ทันสถานการณ์โลกเวลา 06.30 น.วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2564

28 พฤษภาคม 2564, 05:31น.


วันนี้ "ไบเดน" เปิดงบฯ รายจ่ายประจำปี 2565 วงเงิน 6 ล้านล้านดอลลาร์



          หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า ในวันนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเปิดเผยงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วงเงิน 6,000,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ



         ประธานาธิบดีไบเดน จะเปิดเผยงบประมาณประจำปีเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนม.ค.64 ประกอบด้วย



-มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลจะเข้ามาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน



-ช่วยเหลือภาคครัวเรือน เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19



-ประกาศเพิ่มอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลและบุคคลธรรมดา เพื่อหารายได้มาชดเชยรายจ่ายของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น



-คาดว่ารัฐบาลจะขาดดุลงบประมาณลดลงนับตั้งแต่ปี 2573



          นิวยอร์กไทมส์ ยังเปิดเผยว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน จะเพิ่มวงเงินงบประมาณขึ้นสู่ระดับ 8,200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในปี 2574



ดาวโจนส์ ปิดตลาดเพิ่ม 141 จุด ขานรับตัวเลขภาคแรงงาน-คาดGDP โต 6.4%



          กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานระบุว่า ตัวเลขเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ขอยื่นรับสวัสดิการคนว่างงานรายใหม่ลดลง เกินคาดหมาย ชี้ว่าตลาดแรงงานแข็งแกร่ง

          ข้อมูลของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ พบว่าตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 38,000 คน  มาอยู่ที่ระดับ 406,000 คนในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ

          ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังได้แรงหนุนจากข้อมูลกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯที่เปิดเผยตัวเลขประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ครั้งที่ 2 ประจำไตรมาสแรก โดยระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศในไตรมาสแรกขยายตัวร้อยละ 6.4 ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งก่อน แต่ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับร้อยละ 6.6

          ข้อมูลภาคแรงงานและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หุ้นทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดเมื่อคืนนี้ 27 พ.ค.64 ปิดบวกแข็งแกร่ง นักลงทุนหันเข้าถือครองหุ้นที่ถูกมองว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

-ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 141.59 จุด หรือร้อยละ 0.41 ปิดที่ 34,464.64 จุด



-เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 4.89 จุด หรือร้อยละ 0.12 ปิดที่ 4,200.88 จุด



-แนสแดค ลดลง 1.72 จุด หรือร้อยละ 0.01 ปิดที่ 13,736.28 จุด

-ความเคลื่อนไหวสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนก.ค.64 เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ ปิดที่ 66.85 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล



-เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอนงวดส่งมอบเดือนก.ค.64 เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ ปิดที่ 69.46 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล



          ส่วนราคาทองคำ ปิดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน ขยับลงต่ำกว่า 1,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนมิ.ย.64 ลดลง 5.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 1,898.50 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์



ผลทดลองประสิทธิภาพวัคซีนซิโนฟาร์มที่แล็บอู่ฮั่น มีประสิทธิภาพ 72.8%



          วารสารการแพทย์ของสมาคมการแพทย์อเมริกัน หรือ JAMA เปิดเผยผลการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนฟาร์มล่าสุดอยู่ที่มากกว่าร้อยละ 70



          ผลการศึกษาทดลองครั้งนี้ เป็นการศึกษาวิจัยกับวัคซีนซิโนฟาร์ม ที่ผลิตโดยห้องแล็บของอู่ฮั่น พบว่า หลังการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มของแล็บอู่ฮั่น 2 โดส เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ วัคซีนจะมีประสิทธิภาพป้องกันโควิด-19 ได้ร้อยละ 72.8 นับว่าดีขึ้นกว่าผลการทดลองที่บริษัทซิโนฟาร์ม เปิดเผยเมื่อเดือนก.พ.64 เล็กน้อยที่อยู่ที่ร้อยละ 72.5



          การทดลองครั้งนี้ ทำการทดลองในหลายประเทศ ทั้งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบาห์เรน โดยไม่มีหญิงตั้งครรภ์ และคนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าร่วม รวมทั้งยังไม่มีข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรังอื่นๆ ร่วมด้วย ขณะที่จะนำข้อมูลจากการทดลองในอียิปต์ และจอร์แดน มารวมในการวิเคราะห์ข้อมูลในขั้นตอนสุดท้ายด้วย



          ในรายงานผลการศึกษาชิ้นนี้ ยังระบุด้วยว่า การวัดผลดังกล่าวเป็นการคำนวณจากผู้ป่วยที่แสดงอาการจำนวน 142 คน จากผู้ร่วมทดลองวัคซีนทั้งหมด กว่า 40,000 คน โดยมีการฉีดวัคซีนของทั้งแล็บอู่ฮั่นและของแล็บปักกิ่ง พบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 มีอาการรุนแรงเพียง 2 เคส จากผู้ร่วมการทดลองทั้งหมด ดังนั้นจึงยังไม่สามารถสรุปประสิทธิภาพในการป้องกันอาการป่วยรุนแรงได้อย่างแน่ชัด เช่นเดียวกับการป้องกันผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ ที่ยังไม่สามารถสรุปได้ และต้องมีการทดลองที่ลงลึกไปมากกว่านี้ โดยต้องมีการทดสอบทางไวรัสวิทยาและเซรุ่มวิทยาร่วมด้วย



          ส่วนวัคซีนซิโนฟาร์มที่ผลิตโดยแล็บในปักกิ่ง ที่เพิ่งได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกในเดือนนี้ มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคอยู่ที่ร้อยละ 78.1



มาเลย์ฯ เจอผู้ติดเชื้อเกินวันละ 6,000 นานถึง 1 สัปดาห์ รัฐสลังงอร์ มากที่สุด



          สถานการณ์การติดเชื้อในมาเลเซียน่าห่วง จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงเกินระดับ 6,000 คนต่อเนื่องมานานถึง 1 สัปดาห์ ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุขเตือนว่าตัวเลขในเดือนมิ.ย.64 อาจทะลุ 8,000 คน หากประชาชนยังไม่ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด



          ดร.นูร์ ฮิชาม อับดุลเลาะห์ อธิบดีกรมควบคุมโรคของมาเลเซีย ระบุว่า รัฐสลังงอร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงของกรุงกัวลาลัมเปอร์ พบผู้ติดเชื้อรายวันสูงที่สุดในประเทศ คืออยู่ที่ 2,675 คน ตามมาด้วยรัฐซาราวักและกลันตันซึ่งมีผู้ป่วยใหม่ 772 และ 754 คน ตามลำดับ ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของมาเลเซียขยับไปอยู่ที่ 541,224 คน



          การระบาดที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นทำให้ระบบสาธารณสุขมาเลเซียเข้าสู่ภาวะตึงตัว และรัฐบาลจำเป็นต้องยกระดับมาตรการคุมเข้มขึ้นอีก

          ปัจจุบันยังมีประชากรมาเลเซียไม่ถึงร้อยละ 3 ที่ฉีดวัคซีนครบทั้ง 2 โดส แม้รัฐบาลจะตั้งเป้าสร้างภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ให้สำเร็จภายในสิ้นปีนี้ก็ตาม



          กระทรวงสาธารณสุขมาเลเซีย ระบุเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วยติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนอายุน้อยที่มีอายุระหว่าง 20-40 ปี และการติดเชื้อในกลุ่มวัยดังกล่าวมักเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ โดยไม่ทราบที่มาของการระบาด



ผู้ปกครองรัฐยะโฮร์ เสนอรัฐบาลล็อกดาวน์ทั่วประเทศ



          สุลต่านอิบราฮิม อิสมาอิล ผู้ปกครองรัฐยะโฮร์ของมาเลเซีย เสนอแนะรัฐบาลมาเลเซีย พิจารณามาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ถ้าหากสถานการณ์การแพร่ระบาดในมาเลเซียยังคงมีแนวโน้มรุนแรงดังเช่นในปัจจุบัน          



          สุลต่านอิบราฮิม อิสมาอิล ประเมินว่า รัฐบาลต้องใช้ยาแรงหรือยกระดับการควบคุมโรคให้เข้มข้นมากขึ้น ปิดห้างร้าน รณรงค์ให้ประชาชนอยู่บ้านเพื่อลดโรค แทนที่จะปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปอย่างเสรี ไร้การควบคุมดังเช่นในปัจจุบัน ซึ่งจะเกิดผลเสียหายต่อระบบสาธารณสุขของประเทศในระยะยาว       



          สุลต่านอิบราฮิม อิสมาอิล กล่าวว่า ชาวมาเลเซียจะต้องฝึกตนเองให้มีวินัยมากขึ้นเช่น การรักษาระยะห่างหรือการกักกันตนเองในบ้าน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อโรคไปสู่คนอื่นๆด้วย          



          ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยัดซินของมาเลเซีย แสดงความกังวลว่าการล็อกดาวน์ทั่วประเทศดังเช่นที่มาเลเซียเคยใช้บังคับมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อเดือนมีนาคมปีก่อนจะกระทบต่อภาคธุรกิจและระบบเศรษฐกิจของมาเลเซียอย่างรุนแรง บทเรียนจากปีที่แล้วทำให้รัฐบาลต้องไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างรอบคอบ



ผู้นำสหรัฐฯ สั่งลดธงลงครึ่งเสาไว้อาลัยให้เหยื่อจากเหตุกราดยิงที่เมืองซานโฮเซ



          ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการใช้อาวุธปืนในสหรัฐฯ รายล่าสุด เกิดเหตุกราดยิงบริเวณลานรถไฟฟ้าของศูนย์ซ่อมบำรุงรางรถไฟ ซานตาคลาราวีทีเอ (Valley Transportation Authority : VTA) ที่เมืองซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อเวลาประมาณ 06.45 น. ของวันพุธ (26 พ.ค.) หรือช่วงค่ำ 21.45 น.วันพุธตามเวลาประเทศไทย นายซามูเอล คาสซิดี อายุ 57 ปี อดีตพนักงานได้ก่อเหตุกราดยิงคนและยิงตัวเองเสียชีวิตรวม 9 ศพ



          ประธานาธิบดีไบเดน สั่งลดธงครึ่งเสาที่ทำเนียบขาว และเรียกร้องให้รัฐสภาเร่งผ่านกฎหมายควบคุมอาวุธปืน



          นายเจฟฟ์ โรเซน อัยการเขตซานตาคลารา ระบุว่า  ผู้ก่อเหตุมีปืนมากกว่าหนึ่งกระบอก และยังไม่รู้ว่า ได้มาโดยถูกกฎหมายหรือไม่



          ขณะที่ นายเกวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ตั้งคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับสหรัฐอเมริกา



          จากการให้ข้อมูลของอดีตภรรยาเก่าของผู้ก่อเหตุ และ แฟนเก่า ระบุว่า นายคาสซิดี เป็นคนอารมณ์แปรปรวน ชอบใช้ความรุนแรง และอารมณ์รุนแรงมาก เนื่องจากมีอาการไบโพลาร์ (โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว) ซึ่งจะยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อดื่มหนัก



           เหตุการณ์นี้ถือเป็นการกราดยิงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากเป็นครั้งที่ 15 ที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯในรอบปีนี้

ข่าวทั้งหมด

X