วมมือประชาชนลด ละ เลิกการใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง เช่น ช้อนส้อมพลาสติก ถุงพลาสติก เลือกใช้ภาชนะที่นำกลับมาใช้ซ้ำ หรือรีไซเคิล รวมถึงคัดแยกขยะพลาสติกที่รีไซเคิลได้ นำไปขาย หรือบริจาคให้หน่วยงาน หรือโครงการต่างๆ เช่น โครงการ “วน” รับถุงและฟิล์มพลาสติกสะอาดกลับ
เอกชนท่องเที่ยว ขอความชัดเจนเรื่องการฉีดวัคซีน ส่วนการเปิดรับ นทท.จะพิจารณาประเทศที่ปลอดภัย เกาหลี สิงคโปร์ ฮ่องกง
นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ในวันนี้ จะหารือกับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อหารือแนวทางการได้รับวัคซีนต้านไวรัสเร็วที่สุดในภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะสมาชิกสมาคมฯ ตามที่ได้ขอวัคซีนไว้จำนวน 300,000 โดส หรือฉีดให้คนจำนวน 150,000 คน ซึ่งรวมทั้งผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยว พนักงาน และครอบครัวของพนักงาน รวมถึงโครงการทัวร์เที่ยวไทย
ส่วนกำหนดการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ นำร่องผ่านภูเก็ตโมเดล ในวันที่ 1 ก.ค.64 เบื้องต้นได้หารือกับผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ที่ยืนยันตามกำหนดการเดิม แต่จะเลือกประเทศที่ค่อนข้างปลอดภัยเข้ามาเที่ยวไทยก่อน เช่น ฮ่องกง เกาหลี สิงคโปร์ ในส่วนของตลาดจีน ต้องมีการพูดคุยแบบเฉพาะมณฑล โดยรูปแบบการเปิดเมืองหรือเปิดประเทศ คงต้องรอดูก่อนว่า ภูเก็ตโมเดลจะสามารถนำร่องได้สำเร็จหรือไม่ ซึ่งหากสำเร็จก็จะขยายการเปิดจังหวัดต่อไปอีก 8-9 แห่ง ที่ได้กำหนดไว้เบื้องต้นแล้ว เช่น กระบี่ พังงา เชียงใหม่ และพัทยา
เชียงใหม่ ประกาศให้พนักงานขับรถรับ-ส่งสินค้าจากพื้นที่เสี่ยง ตรวจหาเชื้อทุก 7 วัน
นายกนก ศรีวิชัยนันท์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เข้ามาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ตามคำสั่งที่ 61/2564 ว่าได้มีการเพิ่มการแบ่งกลุ่มผู้ที่เดินทางเข้าจังหวัดเชียงใหม่ออกเป็น 6 กลุ่ม โดยเพิ่มกลุ่มที่ 6 คือ กลุ่มพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ/ขนส่งสินค้า และปรับเพิ่มเติมในกลุ่มที่ 1 เป็นผู้ที่เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือย้ายมาปฏิบัติราชการ/ปฏิบัติงานในจังหวัดเชียงใหม่เป็นการประจำ โดยทั้ง 6 กลุ่มมีแนวทางการปฏิบัติตนที่คล้ายกันคือ
-ต้องสแกน CM-CHANA
-การรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคในพื้นที่
-การกักตนเองอยู่ในบ้านพัก การสังเกตอาการตนเอง
-กรณีผู้ใดที่รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว ให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่พนักงานควบคุมโรคในพื้นที่เพื่อขอรับสิทธิผ่อนผันในการปฏิบัติ
การปฏิบัติตนของกลุ่มพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ รถขนส่งสินค้าทางการเกษตร และผู้ขับรถขนส่งสินค้าประเภทอาหารทะเลหรือผลไม้ ที่มีการเดินทางเข้า-ออกจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ขอให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทุก 7 วัน ที่โรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลเอกชน หรือจุดตรวจเฉพาะกิจของกระทรวงสาธารณสุข หรือศูนย์วัณโรคเขต 10 เชียงใหม่ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจนกว่าจะไม่มีการแพร่ระบาด พร้อมขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล D-M-H-T-T-A อย่างเคร่งครัด และแสดงเอกสารผลการตรวจโควิด-19 ต่อเจ้าพนักงานที่ทำการตรวจสอบ
การใช้มาตรการเข้มงวดกับกลุ่มขับรถดังกล่าว เนื่องจากตรวจพบการติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ในกลุ่มพนักงานขนส่งสินค้าที่ อ. สารภี ทำให้มีการตรวจกลุ่มพนักงานขับรถขนส่งสินค้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ตรวจเพิ่มอีก 192 คน พบผู้มีผลบวก 5 คน เป็นคลัสเตอร์บริษัทขนส่งสินค้าที่อำเภอสารภีเดิม
ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนโรคจากผู้ติดเชื้อที่รายงานเมื่อวันที่ 27 พ.ค. 64 พบว่า มีบางคนไปซื้อหรือขายของที่ตลาด 4 มุมเมือง แล้วกลับเข้ามาในพื้นที่ และมีอีก 1 คนที่ติดจากการไปรับประทานหมูกระทะร่วมกับผู้ติดเชื้อ จะเห็นได้ว่าการที่ประชาชนไม่ให้ความร่วมมืออยู่บ้านหยุดเชื้อ ไม่รักษามาตรการป้องกันโรคอย่างจริงจัง จังหวัดเชียงใหม่ก็จะยังพบผู้ติดเชื้อและไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้
กองปราบปราม จับแก๊งค้าลิงแสมได้ที่ จ.สระแก้ว ยอมรับขนไปส่งที่กัมพูชา ทำเมนูเปิบ “สมองลิง”
พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ต.หญิงกัญจิรา นรสาร สว.กก.2 บก.ป. นำกำลังออกตรวจเส้นทางชายแดนด้าน จ.สระแก้ว ตามคำสั่งของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 2 ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสกัดกั้นและจับกุมการลักลอบขนแรงงานเถื่อน หรือขนย้ายต่างด้าวผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19
บริเวณถนนสาย 359 ปราจีนบุรี-สระแก้ว บริเวณแยกกรอกสมบูรณ์ ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบรถปิกอัพอีซูซุสีบรอนซ์ ทะเบียน 1 ฒฉ 4894 กรุงเทพมหานคร กระบะท้ายต่อหลังคาปิดทึบ ขับมุ่งหน้าไปทาง จ.สระแก้ว อย่างมีพิรุธ จึงไล่ติดตามพร้อมเรียกให้จอดเพื่อตรวจค้น พบคนขับชื่อนายภานุพงศ์ จูสิงห์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90/4 หมู่ 4 ต.บ่อกรุ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ปรากฏว่า เมื่อเปิดฝากระบะท้ายขึ้นดู พบตะกร้าพลาสติกแบบมีฝาปิดวางซ้อนกันอยู่เกือบเต็มกระบะท้าย 17 ใบ มีเสียงลิงร้องลั่น นำมาตรวจสอบพบตะกร้าแต่ละใบมีลิงแสมทั้งเพศผู้และเพศเมีย จำนวน 102 ตัว ถูกจับใส่ถุงตาข่ายสีฟ้า แต่ละตัวอยู่ในสภาพอิดโรย และมีลิงแสมที่ตายแล้วรวมอยู่ด้วย 14 ตัว เหลือรอดชีวิต 88 ตัว
นายภานุพงศ์ ให้การว่า รับจ้างจากนายทุนให้ไปรับลิงแสมมาจาก จ.พิจิตร โดยลิงแสมจะถูกจับใส่ถุงและตะกร้าพลาสติกไว้ในริมถนน นำไปส่งที่ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว แล้วจะมีคนมารับลิงแสมทั้งหมดส่งไปกัมพูชา เพื่อขายให้คนจีนที่นิยมเปิบ “สมองลิง” เป็นเมนูยอดนิยมในหมู่คนจีนในกัมพูชา โดยได้ค่าจ้างครั้งละ 3,000 บาท และทำมาแล้วรวม 3 ครั้ง
เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามีสัตว์ป่าหวงห้ามไว้ในความครอบครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 มีการขนย้ายสัตว์โดยไม่มีใบอนุญาต ส่งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวน สภ.ศรีมหาโพธิ ดำเนินคดี
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ประสานผู้อำนวยการส่วนสัตว์ป่าและพันธุ์พืช สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมตรวจสอบ ให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ลิงก่อนส่งไปอนุบาลที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 1 (จ.นครนายก) สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม บก.ปทส. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหมายให้ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา รอง ผบก.ปทส. ประสานงานกับตำรวจกองปราบปราม เพื่อขอโอนคดีลักลอบขนลิงแสมส่งขายประเทศเพื่อนบ้านมาดำเนินการต่อหรือสืบสวนร่วมกับตำรวจกองปราบปราม เนื่องจาก ต้องขยายผลหาตัวผู้ร่วมขบวนการ เพราะคดีลักษณะนี้เป็นคดีที่องค์กรระหว่างประเทศเกี่ยวกับสัตว์ป่าให้ความสนใจและประสานข้อมูลมาโดยตลอด เพื่อสกัดการลักลอบค้าสัตว์ป่า
CR:สำนักงานตำรวจแห่งชาติ