หลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในขณะนี้ว่า สถานการณ์ ยังอยู่ระดับทรงตัว จากการเรียกประชุมด่วนเมื่อวานนี้ เพื่อเร่งแก้ปัญหาการติดเชื้อภายในเรือนจำต่างๆ ทั่วประเทศ สั่งจัดตั้ง รพ.สนามภายในเรือนจำ พร้อมยืนยันว่า จะให้การรักษาดูแลผู้ติดเชื้อให้ดีที่สุด โดยจะไม่ให้มีการเข้าเยี่ยมจากภายนอก จนกว่าสถานการณ์ต่างๆ ในเรือนจำจะดีขึ้น โดยรายงานของศบค.พบว่า คลัสเตอร์ราชทัณฑ์ จากเรือนจำทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 13-18 พ.ค.มีผู้ติดเชื้อรวมทั้งสิ้น 11,428 คน
ส่วนการระบาดในพื้นที่อื่นๆ นายกฯกล่าวว่า จะดำเนินการตามมาตรการต่อไป ทั้งการสวมใส่แมสก์ การเว้นระยะห่าง รวมทั้งตรวจสอบ สถานที่เสี่ยง เช่น แคมป์คนงาน โดยสถานที่การแพร่กระจายส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปิด
ส่วนการฉีดวัคซีน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลเปิดให้ประชาชนฉีดวัคซีนโควิด-19 ใน 3 ช่องทาง
-โดยเปิดให้ผู้จองคิวฉีดวัคซีนอายุ 18-59 ปี ในวันที่ 31 พ.ค.นี้ ยืนยันผู้ลงทะเบียนฉีดวัคซีน จะได้รับการฉีดในวันเวลา ที่ลงทะเบียนดังกล่าวอย่างแน่นอน
-ช่องทางที่ 2 คือการลงทะเบียนจุดบริการวัคซีน วอล์กอิน ซึ่งเป็นทางเลือก และ
-ช่องทางที่3 กระจายฉีดวัคซีนคนกลุ่มเสี่ยง คนที่มีความสำคัญกับเศรษฐกิจ ครู นักเรียน คนขับรถไฟฟ้า ฯลฯ
ส่วนเป้าหมายการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในพื้นที่ กทม.พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ได้อย่างน้อย 5 ล้านคน ภายใน 2 เดือน ระหว่างมิ.ย.-ก.ค. เพื่อให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ยืนยันว่า ทุกคนในประเทศไทยจะได้รับการฉีดวัคซีนแน่นอน โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่มิถุนายนนี้เป็นต้นไป ขอยืนยันว่า เรามีวัคซีนที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพ
นายกฯ ย้ำว่า ขณะนี้ หากใครมีเจตนาเผยแพร่ข่าวเป็นเท็จ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และขอให้สื่อทุกคนช่วยกันระมัดระวังการเสนอข่าวให้มากขึ้นด้วย รวมทั้ง ได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมและกองทัพไทย ดูแลเข้มงวดการลักลอบนำคนเข้าบริเวณชายแดน หากพบเจ้าหน้าที่รัฐคนใดเรียกรับผลประโยชน์ ให้ดำเนินการลงโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ไม่มีละเว้น