ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ เวลา 19.30 น.ประจำวันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2564
สมุทรปราการติดเชื้อโควิด-19 อีก 155 คน เสียชีวิต 1 ราย
สถานการณ์โควิด-19 จังหวัดสมุทรปราการ พบผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 155 คน
ในพื้นที่จำนวน 115 คน
อ.เมือง 52 คน
อ.บางพลี 20คน
อ.พระประแดง 28 คน
อ.พระสมุทรเจดีย์ 5 คน
อ.บางบ่อ 1 คน
อ.บางเสาธง 9 คน
รับมารักษาต่อในจังหวัดสมุทรปราการ 40 คน
เสียชีวิต 1 ราย
1.ชายไทย 65 ปี ประวัติเสี่ยง เป็นผู้สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน
โรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง เบาหวาน
ที่อยู่ขณะป่วย ต.เทพารักษ์ อ.เมือง สมุทรปราการ
นนทบุรีติดเชื้อเพิ่ม 137 คน
สถานการณ์โควิด-19 จ.นนทบุรี วันที่ 17 พฤษภาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อจำนวน 137 คน สาเหตุติดเชื้อส่วนใหญ่ภายในตลาดสด สถานที่ทำงาน และภายในครอบครัว แบ่งเป็น เพศหญิง 66 คน เพศชาย 71 คน ต่างชาติ 45 คน (พม่า 37คน ลาว 6 คน ฟิลิปปินส์ 1 คน กัมพูชา 1คน)
ภูมิลำเนา
อำเภอเมือง 82 คน
อำเภอบางบัวทอง 19 คน
อำเภอปากเกร็ด 16คน
อำเภอบางใหญ่ 9 คน
อำเภอบางกรวย 9 คน
อำเภอไทรน้อย 1 คน
มีอาการ 35 คน คิดเป็น 25.5 %
ไม่มีอาการ 102คน คิดเป็น 74.5 %
ความสัมพันธ์ (ผู้ใกล้ชิด 135 คน)
- ตลาดเทศบาลนครนนทบุรี 19 คน
- บริษัท ซันไชน์ 16 คน
- แคมป์อิตาเลี่ยนไทยแจ้งวัฒนะ 7 คน
- บริษัท อะตอม 7 คน
- ตลาดสินไพบูลย์ 2 คน
- ศูนย์ซ่อมรถ SCC 2 คน
- บริษัท โทโฟเค่น 1 คน
- กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ , โรบินสัน รัตนาธิเบศร์ , ร้านนนท์เบเกอรี่
ไม่ทราบสาเหตุ 2 คน
‘อิตาเลียนไทย’ สั่งงดเคลื่อนย้ายคนงานเข้า-ออก เร่งคัดกรองตรวจหาเชื้อเชิงรุก คุมโควิด-19 ระบาดแคมป์งานก่อสร้างหลักสี่
การจัดระเบียบและมาตรการพื้นที่แคมป์ก่อสร้างโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ หลักสี่ ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า บริษัทฯ จัดระเบียบและมาตรการ ประกอบด้วย
1.ปิดไซต์งานก่อสร้าง ทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคและคัดแยกกลุ่มเสี่ยง
2.งดการเคลื่อนย้ายคนงานกลุ่มเสี่ยง
3.เพิ่มมาตรการรัดกุม ในจุดทางเข้า-ทางออก
4.มีการเพิ่ม การรับ-ส่ง อาหารและยารักษาโรคให้มากขึ้น
5.กำหนดพื้นที่เขตควบคุมโรค และจุดรับแจ้งเพื่อดูแลผู้ป่วยมีอาการ
6.เร่งและดำเนินการจัดส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษา
7.เร่งและดำเนินการในการตรวจหาเชื้อเชิงรุก
บริษัทฯ ยังยืนยันด้วยว่าจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือพนักงานตามมาตรฐานด้านสุขอนามัยและความเป็นอยู่ให้ดีที่สุด เพื่อคลายความกังวลใจต่อครอบครัวของพนักงาน เพื่อนร่วมงาน รวมถึงชุมชนโดยรอบ
เรือนจำอุบลฯ ปรับวิธีเยี่ยมญาติ
เรือนจำกลางอุบลราชธานีเปลี่ยนวิธีการเขียนจดหมายให้ผู้ต้องหา โดยให้ญาติเขียนจดหมายเยี่ยมผู้ต้องผ่านแอปพลิเคชันไลน์ แทนการเขียนในกระดาษ นอกจากนี้จะไม่นำผู้ต้องขังไปศาลในกรณีที่ไม่จำเป็น เพื่อป้องกันเชื้อโควิด-19 กลับเข้ามาในเรือนจำ
สำหรับเรือนจำกลางอุบลราชธานี ปัจจุบันมีผู้ต้องขังชาย-หญิง รวมกว่า 6,100 คน แต่ยังไม่พบผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด แต่เรือนจำต้องมีมาตรการเข้มงวดเพื่อป้องกัน โดยออกประกาศงดเยี่ยมผู้ต้องขังตั้งแต่เกิดการระบาดระลอก 3 ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย. การเยี่ยมใช้วิธีเขียนจดหมายผ่านไลน์ ที่เรือนจำจัดทำ โดยส่งจดหมายให้ผู้ต้องหาได้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ส่วนการฝากเงินซื้อของใช้ให้ผู้ต้องขัง ยังอนุญาตตามปกติ พร้อมกันนี้ระหว่างถูกคุมขัง นักโทษต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ทั้งช่วงปล่อยตัวออกมาทำกิจวัตรช่วงกลางวัน และตอนนอน พร้อมกับห้ามนักโทษข้ามแดนไปมา ส่วนน้ำที่ใช้อาบก็ผสมคอลรีนฆ่าเชื้อ ผู้คุมที่ปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละแดน ต้องสวมหน้ากากอนามัยด้วย
รมว.ยุติธรรม คาดโทษ อธิบดีราชทัณฑ์-ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่
กระแสข่าวการสั่งย้าย นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รวมถึง นายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม (ยธ.) ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ไม่ได้สั่งย้ายใครใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงการคาดโทษไว้ และเร่งให้ทำงานแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด-19 อย่างเร็วที่สุด โดยให้นโยบายเน้นการทำงานเชิงรุกกับกรมราชทัณฑ์ ให้ผู้บัญชาการเรือนจำทุกแห่งปฏิบัติตาม และกำชับให้อธิบดี รองอธิบดี และผู้บริหารทุกคนติดตามดำเนินการทั้งหมด เพราะวันนี้การป้องกันโควิด-19 หากหย่อนยานเราจะป้องกันไม่ได้ ทั้งที่เชียงใหม่ รวมทั้งผู้บัญชาการเรือนจำทุกคน ซึ่งและได้คุยกับ นายสุรศักดิ์ แล้ว แม้ว่าการควบคุมโรคใน จ.เชียงใหม่ ไม่ใช่หน้าที่ของเขาโดยตรง ขึ้นอยู่กับผู้ว่าราชการ แต่จะต้องรู้เรื่องในบ้านด้วย โดยในวันที่ 28 พ.ค. จังหวัดเชียงใหม่จะมอบพื้นที่คืนให้เรือนจำ ดังนั้นผู้บัญชาการต้องรู้แล้วว่า เชื้อโรคมีที่มาที่ไปอย่างไร ไม่ให้คนเขาพูดว่าเราปกปิดข้อมูล ต้องนำข้อเท็จจริงออกมาแจง
ดีอีเอส ยืนยันทุกฝ่ายชี้แจงได้ตั้งรพ.บุษราคัม
หลังโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูลเรื่องงบประมาณจัดทำโรงพยาบาลบุษราคัม พร้อมกับตัดต่อภาพประกอบว่าใช้งบประมาณ 239,280,000 บาท สามารถรองรับได้ 1,092 เตียง ตกเตียงละ 220,000 บาท พร้อมกับเปรียบเทียบโรงพยาบาลสนามของพิมรี่พาย ที่ใช้งบประมาณ 170,000 บาท แต่ได้ถึง 50 เตียง ตกเตียงละ 3,400 บาท นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงดิจิทัลฯ ได้ตรวจสอบพบว่า มีความพยายามเชื่อมโยงให้เกิดความเข้าใจผิดถึงการดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามของรัฐบาล
โดยโรงพยาบาลบุษราคัม ที่มีข้อสังเกตเรื่องงบประมาณนั้น จัดตั้งในลักษณะโรงพยาบาลถาวรที่มีมาตรฐาน มีความพร้อมทางการแพทย์ มีอุปกรณ์เครื่องมือดูแลผู้ติดเชื้ออย่างครบครัน มีระบบการดูแลความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์จากหลายจังหวัดจำนวนมาก สับเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุข สามารถชี้แจงรายละเอียดหรืองบประมาณได้ทั้งหมด อีกทั้งภาพที่มีการแชร์เปรียบเทียบในขณะนี้ ก็เป็นภาพเก่า ช่วงที่มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับกลุ่มเสี่ยงเพื่อสังเกตอาการ และเป็นการจัดตั้งในภาวะฉุกเฉิน ก่อนที่จะมีการปรับปรุงให้ได้มาตรฐานในภายหลัง “ขอให้ผู้ที่เป็นต้นตอหรือมีส่วนกับการนำเสนอข้อมูลดังกล่าว ดำเนินการลบโพสต์โดยด่วน และชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องให้สังคมรับทราบ มิเช่นนั้น กระทรวงดีอีเอส อาจต้องดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ต่อไป"
‘หมอพร้อม’ แก้ปัญหาถูกเลื่อนนัดวันฉีดวัคซีนก่อน 7 มิ.ย.
จากกรณีเพจ Drama-addict โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “สอบถามมีใครที่ลงทะเบียนหมอพร้อมให้พ่อแม่แล้ว แล้ววันนี้แอปเลื่อนวันนัดไป หนึ่งถึงสองเดือนถัดไปมั้ยครับ” จากการสอบถามคณะทำงานข้อมูลวัคซีน กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว โดยให้คำตอบ ดังนี้
1.จากการตรวจสอบการจองฉีดวัคซีนโควิด 2 กลุ่มเป้าหมายแรก คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง พบว่า บางจังหวัด บางพื้นที่ได้นำชื่อประชาชนในพื้นที่ของตนเองจองสิทธิฉีดวัคซีนในระบบ โดยไม่ทราบว่า มีประชาชนบางส่วนได้จองสิทธิการฉีดวัคซีนผ่าน “หมอพร้อม” จึงซ้ำกัน และถูกย้ายอัตโนมัติ ซึ่งขณะนี้ได้มีการประสานข้อมูลเกี่ยวกับระบบตรงนี้แล้ว
2.ส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด หมอพร้อมเตรียมวิธีดำเนินการโดยจะนำรายชื่อ ผู้ที่ถูกเลื่อนทั้งหมดในส่วนของพื้นที่กรุงเทพมหานครมาฉีดก่อนวันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งกำลังรอคอนเฟิร์ม สถานที่ และวันเวลากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนต่างจังหวัดจะมีการแก้ไขผ่านสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดต่อไป
WHO ชี้ ความเครียดจากการทำงานเกิน 55 ชม.ต่อสัปดาห์ ทำให้คนงานทั่วโลกเสียชีวิตปีละ 745,000 ราย
นายแฟรงก์ เพกา เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคขององค์การอนามัยโลก(WHO) เปิดเผยว่า ผลศึกษาของ WHO ร่วมกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ(ILO) รวบรวมข้อมูลการเสียชีวิตของแรงงานย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2513 จนถึงปี 2561 ครอบคลุมงานวิจัย 37 ชิ้นเกี่ยวกับคนงานที่ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองอุดตันรวม 839,000 คน และงานวิจัยอีก 22 ชิ้น เกี่ยวกับคนงานที่ป่วยด้วยโรคหัวใจจำนวน 768,000 คน พร้อมทั้งทำการวิจัยโดยการสำรวจข้อมูลต่างๆอีก 2,300 ครั้งใน 154 ประเทศทั่วโลก ทีมวิจัย พบว่า ภาวะเครียดจากการทำงานเกินกว่า 55 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ คือ สาเหตุทำให้คนงานทั่วโลกเสียชีวิต 745,000 รายต่อปี ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองอุดตัน และโรคหัวใจ เนื่องจาก ความเครียดสะสมจากการทำงาน
โดยเฉพาะกลุ่มวัยกลางคนถึงกลุ่มผู้สูงอายุในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในแถบตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกเสียชีวิตมากที่สุด ผลการวิจัย ชี้ว่า การทำงานเกิน 55 ชั่วโมงต่อสัปดาห์มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองอุดตันในอัตราร้อยละ 35 และเสียชีวิตจากโรคหัวใจ ในอัตราร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่ทำงานในเกณฑ์เฉลี่ย 35-40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
แม้ว่าการศึกษาเรื่องนี้จะไม่ครอบคลุมในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปีที่แล้ว แต่ทีมวิจัยเตือนว่าการที่ภาครัฐและเอกชนปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้คนงานทำงานจากบ้าน อีกทั้งเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลกอาจจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการที่คนงานมีพฤติกรรมทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมง
นอกจากนี้ WHO มีข้อมูล ชี้ว่า เมื่อปีที่แล้วในช่วงที่ประเทศต่างๆล็อกดาวน์ทั่วโลก จำนวนชั่วโมงการทำงานโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เสนอแนะให้นายจ้างพิจารณาเรื่องนี้เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพในการทำงานของลูกจ้าง ขอให้นายจ้าง ปรับลดชั่วโมงทำงานของลูกจ้างต่อสัปดาห์ ซึ่งจะเกิดประโยชน์สำหรับฝ่ายนายจ้าง ขณะที่ ฝ่ายลูกจ้าง จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าเดิม พร้อมเสนอแนะว่านายจ้างที่ฉลาด(smart)ย่อมจะไม่เพิ่มชั่วโมงการทำงานให้กับคนงานในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบัน
สภาพัฒน์ฯเสนอเร่งควบคุมโควิด-19 ลดคาดการณ์จีดีพีเหลือร้อยละ 1.5-2.5
การแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทบต่อสภาพเศรษฐกิจไทยต่อเนื่อง ล่าสุดนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสที่ 1/2564 และแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2564 ว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 2564 ลดลงร้อยละ 2.6 หลังจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงปลายปีต่อเนื่องมาถึงช่วงต้นปี ทำให้ทั้งปี สศช. ได้ปรับประมาณการใหม่ จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว ร้อยละ 2.5-3.5 เหลือเพียงขยายตัวร้อยละ 1.5 – 2.5 หรือเฉลี่ยขยายตัวร้อยละ 2 ซึ่งปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ จากการลดลงร้อยละ 6.1ในปี2563
ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนและการส่งออกบริการลดลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนปรับตัวลดลง ร้อยละ0.5 เทียบกับการขยาย ร้อยละ0.9 ในไตรมาสก่อนหน้า
สำหรับรายรับจากนักท่องเที่ยวชาวไทยในไตรมาส1/64อยู่ที่ 93,000 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 51 ส่วนมาตรการการดำเนินมาตรการเปิดประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ (Special Tourist VISA: STV) ส่งผลให้ในไตรมาสนี้ มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจำนวน 20,172 คน (รวมนักท่องเที่ยวกลุ่ม Thailand Privilege Card) อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ16.15ลดลงจากร้อยละ32.49ในไตรมาสก่อนหน้า และต่ำกว่า ร้อยละ 52.40 ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยในปี 2564 จาก 3.2 ล้านคนเป็น 5 แสนคน
ส่วนอัตราการว่างงานอยู่ที่ ร้อยละ 2เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับร้อยละ 1.9 ในไตรมาสก่อนหน้า และสูงกว่าอัตราการว่างงานร้อยละ 1.0 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ -ร้อยละ0.5 ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 2.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. (7.71 หมื่นล้านบาท) หรือคิดเป็น ร้อยละ1.9ของ GDP เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 อยู่ที่ 2.46 แสนล้านดอลลาร์ สรอ. และหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 มีมูลค่าทั้งสิ้น 8,472,187.0 ล้านบาท คิดเป็น53.3% ของจีดีพี
ส่วนคำแนะนำในการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในช่วงที่เหลือของปี 64 สศช.เสนอว่า ควรให้ความสำคัญกับการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศเพื่อให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงและอยู่ในวงจำกัดโดยเร็ว และการป้องกันการกลับมาระบาดรุนแรงในระลอกใหม่ เน้นการบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคและป้องกันการระบาดของภาครัฐอย่างเคร่งครัด ควบคู่ไปกับการยกระดับกระบวนการเฝ้าระวังสอบสวนโรคเชิงรุก โดยเฉพาะการเร่งรัดการตรวจเชิงรุกในเขตพื้นที่หรือชุมชนที่มีความเสี่ยงสูงในกรุงเทพฯ หรือเขตเมืองต่าง ๆ ที่ยังคงเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรง รวมทั้งการดูแลและควบคุมกิจกรรมและกิจการบางประเภทที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของการระบาดของโรคอย่างเข้มงวด
ยอดติดเชื้อโควิด-19พุ่งเกือบหมื่น กดหุ้นไทยติดลบเล็กน้อย
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดวันนี้ที่ระดับ 1,549.16 จุด ลดลง 0.32 จุด มูลค่าการซื้อขาย 98,562.00 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากตลาดฯไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามา ขณะเดียวกันได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศ วันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นเกือบหมื่นราย แต่ส่วนใหญ่พบในเรือนจำ จึงมีแรงขายออกมาในช่วงเช้า และ MSCI ปรับลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยคาดยังกดดันไปอีกราว 1-2 สัปดาห์จนกว่าจะถึง Effective day เมื่อพ้นไปแล้วนักลงทุนต่างชาติก็จะลดแรงขายและอาจจะซื้อมากขึ้น
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดบวกในวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯอาจจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ หลังจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯระบุว่า ประชาชนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่กลางแจ้ง รวมถึงเมื่ออยู่ภายในอาคารของสถานที่ต่างๆ ส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ ฮั่งเส็งปิดที่ 28,194.09 จุด เพิ่มขึ้น 166.52 จุด
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในญี่ปุ่น และในประเทศอื่นๆของเอเชียดัชนีนิกเกอิปิดที่ 27,824.83 จุด ร่วงลง 259.64 จุด
อิสราเอลโจมตีทางอากาศ 820 ครั้ง ทำลายอุโมงค์ใต้ดิน-สังหารแกนนำฮามาส
การสู้รบระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธฮามาสในเขตฉนวนกาซาย่างเข้าสู่สัปดาห์ที่สองแล้วในวันนี้ กองทัพอิสราเอลเปิดเผยทางทวิตเตอร์ว่า อิสราเอลได้ปฏิบัติทางอากาศรวม 820 ครั้ง เพื่อทำลายอุโมงค์ใต้ดินของกลุ่มฮามาสในเขตฉนวนกาซาของปาเลสไตน์ อุโมงค์ใต้ดินของกลุ่มฮามาสตลอดระยะทาง 15 กิโลเมตร ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ไม่สามารถใช้เป็นสถานที่ลอบโจมตีอิสราเอลอีกต่อไป รวมทั้งโจมตีบ้านของกนนำกลุ่มฮามาส สังหารนายฮัซซัม อาบู ฮาร์บีด(Hussam Abu Harbeed) หนึ่งในแกนนำกลุ่มฮามาสเสียชีวิต
ขณะเดียวกัน มีเสียงสัญญาณเตือนภัยในพื้นที่ภาคใต้ของอิสราเอล เช่น เมืองอัชเคลอนและเมืองคิสซูฟิม ขอให้ประชาชนไปหลบอยู่ในสถานที่ปลอดภัย ไม่กี่นาทีหลังกลุ่มฮามาส แถลงว่าพวกเขาได้ระดมยิงจรวดครั้งใหญ่โจมตีอิสราเอล เพื่อตอบโต้การที่อิสราเอลโจมตีทางอากาศยังที่มั่นกลุ่มฮามาสเมื่อคืนวาน ปฏิบัติทางอากาศของอิสราเอลในวันนี้ มีคนเสียชีวิต 42 ราย อีกทั้งเป็นโจมตีทางอากาศที่รุนแรงกว่าเมื่อวาน
ตร.ออสเตรเลีย ค้นกล่องสินค้าไทย พบไอซ์ 316 กิโลกรัม
สื่อออสเตรเลียได้รายงานว่า เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพิทักษ์พรมแดน และตำรวจจรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียได้ยึดยาเสพติดมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.4 พันล้านบาทได้ หลังจากที่สินค้าถูกนำมาพักเก็บไว้ในบริเวณท่าเรือซิดนีย์ จากการตรวจสอบสินค้าที่เป็นกล่องกระดาษแข็งขนาดใหญ่ 62 กล่องก็พบกับ เมทแอมเฟตามีน หรือ ‘ไอซ์’ จำนวน 316 กิโลกรัม ที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในเอาไว้ในเครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ เตาปิ้งย่างและเครื่องทำน้ำอุ่น จากการตรวจสอบพบว่าสินค้าเหล่านี้ถูกขนส่งมาจากประเทศไทย และมาถึงที่ท่าเรือพอร์ตโบตานีเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคมนี้เอง
กล่องสินค้าเหล่านี้ถูกทิ้งเอาไว้ที่ท่าเรือเป็นเวลานานหลายวัน และไม่มีบุคคลใดเข้ามาติดต่อขอรับ หรือแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของ และในขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังทำการสืบขยายผล ซึ่งยังไม่มีรายงานการจับกุมบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าแต่อย่างใด
ตร.ฝรั่งเศส ควบคุมตัวชายขู่วางระเบิดที่สถานกงสุลอิหร่าน
...
ชายจุดไฟเผาตนเองหน้าศาลในนิวยอร์ก ขณะที่มีการไต่สวนคดีทรัมป์
...
ตำรวจสอบสวนกลางทลายโกดัง ย่านนนทบุรี ลอบกักเก็บบุหรี่ไฟฟ้า มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท
...
ข่าวทั้งหมด
