ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 น้อยกว่า 10 คน รวม 55 จังหวัด
ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ภาพรวมของประเทศ พบว่า มี 55 จังหวัดที่พบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 น้อยกว่า 10 คน
-จังหวัดสีเขียว 28 จังหวัด
ประจวบคีรีขันธ์ จันทบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรสงคราม เชียงใหม่ นราธิวาส ภูเก็ต สิงห์บุรี ปัตตานี เชียงราย ตรัง กาญจนบุรี บุรีรัมย์ ยโสธร หนองบัวลำภู สระแก้ว อุดรธานี สุพรรณบุรี ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด สกลนคร นครสวรรค์ ปราจีนบุรี อุบลราชธานี ลพบุรี พิจิตร ตราด สุโขทัย
-จังหวัดสีขาว 27 จังหวัด
ขอนแก่น พัทลุง พิษณุโลก ลำพูน กระบี่ ลำปาง อ่างทอง สุรินทร์ เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร นครพนม น่าน ชุมพร กาฬสินธุ์ พะเยา เลย แพร่ อุตรดิตถ์ ชัยนาท หนองคาย พังงา อำนาจเจริญ แม่ฮ่องสอน มุกดาหาร อุทัยธานี บึงกาฬ สตูล
CR:ศูนย์ข้อมูล COVID-19
ผอ.เขตหลักสี่ ขยายเวลาปิดแคมป์คนงานซอยยายผล เพิ่มอีก 7 วัน ถึงสิ้นเดือน
การตรวจสอบแคมป์คนงานก่อสร้างซอยยายผล แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ นายสมบัติ กนกทิพย์วรรณ ผู้อำนวยการเขตหลักสี่ ตรวจสอบเพิ่มเติมหลังจากปิดประกาศคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อให้ดำเนินการปรับปรุงสถานที่ให้ถูกสุขลักษณะและห้ามเข้าออกสถานที่ พร้อมทั้งขยายระยะเวลาปิดพื้นที่ต่ออีก 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 -31 พ.ค.64 ห้ามคนงานที่อยู่ภายในแคมป์ดังกล่าวออกนอกพื้นที่ ผลการตรวจคัดกรองคนงานที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง ภายในแคมป์ที่พักซอยยายผล ครั้งที่ 2 พบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 160 คน จากจำนวนทั้งหมด 327 คน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมเหล่านี้ไปที่ Hospitel ให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายใน 1-2 วันนี้ เพื่อดำเนินการรักษาต่อไป
CR:สำนักงานเขตหลักสี่
สัปดาห์หน้า ปูพรมตรวจแคมป์คนงานก่อสร้างกว่า 800 แห่งทั่วกรุง
นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ประชุมร่วมกับทุกหน่วยงานควบคุมการติดเชื้อในพื้นที่แคมป์คนงานก่อสร้าง พร้อมทั้งกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ห่วงใยเรื่องนี้ กระทรวงแรงงาน จะมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคม บูรณาการร่วมกับกรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุข เพื่อกำหนดมาตรการและรายละเอียดเกี่ยวกับการตรวจเชิงรุกรวมทั้งกำหนดจุดตรวจในแคมป์คนงานก่อสร้าง คาดว่า จะสามารถดำเนินการตรวจได้ภายในสัปดาห์หน้า
พื้นที่กรุงเทพมหานคร มีคนงานก่อสร้างกว่า 129,542 คน จากแคมป์ 841 แห่ง แบ่งเป็นคนไทย 53,550 คน ต่างด้าว 75,992 คน โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมาย กลุ่มเร่งด่วนที่สุด ที่พบการระบาดคลัสเตอร์ใหม่และคลัสเตอร์เฝ้าระวัง ตาม ศบค.กำหนดเมื่อวันที่ 23 พ.ค.64
-กลุ่มที่ 1 เขตคลองสามวา เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง เขตสะพานสูง เขตหนองจอก รวม 8,805 คน จากแคมป์ 83 แห่ง
-กลุ่มที่ 2 เขตหลักสี่ เขตดอนเมือง เขตปทุมวัน เขตบางพลัด เขตบางคอแหลม รวม 23,326 คน จากแคมป์ 97 แห่ง
-กลุ่มเร่งด่วน ในพื้นที่กรุงเทพมหานครเขตเหนือ, กลาง, ใต้,ตะวันออก, ธนบุรีเหนือ, ธนบุรีใต้ รวม 97,411 คน จากแคมป์ 661 แห่ง
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ย้ำเชื้อสายพันธุ์แอฟริกาใต้ 11 คน ยังอยู่ในพท.อ.ตากใบ นราธิวาส
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึง การติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ที่ตรวจพบผู้ป่วย 11 คน ยังอยู่ในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ไม่มีการแพร่ออกไปพื้นที่อื่น แต่ต้องมีการเก็บตัวอย่างเชื้อพื้นที่ใกล้เคียงมาตรวจเพิ่มเติม เช่น ยะลา สงขลา พัทลุง เป็นต้น ขอให้ทุกคนลดการเคลื่อนย้าย ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปพื้นที่อื่น
ความรุนแรงของสายพันธุ์แอฟริกาใต้ เนื่องจาก ประเทศไทยยังมีข้อมูลน้อยที่จะบอกความรุนแรง ในต่างประเทศมีข้อมูลว่าอาจมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจึงต้องเฝ้าระวังต่อไป แต่มีการรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มที่และหายแล้ว 3 คน
แม้สายพันธุ์อังกฤษ อินเดีย และแอฟริกาใต้ จะแพร่เร็ว แต่การป้องกันโรคโควิด-19 ไม่ได้ยึดว่าเป็นสายพันธุ์อะไร ใช้หลักการป้องกันควบคุมโรคเหมือนกัน ทั้งใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง ลดกิจกรรมเสี่ยงปาร์ตี้ สังสรรค์ ลดการลักลอบข้ามแดนที่จะนำเชื้อกลายพันธุ์เข้ามา ทุกคนต้องช่วยกันเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการกลายพันธุ์ในประเทศ
ส่วนประสิทธิภาพของวัคซีนต่อสายพันธุ์แอฟริกาใต้แม้จะลดลงทุกตัว ขออย่ากังวลจนไม่ไปฉีดวัคซีน เพราะสายพันธุ์นี้ยังอยู่ใน อ.ตากใบ และยังไม่ได้มาแทนที่สายพันธุ์อื่น วัคซีนยังมีผลต่อสายพันธุ์อื่นๆ ที่พบในประเทศเป็นส่วนใหญ่ จึงขอให้ทุกคนฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดอัตราป่วยและเสียชีวิต
การติดเชื้อในไทย พบสายพันธุ์อังกฤษแทนที่สายพันธุ์เดิม
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อธิบายเรื่องเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ว่าตามธรรมชาติของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีการกลายพันธุ์ตลอดเวลา หากมีการแพร่เชื้อมากขึ้น โอกาสเกิดการกลายพันธุ์ได้มากขึ้น ซึ่งการเฝ้าระวังมี 2 ระดับ คือ
1.ระดับที่น่าสนใจ (Variant of Interest) ที่ต้องติดตามกันต่อ
2.ระดับที่น่าห่วงกังวล (Variant of Concern) เช่น สายพันธุ์อังกฤษ อินเดีย บราซิล แอฟริกาใต้ แคลิฟอร์เนีย เป็นต้น
ประเทศไทยมีเครือข่ายห้องปฏิบัติการในการสุ่มตรวจเพื่อเฝ้าระวังสายพันธุ์ต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อเกิดคลัสเตอร์ใหม่, พื้นที่ชายแดน, ในกลุ่มผู้ป่วยอาการหนักใส่ท่อช่วยหายใจหรือเสียชีวิต และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ ขณะนี้ในประเทศไทยเป็นสายพันธุ์อังกฤษ จากการสุ่มตรวจเชื้อ 1,300 กว่าตัวอย่าง พบสายพันธุ์อังกฤษ 1,200 กว่าตัวอย่าง หรือร้อยละ 93 มาแทนที่สายพันธุ์เดิมก่อนหน้าแล้ว เพราะแพร่กระจายเร็ว ส่วนความรุนแรงไม่แตกต่างจากสายพันธุ์เดิม และภูมิคุ้มกันจากวัคซีนยังได้ผล
การตรวจด้วยวิธี RT-PCR จะทราบแค่ว่าติดเชื้อหรือไม่ แต่จะไม่ทราบสายพันธุ์ ต้องใช้วิธีการตรวจพิเศษใน 3 วิธี คือ
-การตรวจ RT- PCR โดยการใช้น้ำยาเฉพาะต่อสายพันธุ์นั้น
-การตรวจมุ่งเป้าเฉพาะส่วนของเชื้อไวรัส (Targeted sequencing) ใช้เวลา 1-2 วัน
-การตรวจไวรัสทั้งตัว (Whole genome sequencing) ใช้เวลา 3-5 วัน มีค่าใช้จ่ายสูง แต่ช่วยให้ทราบสายตระกูลของเชื้อว่ามีต้นทางมาจากที่ไหน เนื่องจากนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลการตรวจสายพันธุ์ของแต่ละประเทศที่ส่งมาเป็นข้อมูลส่วนกลางได้
การระบาดที่จ.สมุทรสาคร พบว่าเชื้อมาจากอินเดีย บังกลาเทศ และเข้ามาทางเมียนมา เป็นต้น
ปัจจุบันกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พัฒนาให้ตรวจวิธีดังกล่าวได้มากกว่า 380 ตัวอย่างต่อสัปดาห์ สูงกว่ามาตรฐานระดับโลก
ปทุมธานี ติดเชื้อเพิ่ม 66 คน สั่งปิดตลาดสดอินเตอร์มาร์ท 24-30 พ.ค.
การติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ข้อมูลวันที่ 25 พ.ค. 64
-ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 66 คน ผู้ป่วยสะสม 3,786 คน
-ผู้ติดเชื้อรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 14 คน
-ผู้ติดเชื้อรายใหม่จากดำเนินงานเชิงรุก 52 คน
-รักษาหายรวม 1,652 คน
-เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย เสียชีวิตรวม 28 ราย
นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดปทุมธานี ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดปทุมธานี ออกคำสั่งปิดสถานที่เสี่ยงปิดสถานที่ ตลาดสดอินเตอร์มาร์ท ตำบลบางปรอก อำเภอเมืองปทุมธานี และอาคารพาณิชย์โดยรอบ เป็นเวลา 7 วัน ระหว่างวันที่ 24-30 พ.ค.64 หลังจากที่พบหญิงชาวเมียนมาป่วยติดเชื้อ และมีการตรวจคัดกรองพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น
ชาวปทุมธานี เช็คอาการ ประเมินตัวเอง!ใครไปตลาดสดอินเตอร์มาร์ท
ศูนย์ข้อมูล COVID-19 นนทบุรี รายงานว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี ขอให้ผู้ที่ไปใช้บริการที่ตลาดสดอินเตอร์มาร์ท ตำบลบางปรอก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ตั้งแต่วันที่ 9 - 23 พ.ค. 64 ปฏิบัติตัวดังนี้
1.รายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ (รพ./ รพ.สต./ ศูนย์บริการสาธารณสุข/กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน) ถึงวันเวลาที่เข้าไปในสถานที่ดังกล่าว หรือ ทาง QR CODE
2.ประเมินความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
-ประเมินตัวเอง ว่าเข้าไปในสถานที่เสี่ยงนานเกิน 15 นาที โดยไม่ใส่หน้ากากอนามัย หรือ สัมผัสกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 แบบใกล้ชิดหรือไม่ หากมีข้อใดข้อหนึ่ง ให้ทำ ดังนี้
(1) ควรกักตัวเองเพื่อรอให้ครบ 5 วันแล้วค่อยไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ยกเว้นระหว่างกักตัวมีอาการเจ็บป่วย ให้ไปตรวจคัดกรอง
(2) หากผลตรวจเป็นลบ ควรกักตัวเองต่ออีกจนครบ 14 วัน แล้วตรวจหาเชื้อซ้ำเพื่อยืนยัน ประเมินความเสี่ยงโควิด-19 ของตนเองได้ที่ https://agnosteam96.wixsite.com/nonselfcheck เพื่อคัดกรองความเสี่ยงก่อนไปตรวจ (ถ้ามีความเสี่ยงสูงและอาการเร่งด่วนจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อไป ภายใน 24 ชั่วโมง)
.jpg)
CR:ศูนย์ COVID-19 นนทบุรี
ผู้ป่วยรายใหม่ 40 คน ชลบุรี ติดตามการระบาดเป็นกลุ่มในโรงงาน 2 แห่ง
สำนักงานสาธารณสุข จ.ชลบุรี รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 วันนี้ ว่าจากการสอบสวนโรคพบว่าเริ่มมีการระบาดเป็นกลุ่มก้อน ( Cluster ) ในโรงงาน 2 แห่ง
ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้มีจำนวน 40 คน
1. ผู้ป่วยยืนยันมีประวัติเชื่อมโยงจาก จ.สมุทรปราการ 1 คน
2. ผู้ป่วยยืนยันจากสถานประกอบการ 13 คน
3. สัมผัสผู้ป่วยยืนยันในครอบครัว (เชื่อมโยง บริษัท เซเลอเรส) 1 คน
4. สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน
4.1 ในครอบครัว 5 คน
4.2 จากที่ทำงาน 3 คน
5. ผู้สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน ซึ่งอยู่ระหว่างสอบสวนโรค 3 คน
6. อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 14 คน
วันนี้ได้รับรายงานการค้นหาผู้สัมผัสทั้งหมดจำนวน 289 คน ค้นหาเชิงรุกเบื้องต้น อีกจำนวน 1,583 คน และอยู่ระหว่างการรอรับรายงานการค้นหาเชิงรุกเพิ่มเติม
การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ เริ่มจะแหล่งสถานบันเทิง สู่ครอบครัว มาสู่เพื่อนร่วมงานมากขึ้น มีปัจจัยเสี่ยงมาจากการทานข้าวร่วมกัน หรือมีกิจกรรมใกล้ชิด สังสรรค์แม้จะเป็นเพียงกลุ่มเล็ก 2-3 คนในเพื่อนสนิท
CR:สำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.ชลบุรี
ผู้โดยสาร1,900 กรณี ไม่สวมหน้ากากอนามัย เอฟเอเอ ดำเนินคดี ปรับเงินแล้ว 5 ราย
องค์การบริหารการบินแห่งชาติ หรือเอฟเอเอ ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ รายงานว่า ในปีนี้สายการบินได้รายงานเหตุการณ์ผู้โดยสารมีพฤติกรรมไม่สุภาพมากถึง 2,500 ครั้ง รวมถึง 1,900 กรณีที่ผู้โดยสารปฏิเสธที่จะสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นข้อกำหนดของเอฟเอเอ มีการดำเนินคดีและเรียกปรับเงิน 54,500 ดอลลาร์สหรัฐฯจากผู้โดยสาร 5 คนที่ปฏิเสธที่จะสวมหน้ากากอนามัยไปจนถึงการทำร้ายพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน
ขณะที่ ทางการซานดิเอโก ดำเนินคดีผู้โดยสารหญิงรายหนึ่งฐานทำร้ายร่างกายพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินเซาท์เวสต์แอร์ไลน์ จนทำให้พนักงานฟันหัก 2 ซี่และได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันอาทิตย์ 23 พ.ค.64 ในเที่ยวบินจากแซคราเมนโตไปยังซานดิเอโก จากนั้นในวันอังคาร 25 พ.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจซานดิเอโก ฮาร์เบอร์ ควบคุมตัวนางวิเวียนนา ควินโนเนซ อายุ 28 ปีและแจ้งข้อหาตามที่สายการบิน ระบุว่า ผู้โดยสารเพิกเฉยต่อคำแนะนำบนเที่ยวบินหลายครั้ง และแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมทั้งทางวาจาและทางร่างกายเมื่อเครื่องบินลงจอด สำหรับพนักงานหญิงที่ถูกทำร้ายร่างกายถูกนำส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาและออกจากโรงพยาบาลแล้ว
นางลิน มอนต์โกเมอรี ประธานสหภาพแรงงานพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเซาท์เวสต์แอร์ไลน์ กล่าวว่า เฉพาะในช่วงระหว่างวันที่ 8 เม.ย.- 15 พ.ค.64 มีเหตุผู้โดยสารมีประพฤติกรรมไม่สุภาพเกิดขึ้นถึง 477 ครั้ง จึงร้องขอให้รัฐบาลกลางเพิ่มเจ้าหน้าที่บนเครื่องบิน และขอให้งดการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนเครื่องบิน นางมอนต์โกเมอรี กล่าวว่า เธออยู่ในอุตสาหกรรมนี้มาตั้งแต่ปี 2535 แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นสิ่งที่แย่ที่สุด เพราะผู้คนดูเหมือนจะโกรธมากขึ้น เมื่อถูกขอให้ทำอะไรบางอย่างที่เป็นการปฏิบัติตามกฎระเบียบ
อิสราเอลระงับช่วยเหลือกาซาเหนือ อ้าง ฮามาสปล้น สิ่งของบรรเทาทุกข์
...
พิชัย ยอมรับ ตั้งล็อบบี้ยิสต์ เจรจาภาษีตอบโต้ กับสหรัฐ เพราะมีความซับซ้อน
...
ผลหารือ ไทย-ฝรั่งเศส ย้ำแก้ปัญหาขัดแย้งกัมพูชา อย่างสันติ
...
ข่าวทั้งหมด
