ก.แรงงาน ประสานครอบครัว ดูแลสิทธิประโยชน์คนไทยเสียชีวิต-เจ็บ จากระเบิดในฉนวนกาซา
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความเสียใจต่อครอบครัวของแรงงานไทยที่เสียชีวิตและห่วงใยผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดจากการโจมตีของกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ความไม่สงบระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ พร้อมทั้งสั่งการให้กระทรวงแรงงานเร่งประสานความช่วยเหลือให้ญาติพี่น้องและครอบครัวของแรงงานไทยที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บทราบ รวมทั้งให้การช่วยเหลือด้านสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายในทันที
รมว.แรงงาน สั่งการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น
-สำนักงานแรงงาน (สนร.) โดยฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เข้าไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บและดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์ให้ได้รับเงินสงเคราะห์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ
-สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ประสานให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานลงพื้นที่ภูมิลำเนาของแรงงานไทยที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ไปเยี่ยมครอบครัวและญาติ เพื่อให้กำลังใจ และแจ้งสิทธิประโยชน์การดูแลคุ้มครองตามกฎหมายแก่ครอบครัวและทายาททราบต่อไป
-สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ อยู่ระหว่างรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล Soroka ซึ่งฝ่ายแรงงานได้ติดต่อไปยังนายปรีชา แซ่ลี้ แรงงานไทยที่โดนสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยว่าหากนายปรีชาและแรงงานไทยคนอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีความต้องการให้ฝ่ายแรงงานประสานงานหรือช่วยเหลือในเรื่องใดให้ติดต่อมาโดยด่วน
-ฝ่ายแรงงาน อยู่ระหว่างการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอรับรายชื่อผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งจะติดตามดูแลคนไทยที่ได้รับบาดเจ็บอย่างใกล้ชิด
นายสุชาติ กล่าวว่า จากรายงานของฝ่ายแรงงานประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้รับแจ้งข้อมูลจากนาย Eyal Siso รองอธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลว่า จากการโจมตีโดยกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา เมื่อวันที่ 18 พ.ค.64 เวลา 14.35 น.แรงระเบิดทำให้คนงานไทย จำนวน 2 ราย เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บอีก 8 คน นอกจากนี้ ยังมีแรงงานอีก 15 คน ที่มีอาการตกใจกลัว
ด้าน น.ส.พิมพ์ชนก จิระพัฒนากุล กงสุลไทย ประจำอิสราเอล เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า ในพื้นที่รัศมี 100 กม. จากเขตกาซา มีแรงงานไทยทำงานอยู่ราว 4,000 คน อย่างไรก็ดี ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานทูตได้ช่วยลำเลียงแรงงานไทยที่ทำงานในนิคมเกษตรกรรมที่อยู่ติดเขตกาซาออกจากพื้นที่แล้วจำนวนหนึ่ง
นายอดิเรก จินเซ็ง แรงงานไทยที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมโอฮัด และเป็นหนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงพักเที่ยง แรงงานไทยจำนวนหนึ่งกำลังพักผ่อนทั้งบริเวณด้านหน้าที่พักและใต้ต้นไม้ ขณะนั้นตนได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นบนท้องฟ้าสองลูก แต่ไม่มีเสียงเตือนภัย จากนั้นแรงงานราวสิบกว่าคนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวก็วิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอดและไปหลบอยู่ในบังเกอร์
นายอดิเรก เห็นว่า ขณะเกิดเหตุ ผู้เสียชีวิตนั่งอยู่หน้าที่พัก ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ กำลังเดินอยู่
CR:กระทรวงแรงงาน,CNN,บีบีซีไทย
จีน สั่งปลดเจ้าหน้าที่อีกระลอก หลังพบการติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศในรอบ 3 สัปดาห์
หลังจากเกิดการติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่มณฑลเหลียวหนิงและมณฑลอันฮุย ส่งสัญญาณว่าระบบสาธารณสุขมีช่องโหว่หรือเกิดการทุจริตต่อหน้าที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถาบันทางการแพทย์และหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาล
รายงานระบุในกลุ่มสื่อต่างประเทศว่า มณฑลเหลียวหนิง ทางการจีน สั่งปลดเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรง 5 คน รัฐบาลมณฑลเหลียวหนิง ตักเตือนเจ้าหน้าที่อีก 12 คน รวมถึงสั่งปิดคลินิกเอกชนแห่งหนึ่งและเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพของแพทย์ที่ไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค
ด้านมณฑลอันฮุย สั่งปลดเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข 2 คน และสั่งปิดสถาบันทางการแพทย์ 2 แห่ง รวมถึงเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพและดำเนินคดีแพทย์ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ยังเปิดปฏิบัติการตรวจสอบคลินิกเอกชนทุกแห่ง และสั่งระงับการดำเนินงานของคลินิกที่ปฏิบัติไม่สอดคล้องตามมาตรฐาน 4 แห่ง
เมื่อต้นเดือน มิ.ย. 63 รัฐบาลจีน กำหนดให้โรงพยาบาล คลินิกและสถาบันทางการแพทย์อื่น ๆ รายงานต่อทางการภายในหนึ่งชั่วโมงเมื่อพบผู้ป่วยที่มีไข้
สิงคโปร์ อนุมัติฉีดวัคซีนโควิดของไฟเซอร์ ให้เด็กอายุ 12-15 ปี
รัฐบาลสิงคโปร์ ออกแถลงการณ์อนุมัติการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ให้เด็กที่มีอายุระหว่าง 12-15 ปี ข้อมูลระบุว่าวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์มีประสิทธิภาพสูงสอดคล้องกับที่พบในผู้ใหญ่
นอกจากนี้ รัฐบาล ประกาศให้ผู้ที่มีอายุ 40-44 ปี ลงทะเบียนเพื่อรับการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันนี้
สิงคโปร์ฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 3,400,000 โดส โดยผู้ที่ได้รับการฉีดโดสที่ 2 มีจำนวน 1,400,000 คน
ขณะนี้ สิงคโปร์ ได้ประกาศยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้เข้มงวดเหมือนกับที่เคยล็อกดาวน์เมื่อปีที่แล้ว
-ห้ามไม่ให้มีการรับประทานอาหารภายในร้าน
-อนุญาตให้ขายอาหารแบบซื้อกลับบ้านและเดลิเวอรีเท่านั้น
-ห้ามชุมนุมกันเกิน 2 คน หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไม่ทราบแหล่งที่มาเพิ่มขึ้น
-รัฐบาลขอให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน
-มาตรการที่เข้มงวด มีผลบังคับใช้เป็นเวลา 4 สัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.64 ไปจนถึง 13 มิ.ย.64
อินโดฯ ให้ธุรกิจเอกชน จัดซื้อวัคซีนฉีดให้พนักงานและครอบครัวได้
อินโดนีเซีย เปิดตัวโครงการฉีดวัคซีนใหม่ ซึ่งเปิดโอกาสให้ธุรกิจเอกชนสามารถจัดซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับพนักงานและสมาชิกในครอบครัวได้ เพื่อเร่งให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่โดยเร็วที่สุด เนื่องจาก อินโดนีเซีย มีประชากรในประเทศกว่า 270,000,000 คน
ข้อมูลจากสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย ระบุว่า บริษัทกว่า 22,000 แห่งซึ่งมีพนักงานและสมาชิกในครอบครัวรวมหลายล้านคน ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการจัดซื้อวัคซีนสำหรับภาคเอกชนแล้ว คาดว่าจะมีบริษัทอีกเป็นจำนวนมากที่ทยอยสมัครเข้ามา
นายโจโค วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ได้เข้าเยี่ยมชมโรงงานของบริษัทยูนิลิเวอร์ อินโดนีเซีย ซึ่งตั้งอยู่ที่เขตชานเมืองของกรุงจาการ์ตา เนื่องจากมีการฉีดวัคซีนให้กับพนักงานของบริษัท นายวิโดโด หวังว่าภายในเดือนส.ค.64 หรืออย่างช้าคือเดือนก.ย.64 อินโดนีเซียจะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนราว 70,000,000 คน
ด้านนายโรซาน โรเอสลานี ประธานหอการค้า ระบุว่า บางบริษัทได้เสนอจ่ายค่าวัคซีนให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในละแวกที่ตั้งบริษัทและโรงงานอีกด้วย
อินเดีย คงไม่สามารถส่งออกวัคซีนโควิด-19 ได้ก่อนเดือนต.ค.
อินเดียระงับการส่งออกวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อน หลังจากบริจาคและจำหน่ายไปแล้วกว่า 66,000,000 โดส ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างบังกลาเทศ เนปาล ศรีลังกา และหลายประเทศในแอฟริกาต้องหาวัคซีนจากที่อื่น เนื่องจากรัฐบาลอินเดีย จะให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนให้คนในประเทศก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจาก ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเกิน 25,000,000 คนแล้ว รัฐบาลไม่จำเป็นต้องแจ้งกับทุกประเทศอย่างเป็นทางการว่าจะระงับการส่งออก เพราะไม่มีข้อผูกพันเช่นนั้น เรื่องนี้เป็นการหารือภายในและรัฐบาลได้ขอให้บางประเทศอย่าคาดหวังวัคซีนจากอินเดียเพราะสถานการณ์ในอินเดียไม่เอื้ออำนวย ส่วนจะกลับมาส่งออกได้อีกครั้งเมื่อใดนั้นอยู่ที่ว่าอินเดียจะสามารถควบคุมการระบาดระลอก 2 ในขณะนี้ได้เร็วเพียงใด
โฆษกสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย ผู้ผลิตวัคซีนใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า ขณะนี้มุ่งผลิตเพื่อใช้ในอินเดียเป็นหลัก และไม่สามารถบอกได้ว่าจะส่งออกได้อีกครั้งเมื่อใด จากที่เคยคาดว่าจะเริ่มได้ในเดือนมิ.ย.64
มีการคาดการณ์กันว่า อินเดียคงไม่สามารถส่งออกวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้ก่อนเดือนต.ค.64
ด้านกาวี พันธมิตรวัคซีนที่ร่วมสนับสนุนโครงการโคแวกซ์ เปิดเผยว่า วัคซีน 140,000,000 โดสที่คาดว่าจะได้จากสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียภายในสิ้นเดือนนี้ ตอนนี้ยังคงอยู่ในอินเดีย กาวี ได้เสนอให้ความช่วยเหลือรัฐบาลอินเดียอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมการระบาด
ขณะที่ องค์การอนามัยโลกที่เป็นผู้สนับสนุนหลักของโครงการโคแวกซ์ เรียกร้องเมื่อวันจันทร์ให้ผู้ผลิตวัคซีนนอกอินเดียส่งวัคซีนมาให้ก่อน เพื่อชดเชยวัคซีนจากอินเดีย โคแวกซ์ตกลงซื้อวัคซีนจากสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียทั้งหมด 1,100 ล้านโดส มีทั้งของแอสตราเซนเนกา บริษัทในอังกฤษ และของโนวาแวกซ์ บริษัทในสหรัฐฯ
พายุไซโคลน ซัดเรือสินค้าอินเดีย จมนอกชายฝั่ง ลูกเรือกว่า100 คนสูญหาย
ทางการอินเดีย เร่งค้นหาและช่วยเหลือลูกเรืออย่างน้อย 127 คน ที่สูญหายจากเหตุเรือสินค้า P305 ที่มีลูกเรือ 273 คน เกิดอับปางและจมลงบริเวณ Mumbai High นอกชายฝั่งของอินเดีย หลังพายุไซโคลน “เตาะแต่” ซัดกระหน่ำบริเวณดังกล่าว
โฆษกกองทัพเรืออินเดีย ออกแถลงการณ์ว่า ในเบื้องต้น สามารถช่วยเหลือลูกเรือได้แล้ว 146 คน ยังเหลืออีก 127 คน รายงานของเจ้าหน้าที่ ระบุว่า การค้นหาผู้สูญหายยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แม้สภาพอากาศจะเป็นอุปสรรคก็ตาม โดยเครื่องบิน P8I ของกองทัพเรือ ปฏิบัติการค้นหาทางอากาศ
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เรือสินค้าลำดังกล่าวลอยอยู่กลางทะเลนานหลายชั่วโมงก่อนที่พายุไซโคลน ซึ่งมีความเร็วลม 185 กม./ชม. จะขึ้นฝั่งบริเวณชายฝั่งรัฐคุชราตของอินเดีย
ทั้งนี้ Mumbai High เป็นบ่อน้ำมันนอกชายฝั่ง อยู่ห่างจากชายฝั่งทางตะวันตกของเมืองมุมไบ 176 กม.