ความขัดแย้งในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งตะวันออกกลางระหว่างสหรัฐฯกับฝรั่งเศสมีความชัดเจนขึ้น และมีความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการทำงานในประเด็นอื่น ๆ เมื่อสหรัฐอเมริกายังคงคัดค้านการลงมติในร่างญัตติอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเย็นวันอังคาร (18 พ.ค.) ฝรั่งเศสได้ยื่นร่างมติฉบับใหม่ต่อสหประชาชาติ เรียกร้องให้ยุติการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับชาวปาเลสไตน์ และเปิดด่านชายแดนที่ติดต่อกับฉนวนกาซา แต่สหรัฐฯมีแถลงการณ์ว่าจะใช้สิทธิยับยั้งอีกครั้งหากมีความจำเป็น เนื่องจากสหรัฐฯ มีกระบวนการทำงานทางการทูตเพื่อยุติความรุนแรงในตะวันออกกลางแล้ว จึงไม่สนับสนุนการกระทำที่จะเป็นการบ่อนทำลาย ความพยายามของสหรัฐฯ ซึ่งในเวลาเดียวกัน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เขาได้กล่าวกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลโดยตรงว่าสหรัฐฯคาดหวังว่าอิสราเอลจะลดระดับการใช้ความรุนแรง
นักการทูตในสหประชาชาติ มีความเห็นว่า ท่าทีของรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ ไม่มีความแตกต่างจากรัฐบาลชุดก่อนหน้า ทั้งจุดยืนต่ออิสราเอลและการไม่สนับสนุนการทำงานแบบพหุภาคี ทั้งทำให้มีความผิดหวังเกิดขึ้นเมื่อสหรัฐฯไม่สนับสนุนแถลงการณ์ของคณะมนตรีความมั่นคงซึ่งมีเนื้อหาที่คล้ายกับแนวทางการทำงานของสหรัฐฯ
นายฌอง-อีฟส์ เลอ ดริออง รัฐมนตรีการต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวในที่ประชุมรัฐสภาของฝรั่งเศสว่า จุดยืนของสหรัฐฯค่อนข้างชัดเจน และแสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์อยู่เล็กน้อย
นายเจอรัล ดีน เบิร์นนาสัน เอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ ประจำสหประชาชาติ ซึ่งเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงฯ กล่าวว่า สมาชิกมีความรับผิดชอบร่วมกันในการสร้างสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และเขาเรียกร้องให้สมาชิกร่วมกันแสดงความเห็นและเดินหน้ากระบวนการทำงานเพื่อสร้างสันติภาพ
....