วัคซีนซิโนแวค จากจีน อีก 1.5 ล้านโดส ถึงไทยแล้ว
เพจเฟซบุ๊ก สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์คลิปพร้อมข้อความระบุว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทซิโนแวค ที่รัฐบาลไทยจัดซื้อเพิ่มจำนวน 1,500,000 โดส ส่งถึงกรุงเทพฯ แล้ว โดยปัจจุบันจีนได้ส่งออกและบริจาควัคซีนซิโนแวคให้แก่ประเทศไทยแล้วจำนวน 8 ชุด รวมทั้งสิ้น 6,000,000 โดส ซึ่งวัคซีนจีนจะช่วยชาวไทยต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเต็มที่ และจะได้รับเพิ่มอีก 3,000,000 โดส ในเดือนมิ.ย.64
นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า ได้ขนย้ายวัคซีนล็อตล่าสุดไปเก็บไว้ที่คลังสำรองวัคซีนโควิด-19 ที่ศูนย์กระจายสินค้าของ บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด และส่งตัวอย่างวัคซีนล็อตนี้ไปให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจคุณภาพ มาตรฐาน และเอกสารต่างๆ เมื่อผ่านการตรวจสอบทุกขั้นตอนแล้ว จะส่งให้กรมควบคุมโรค ตรวจรับวัคซีนและกระจายไปยังหน่วยบริการและสถานพยาบาลต่างๆ เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายตามแผนที่กรมควบคุมโรคกำหนดต่อไป
CR:องค์การเภสัชกรรม
คนไทย จากกัมพูชาลอบเข้าเมือง 7 คน ฝ่ายความมั่นคงสกัดไว้ได้
ศบค.ห่วงคนที่ลักลอบเดินทางเข้ามา วันนี้มีผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 58 คน ส่วนใหญ่เป็นคนไทยเดินทางกลับบ้าน แต่มีอีกส่วนหนึ่งที่เดินทางมาจากกัมพูชา โดยผ่านช่องทางธรรมชาติ ลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย 7 คน ทั้งหมดเป็นคนไทย อาชีพแอดมินออนไลน์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง สกัดได้บริเวณชายแดนและนำตัวเข้ากักตัวในสถานกักกัน จึงขอให้คนไทยทุกคนที่ต้องการกลับบ้าน ขอให้ติดต่อเข้ามาอย่างถูกต้อง เพื่อจะได้กักตัวและรักษาตามขั้นตอน ป้องกันการแพร่กระจายของโรคไปยังชุมชน ซึ่ง ศบค.มีการหารือเกี่ยวกับการป้องกันพื้นที่ชายแดน โดยจะขยายการเฝ้าระวังไปทางน้ำด้วย ในส่วนการเดินทางทางอากาศมั่นใจที่จะควบคุมได้
เปิดปัจจัยเสี่ยงในพื้นที่ที่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น
ศบค.รายงาน 10 อันดับจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุด คือ กรุงเทพมหานคร เพชรบุรี นนทบุรี ปทุมธานี ชลบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร จันทบุรี นครปฐม และพระนครศรีอยุธยา
โดยปัจจัยเสี่ยงของพบผู้ป่วยในจังหวัดที่พบเพิ่มขึ้น คือ
-นนทบุรี ค้นหาเชิงรุกในตลาดสี่มุมเมือง
-ปทุมธานี ค้นหาเชิงรุกในตลาดสี่มุมเมือง
-สมุทรปราการ พนักงานในโรงงานแห่งเดิม 2 แห่ง
-พระนครศรีอยุธยา ตลาดสี่มุมเมือง (ที่อยู่ขณะป่วย จ.ปทุมธานี 12 คน)
-นครปฐม ตลาดศาลาน้ำร้อน กทม.(12 คน) สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน
-กาญจนบุรี ค้นหาเชิงรุกกลุ่มสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน
-ชลบุรี คลัสเตอร์ในโรงงานแห่งหนึ่ง
-จันทบุรี ชุมชนชาวแอฟริกัน ตลาดค้าพลอย
-เพชรบุรี ค้นหาเชิงรุกในโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ อำเภอเขาย้อย แห่งเดิม
-ราชบุรี พนักงานโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ จ.เพชรบุรี และตลาดสี่มุมเมือง
-เชียงราย คลัสเตอร์สัมผัสผู้เดินทางจาก กทม.
-ลพบุรี สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน
-นครราชสีมา อยู่ระหว่างสอบสวนโรค
-สุรินทร์ อำเภอชุมพล 8 คน อยู่ระหว่างสอบสวนโรค
-นครศรีธรรมราช ต่อเนื่องจากตลาดหัวอิฐ
-ศรีสะเกษ ตลาดและในชุมชนอำเภอศรีรัตนะ 13 คน
แพทย์ออสเตรเลีย แนะนำประชาชนไม่ลังเลเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19
สมาคมการแพทย์แห่งออสเตรเลีย (AMA) ออกคำแนะนำให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เพื่อให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ นพ.คริส มอย รองประธานสมาคมแพทย์ออสเตรเลีย กล่าวว่า ชาวออสเตรเลียไม่ควรวางใจ เนื่องจากสถานการณ์ของโควิด-19 และการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ จึงแนะนำให้เข้ารับวัคซีนโดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี เขากล่าวว่า ชาวออสเตรเลียจำนวนมากชะลอการฉีดวัคซีนเนื่องจากความสำเร็จของประเทศในการควบคุมการแพร่ระบาด จึงเรียกร้องให้ทางการออกแคมเปญโฆษณาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ออสเตรเลียปิดพรมแดนระหว่างประเทศในเดือนมีนาคม 2563 ทำให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดให้อยู่ในระดับต่ำ มีผู้ป่วยยืนยันสะสมน้อยกว่า 30,000 คนและมีผู้เสียชีวิต 910 ราย แม้จะมีการพบผู้ป่วยอีกครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อมโยงกับการละเมิดความปลอดภัยด้านสุขภาพที่โรงแรมซึ่งผู้เดินทางกลับจะต้องใช้เวลากักกัน 2 สัปดาห์ สมาคมแพทย์ออสเตรเลีย ชี้ว่าความลังเลใจในการเข้ารับวัคซีนจะเพิ่มความเสี่ยงของการละเมิดให้มากขึ้น
รัฐบาลกลางของออสเตรเลียเริ่มโครงการวัคซีนเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาโดยตั้งเป้าหมายว่าการฉีดวัคซีนให้กับประชากรผู้ใหญ่ 20,000,000 คน จะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ แต่กลับมีความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนไม่มากนัก โดยมีผู้เข้ารับวัคซีนประมาณ 1 ใน 3 ของวัคซีน 3,300,000 โดสที่มีอยู่
สเปน กลับมาใช้วัคซีนแอสตราเซเนกาในกลุ่มผู้ที่อายุน้อยกว่า 60 ปี
นางคารอลินา ดาเรียส รัฐมนตรีสาธารณสุขสเปน เปิดเผยว่า สเปนจะกลับมาใช้วัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ของแอสตราเซเนกาอีกครั้ง โดยจะฉีดเป็นเข็มที่ 2 ให้กับผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 60 ปีที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกเป็นแอสตราเซเนกาจำนวน 1 ล้าน 5 แสนคน ซึ่งสามารถเลือกได้ว่า จะรับวัคซีนเข็มที่ 2 นี้เป็นแอสตราเซเนกาเช่นเดิม หรือจะเปลี่ยนเป็นวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์
รัฐมนตรีสาธารณสุขสเปน ชี้แจงว่า เป็นเงื่อนไขทางเลือกวัคซีนในสถานการณ์พิเศษ หลังจากที่รัฐบาลประกาศระงับการใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกาในเดือนมีนาคม หลังจากที่ฉีดให้กับกลุ่มผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 60 ปีไปแล้วจำนวนหนึ่ง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอาการลิ่มเลือดอุดตัน และมีผลการศึกษาโดยสถาบันสุขภาพของรัฐบาล ที่ยืนยันว่าการให้วัคซีนที่พัฒนาโดยไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค แก่ผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกาเข็มแรกนั้นปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ