นายกฯ ย้ำ หาก กทม.พบพท.ติดเชื้อไข่แดง ให้นำวัคซีนไปฉีดได้ทันที
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายกฯ ย้ำนโยบายว่าตั้งแต่ช่วง 2 เดือนนี้เป็นต้นไป คือ เดือนมิ.ย. และก.ค.64 ให้กรุงเทพมหานคร ฉีดวัคซีนให้กับคนในพื้นที่กรุงเทพฯให้ได้อย่างน้อย 5,000,000 คน ครอบคลุมประชากรร้อยละ 70 และหากพบว่าจุดใดเป็นจุดไข่แดงก็จะให้นำวัคซีนไปฉีดให้กับประชาชนหรือพื้นที่เสี่ยงเพื่อระงับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
จับตา 5 คลัสเตอร์:ตลาดบางกะปิ-แคมป์คนงานเขตดอนเมือง-บางคอแหลม และโกดังสินค้าให้เช่าที่บางซื่อ
ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ ศบค. ระบุว่า ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีคลัสเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวังถึง 34 คลัสเตอร์ แบ่งเป็นคลัสเตอร์เดิม 29 คลัสเตอร์ และมีคลัสเตอร์ใหม่เพิ่มเติมอีก 5 คลัสเตอร์ คือ
-ตลาดบางกะปิ
-แคมป์ก่อสร้าง เขตบางคอแหลม
-โรงงานน้ำแข็ง เขตจตุจักร
-แคมป์คนงานบริษัทอิตัลไทย เขตดอนเมือง
-โกดังสินค้าให้เช่า เขตบางซื่อ
ศบค.เป็นห่วงคลัสเตอร์แคมป์คนงานก่อสร้าง โดยทั้ง 50 เขตของกรุงเทพฯ มีแคมป์คนงานก่อสร้าง บางเขต มีมากกว่า 20 แคมป์ เช่น บางกะปิ บางเขน ลาดพร้าว ห้วยขวาง ซึ่งบางแคมป์ มีจำนวนตัวเลขคนงานเกิน 1,000 คน เช่น เขตบางคอแหลม ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก หารือเกี่ยวกับมาตรการดูแลแคมป์คนงาน คือ
-ในแคมป์ที่ยังไม่มีการติดเชื้อ จะมีการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค โดยสถาบันสุขภาวะเขตเมือง จะร่วมกับสำนักงานเขต จะลงพื้นที่ตรวจเชิงรุกทั้งในแคมป์ ชุมชนและตลาดรอบแคมป์ด้วย รวมทั้งเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่แนะนำและขอความร่วมมือจากคนงานและบริษัทให้รักษาสุขอนามัยส่วนตัว เช่น บางแคมป์ที่คนงานดื่มน้ำจากกระติกน้ำเดียวกันใช้แก้วน้ำใบเดียวกัน ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ รวมทั้งขอความร่วมมืองดการเคลื่อนย้ายคนงาน เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากแคมป์อื่น
-ส่วนแคมป์ที่มีการติดเชื้อแล้ว จะขอความร่วมมือให้ใช้ระบบ Seal กรณีที่แคมป์ที่พักอยู่ในพื้นที่ไซต์งานก่อสร้าง ก็ให้ปิดพื้นที่แต่ยังสามารถทำงานก่อสร้างต่อได้แต่ไม่ให้คนงานในแคมป์ออกนอกพื้นที่
-กรณีที่แคมป์ที่พักคนงานอยู่คนละจุดกับสถานที่ก่อสร้าง ก็จะให้ใช้ระบบ Bubble คือบริษัทต้องจัดรถรับ-ส่งพนักงานและแรงงานทั้งหมด ตามเส้นทางที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ไม่อนุญาตให้แวะระหว่างทาง รวมทั้งต้องขออนุญาตการเคลื่อนย้ายแรงงานไปที่สำนักงานเขต เพื่อให้สำนักงานเขต ตรวจสอบมาตรการเคลื่อนย้ายแรงงานว่ารัดกุมหรือไม่ หากทำไม่ได้ สำนักงานเขตมีอำนาจไม่อนุญาตให้เคลื่อนย้าย และมีอำนาจสั่งปิดแคมป์หรือไซต์งานก่อสร้างนั้นได้
-ขอความร่วมมือผู้นำชุมชนและคนในชุมชน ช่วยกันสอดส่องดูแลด้วย หากพบแรงงานรวมกลุ่มดื่มสุรา สามารถร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ได้
ผู้ป่วยรายใหม่ของโคราช กลับมาจากลาดกระบัง-สมุทรปราการ ไม่กักตัว และไปสังสรรค์ ทำให้ติดเชื้อ 12 คน
จ.นครราชสีมา รายงานพบผู้ป่วยรายที่ 814 ของจังหวัด เป็นชายไทย อายุ 47 ปี อยู่ที่ตำบลหันห้วยทราย อำเภอประทาย
-วันที่ 4-6 พ.ค. 64 เดินทางไปเขตลาดกระบังและจังหวัดสมุทรปราการ
-วันที่ 7 พ.ค.64 เดินทางกลับมาบ้าน ประกอบธุรกิจที่สถานีบริการเชื้อเพลิง ในตำบลหันห้วยทราย แล้วไปเล่นไพ่ เลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนฝูงที่ร้านอาหารด้านหลังสถานีบริการเชื้อเพลิง ซึ่งร้านนี้ปิดชั่วคราว แต่กลุ่มนี้ถือวิสาสะเข้าไปใช้สถานที่โดยที่ทางร้านไม่รู้เรื่องด้วย จากนั้นก็กลับมาอยู่กับครอบครัว โดยไม่มีการป้องกันใดๆ ทั้งที่ตัวเองเพิ่งเดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง
-วันที่ 13-14 พ.ค. 64 เริ่มมีไข้
-วันที่ 17 พ.ค. 64 ไปตรวจหาเชื้อ
-วันที่ 18 พ.ค. 64 ได้รับผลยืนยันว่าติดเชื้อ
เจ้าหน้าที่ได้ติดตามกลุ่มเสี่ยงสูง ทั้งครอบครัว เพื่อนที่เล่นไพ่และดื่มสุราด้วยกัน มาตรวจหาเชื้อ 22 คน พบว่าติดเชื้อไปแล้ว 12 คน มีแม่ยาย ภรรยา น้องสะใภ้ น้องชายภรรยา ลูก และเพื่อนๆ ที่เหลืออีก 10 คน กำลังรอผลตรวจ ซึ่งผู้ติดเชื้อทั้ง 12 คนนี้ กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค ซึ่งคาดว่าจะมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงหรือผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีก
ล่าสุด มติคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา สั่งปิดบ้านหันห้วยทราย หมู่ 1,บ้านช่องแมว หมู่ 2,บ้านหนองช่องแมว และ บ้านชลประทาน หมู่ 9 ต.หันห้วยทราย อ.ประทาย ตั้งแต่เวลา 15.00 น. วันนี้ (19 พ.ค.64 ) ถึงวันที่ 2 มิ.ย. 64 เป็นเวลา 14 วัน
รพ.ปากช่อง นานา พบชาวอินเดีย ติดโควิด นั่งรถตู้โดยสาร
เพจเฟซบุ๊ก โรงพยาบาลปากช่องนานา จ.นครราชสีมา ประกาศพบผู้ป่วยโควิด-19 ชาวอินเดีย เดินทางโดยรถตู้โดยสาร เมื่อวันที่ 13 พ.ค.64 จึงขอความร่วมมือผู้โดยสาร ที่เดินทางโดยรถตู้ของบริษัทปากช่องคาร์เรนท์ เมื่อวันที่ 13 พ.ค.64 เวลา 09.00 น. เดินทางจากปากช่องเข้ากรุงเทพฯ และเดินทางจากท่ารถหมอชิต กรุงเทพฯไปปากช่อง เวลา 17.00 น.ของบริษัทจำนงค์ทัวร์ ให้รีบติดต่อฝ่ายงานระบาด โรงพยาบาลปากช่องนานา เพื่อคัดกรองการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยด่วน
คลังกู้เงินเพิ่มอีก 7 แสนล้าน ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเป็น 58.56%
ตามที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ในการพิจารณาให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพิ่มเติม ภายใต้ร่าง พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.โดยมีกรอบวงเงินกู้ไม่เกิน 700,000 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ในเรื่องดังกล่าว
เช่นเดียวกับ นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ที่ปฏิเสธจะให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้เช่นกัน โดยกล่าวว่าขอยังไม่ให้รายละเอียด
ภายหลังจากที่ ครม.เห็นชอบร่างพ.ร.ก.ดังกล่าวแล้ว จะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างกฎหมายเร่งด่วนต่อไป และมอบหมายให้สำนักงบประมาณ ตั้งงบประมาณปี 2565 เพื่อชำระดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน การออกและการจัดการตราสารหนี้ภายใต้ พ.ร.ก.ดังกล่าวต่อไป
กระทรวงการคลัง คาดการณ์ว่า กรอบวงเงินที่เสนอนี้จะช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยปี 64 ขยายตัวเพิ่มขึ้น จากเดิมที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดไว้ประมาณร้อยละ 1.5
การดำเนินการกู้เงินของรัฐบาลภายใต้ร่าง พ.ร.ก.ฉบับนี้ เมื่อรวมกับประมาณการการกู้เงินอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะแล้ว ส่งผลให้สถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน ก.ย.64 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 9,381,428 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 58.56 ของ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบการบริหารหนี้สาธารณะที่ร้อยละ 60 ของ GDP
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า วงเงินดังกล่าวแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
-ส่วนแรก 30,000 ล้านบาท สำหรับแก้ปัญหาโควิด-19 ทั้งการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม และการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์
-ส่วนที่สอง 400,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมชดเชยเยียวยาเพิ่มเติม และ
-ส่วนที่สาม 2,700,000 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
สิ้นปีนี้ อินเดีย ส่งมอบวัคซีนให้โครงการโคแวกซ์ได้
สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย (SII) คาดหวังว่าจะเริ่มส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ให้กับโครงการโคแวกซ์ของสหประชาชาติ และประเทศอื่น ๆ ภายในสิ้นปีนี้ นายอดาร์ พูนาวัลลา ซีอีโอของสถาบันฯชี้แจงว่า วัคซีนที่จะส่งออกเป็นคนละส่วนกับวัคซีนที่มีการใช้ในประเทศ และยังคงมุ่งมั่นที่จะทำทุกทางเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนการฉีดวัคซีนในประเทศ
การที่สถาบันฯ เป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลก ทำให้ได้รับแรงกดดันอย่างหนักให้เพิ่มการผลิตวัคซีนสำหรับใช้ในประเทศอินเดียที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอก 2 ที่มีความรุนแรง แต่ในขณะเดียวกันการที่อินเดียระงับการส่งออกวัคซีนเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ก็ทำให้โครงการขาดวัคซีนที่จะจัดส่งให้กับประเทศที่ยากจน
ทั้งนี้ สถาบันฯ มีการผลิตวัคซีนโควิดของแอสตราเซเนกาที่เรียกว่าโควิชิลด์ (Covishield) ได้ให้คำมั่นว่าจะผลิตและส่งมอบวัคซีนเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์จำนวน 200 ล้านโดส แต่สถาบันฯ ต้องหยุดการส่งออกชั่วคราวเมื่อเดือนมี.ค.64 เพื่อนำวัคซีนมาใช้ในประเทศก่อน เนื่องจาก รัฐต่างๆ ชี้ว่าการขาดแคลนวัคซีนในประเทศเกิดจากการส่งออกวัคซีน
สภาฯสหรัฐฯ เห็นชอบร่างกฎหมายต่อต้านความเกลียดชังที่มีต่อชาวเอเชีย
ในที่สุดแล้ว สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติเห็นชอบร่างกฎหมายต่อต้านความเกลียดชังผู้มีเชื้อสายเอเชียในสหรัฐฯ หลังจากที่มีเหตุทำร้ายร่างกายผู้มีเชื้อสายเอเชียเพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก สถานการณ์โควิด-19
ที่ประชุมลงมติด้วยคะแนนเสียง 364-62 เสียง ผู้ออกเสียงคัดค้านทั้งหมดมาจากสมาชิกพรรครีพับลิกัน ในขั้นตอนต่อไป คือ การรอลงนามรับรองโดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ
พรรคเดโมแครต ระบุว่า ความเกลียดชังนี้เกิดขึ้นจากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกไวรัสนี้ว่า "ไวรัสจีน" และทำให้ผู้มีเชื้อสายเอเชียถูกตำหนิและตกเป็นเหยื่อของความไม่พอใจ ต้องดำรงชีวิตด้วยความกลัว
ร่างกฎหมายฉบับนี้กำหนดให้เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม เร่งตรวจสอบอาชญากรรมจากความเกลียดชังที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ให้การสนับสนุนหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อแก้ปัญหา
ความพยายามในการผ่านกฎหมายเริ่มต้นขึ้นหลังจากมีเหตุกราดยิงในแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย เมื่อวันที่ 16 มี.ค.64 จากนั้นในเดือนเม.ย.64 วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติ 94-1 เสียง ให้ประณามเหตุกราดยิง และยืนยันความมุ่งมั่นของวุฒิสภาในการต่อสู้กับความเกลียดชัง และความรุนแรงในชุมชน