สั่งสอบด่วน ! รถไฟใต้ดินชนกันในอุโมงค์ที่มาเลเซีย เจ็บกว่า 200 คน คาดไม่ใช่ก่อการร้าย
นายมูห์ยิดดิน ยัสซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย สั่งการให้มีการสอบสวนเหตุการณ์รถไฟใต้ดิน 2 ขบวนชนกันในอุโมงค์ใต้ดินแห่งหนึ่งเมื่อคืนนี้ 20.45 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 19.45 น.ตามเวลาในประเทศไทย
เจ้าหน้าที่ ระบุว่า ยังไม่มีหลักฐานแสดงว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากการก่อการร้าย แต่อาจเกิดจากการสื่อสารที่ผิดพลาดจากศูนย์ควบคุมการเดินรถไฟใต้ดิน
เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุครั้งใหญ่ครั้งแรกในรอบ 23 ปี นับตั้งแต่เริ่มมีการให้บริการรถไฟใต้ดินในมาเลเซีย
ตำรวจ รายงานว่า รถไฟที่ไม่มีผู้โดยสารขบวนหนึ่งได้ชนประสานงาเข้ากับรถไฟอีกขบวนหนึ่งที่มีผู้โดยสาร 213 คน ใกล้กับสถานี KLCC ด้านนอกตึกแฝดปิโตรนาส ในกรุงกัวลาลัมเปอร์
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 200 คน สาหัส 47 คน และบาดเจ็บเล็กน้อย 166 คน
CR:The Straits Times
ชาวมาเลย์นับหมื่นคน ไม่มาฉีดวัคซีนเข็ม 2 ยอดตายพุ่งวันเดียวกว่า 60 ราย
สถานการณ์การติดเชื้อและเสียชีวิตในมาเลเซียทำสถิติสูงเพิ่มขึ้น
-ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 2,309 ราย มีการยืนยันว่าภายในวันเดียวมีผู้เสียชีวิต 61 ราย เป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่ และเป็นครั้งแรกที่มาเลเซียมีผู้เสียชีวิตรายวันจากโรคโควิด-19 มากกว่า 60 ราย
มาเลเซียมีประชากรประมาณ 32,700,000 คน มีผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบสองโดสแล้วประมาณ 943,000 คน หรือประมาณร้อยละ 3 ช้ากว่าเป้าหมายมาก
ด้านสำนักงานสาธารณสุขของรัฐกลันตัน รายงานว่า เมื่อวานนี้ 24 พ.ค.64 มีประชาชนเกือบ 10,000 คน ไม่มารายงานตัวเพื่อรับการฉีดวัคซีน โดยเป็นกลุ่มซึ่งต้องมารับวัคซีนเป็นเข็มที่สอง ซึ่งตามกฎแล้วเจ้าหน้าที่จะติดต่อล่วงหน้าประมาณ 2 วัน เพื่อยืนยันว่าบุคคลนั้นจะมาได้ตามวันและเวลานัดหมาย แต่กลับมีการปฏิเสธรับสายโทรศัพท์ ตัดสายทิ้ง หรือรับสายแล้วบอกว่า "มาไม่ได้แล้ว" กระทรวงสาธารณสุขจึงขอวิงวอนประชาชนมารับวัคซีนตามกำหนด เพื่อร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ตามเป้าหมาย
วัคซีนช่วยทำให้อังกฤษคลายล็อกดาวน์ 21 มิ.ย.ตามแผนได้แน่
แผนการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อปลดล็อกเศรษฐกิจของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีแนวโน้มคืบหน้า หลังจากมีข้อมูลระบุว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ที่น่ากังวล ซึ่งได้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะสามารถเดินหน้าได้ตามแผนการ
รายงานจากกระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษ (PHE) ระบุว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์และแอสตราเซเนกาที่ฉีดครบสองโดส มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียได้ในระดับสูง ซึ่งช่วยคลายวิตกกังวลดังกล่าวลงได้
ความสำเร็จของโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในอังกฤษ เป็นปัจจัยหนุนสำคัญที่ช่วยให้รัฐบาลเดินหน้าไปสู่เป้าหมายในการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ภายในวันที่ 21 มิ.ย. 64 จนถึงปัจจุบัน อังกฤษฉีดวัคซีนให้กับประชาชนไปแล้วกว่า 60,000,000 โดส โดยนายจอห์นสัน จะชี้แจงรายละเอียดแผนคลายล็อกดาวน์ให้ประชาชนรับทราบในอีกไม่กี่วัน
ขณะที่นายแมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษแสดงความเชื่อมั่นกับสถานีโทรทัศน์สกายนิวส์ว่า รัฐบาลจะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ได้ตามกรอบเวลา และกล่าวว่า ข้อมูลชี้ให้เห็นว่า การฉีดวัคซีนครบสองโดสมีประสิทธิภาพป้องกันโรคได้ และเราทุกคนต่างรู้ว่าวัคซีนคือทางออกสำหรับปัญหานี้
พญ.เจนนี แฮร์ริส หัวหน้าสำนักงานบริการสุขภาพของอังกฤษ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีว่า แนวโน้มที่รัฐบาลจะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในวันที่ 21 มิ.ย.64 อยู่ในทิศทางที่ดีหากประชาชนใช้ความระมัดระวัง
นางปรีติ ปาเตล รัฐมนตรีมหาดไทยอังกฤษ แสดงความเห็นอย่างระมัดระวัง โดยกล่าวว่า แม้ข้อมูลดังกล่าวจะดูดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า มาตรการทุกอย่างจะได้รับการยกเลิกทั้งหมด ทั้งนี้ การตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับความคืบหน้าในวันที่ 21 มิ.ย.64 จะต้องพิจารณาอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า หลังจากผู้เชี่ยวชาญและคณะรัฐมนตรีได้วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาลแล้ว
การกักตุนวัคซีนของชาติร่ำรวย ทำให้ศูนย์การระบาดของโควิด-19 มาอยู่ที่ฝั่งเอเชีย
นายแพทย์เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ตำหนิความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือโควิด-19 ทั่วโลก
ขณะที่นักวิทยาศาสตร์ เตือนว่า ความไม่เท่าเทียมของการเข้าถึงวัคซีนอาจทำให้ศูนย์ของการระบาดของโลกเปลี่ยนแปลงไปด้วย
นพ.เกเบรเยซุส เรียกร้องให้บริษัทผู้ผลิตและพัฒนาวัคซีนบริจาควัคซีนให้กับโครงการโคแว็กซ์เพื่อให้เพียงพอต่อการกระจายวัคซีนสู่ประชากรร้อยละ 10 ในทุกประเทศทั่วโลกภายในเดือนก.ย.64 และประชากรร้อยละ 30 ของทุกชาติก่อนสิ้นปี 64
ผอ.ใหญ่ของ WHO ยังร้องขอให้บรรดาผู้ผลิตและพัฒนาวัคซีนให้สิทธิโครงการโคแว็กซ์ก่อนเป็นลำดับแรกหลังผลิตวัคซีนออกมาเสร็จในแต่ละล็อต (Right of First Refusal) หรือปันส่วนวัคซีนครึ่งหนึ่งของที่ผลิตออกมาได้ให้กับโคแว็กซ์ในปีนี้
ข้อเรียกร้องของผอ.ใหญ่ WHO เกิดขึ้นภายหลังการปัญหาการกระจุกตัวของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อยู่แต่ในชาติร่ำรวย ขณะที่หลายพื้นที่ของโลกเริ่มเผชิญกับปัญหาการระบาดระลอกใหม่ โดยเฉพาะชาติในภูมิภาคเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
-กรณียอดผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 4 เท่าตั้งแต่ 1 เม.ย.64 หลังการตรวจพบผู้ติดเชื้อในเรือนจำ และชุมชนแออัดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รวมถึงจากค่ายคนงานก่อสร้างด้วย
-มาเลเซียอยู่ระหว่างการตั้งห้องดูแลผู้ป่วยวิกฤตภาคสนาม หลังปริมาณผู้ติดเชื้อรุนแรงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยโรงพยาบาลแห่งหนึ่งถูกเปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นสถานที่เก็บศพผู้เสียชีวิต ขณะที่ปริมาณผู้ติดเชื้อรายวันเกือบแตะ 7,000 คน
-เวียดนามและสิงคโปร์ ซึ่งระยะแรกสามารถควบคุมการระบาดได้ยอดเยี่ยมจนได้รับความชื่นชมจากประชาคมโลก อยู่ระหว่างความพยามยามสกัดกั้นการแพร่ระบาดของกลุ่มก้อนการระบาด หรือคลัสเตอร์ใหม่ และเริ่มกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์บางพื้นที่อีกครั้งแล้ว
ศาสตราจารย์เตียว อึกอิง คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ ซอว์ สวี ฮก มหาวิทยาลัยสิงคโปร์ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงวัคซีนจะกลายเป็นสาเหตุให้กับศูนย์กลางการระบาดในโลกเปลี่ยนแปลงไป พร้อมยกการเกิดคลัสเตอร์ใหม่ในสิงคโปร์ว่าไม่น่าเชื่อว่า มาจากการหย่อนยานของมาตรการและการไม่ให้ความร่วมมือของประชาชน แต่น่าจะมาจากไวรัสก่อโรคโควิดชนิดกลายพันธุ์ที่พบในอินเดีย (บี.1.617.2) ซึ่งมีความสามารถในการระบาดเทียบเท่ากับชนิดกลายพันธุ์ที่พบในอังกฤษ (บี.1.1.7) ทำให้การระบาดลุกลามไปถึง 4 กลุ่ม ภายในรอบ 10 วัน
-สิงคโปร์ ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ให้กับพลเมืองไปแล้วจำนวน 1 ใน 3 แต่ชาติอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกันช้ากว่ามาก
-ไทย เพิ่งมีผู้ได้รับวัคซีนไปเพียงร้อยละ2 ของประชากร ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ ศบค. รายงาน จำนวนผู้ได้รับวัคซีนรวมทั้งหมด 2,910,664 โดส
- เข็มแรกเพิ่มขึ้น 43,233 คน รวม 1,941,565 คน
- เข็มสองเพิ่มขึ้น 2,340 คน รวม 969,099 คน
-เวียดนามมีประชากรได้รับวัคซีนไปแล้วไม่ถึงร้อยละ 1
ซู จี ปรากฏตัวขึ้นศาลครั้งแรก ยืนยันไม่มีการยุบพรรคNLD
สถานีโทรทัศน์ MRTV ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพเมียนมา ได้เผยแพร่ภาพของ นาง ออง ซาน ซู จี อดีตที่ปรึกษาแห่งรัฐ และ นายอู วิน มินต์ อดีตประธานาธิบดีเมียนมา ขณะนั่งอยู่ในศาล ฟังการพิจารณาคดีที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา ภาพนี้เป็นภาพการปรากฏตัวครั้งแรกของ นางออง ซาน ซู จี และ นายอู วิน มินต์ หลังจากกองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ.64 ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง
ทนายความของนางซู จี เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า นาง ซู จี มีร่างกายแข็งแรงดีและร่วมหารือกับทีมงานด้านกฎหมายด้วยตัวเองเป็นเวลา 30 นาทีก่อนฟังการไต่สวน เธอกล่าวในขณะประชุมกับทีมกฎหมายว่า ขอให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรง และยังกล่าวถึงประเด็นที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) อาจถูกยุบในเร็ว ๆ นี้ว่า พรรคNLD ได้รับการจัดตั้งเพื่อประชาชน ดังนั้น พรรคจะยังคงอยู่ตราบเท่าที่ประชาชนยังอยู่เช่นกัน
ทั้งนี้ สื่อของเมียนมารายงานเมื่อวันศุกร์ว่า คณะกรรมการเลือกตั้งที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลทหารเมียนมาจะยุบพรรคการเมืองของนางซู จี ในข้อหาโกงผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนพ.ย. 63 โดยอ้างคำพูดของคณะกรรมาธิการที่ขู่ว่าจะดำเนินการกับผู้ทรยศที่เกี่ยวข้อง
นางซู จี วัย 75 ปี ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 2534 จากความพยายามในการสร้างประชาธิปไตยในเมียนมา เป็นหนึ่งในชาวเมียนมากว่า 4,000 คนที่ถูกรัฐบาลทหารเมียนมาควบคุมตัวนับตั้งแต่เกิดเหตุรัฐประหาร ถูกตั้งข้อหาครอบครองวิทยุสื่อสารโดยผิดกฎหมาย ไปจนถึงข้อหาละเมิดกฎหมายความลับของประเทศ
CR:BBC