ยูนิเซฟ เรียกร้องให้อียู และ จี-7 บริจาควัคซีนส่วนเกิน 153 ล้านโดสให้โครงการ COVAX

17 พฤษภาคม 2564, 12:20น.


          นายไจแอน คานธี ผู้ประสานงานจากองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ หนึ่งในองค์กรที่เข้าร่วมโครงการขององค์การอนามัยโลก(WHO)ในการจัดซื้อและแบ่งปันวัคซีนทั่วโลกหรือ COVAX เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรุนแรงและต่อเนื่องในอินเดีย มีผู้ป่วยรายใหม่วันละกว่า 300,000 คน ต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ ทำให้สถาบันเซรั่มแห่งอินเดีย (SII) ผู้รับเหมาผลิตวัคซีนรายใหญ่สำหรับโครงการ COVAX ผลิตวัคซีนในปริมาณเพียงพอสำหรับใช้ป้องกันโรคในประเทศเท่านั้น ไม่สามารถผลิตในปริมาณมากพอสำหรับการส่งออกหรือส่งมอบวัคซีนให้กับโครงการ COVAX มาตั้งแต่เดือนมีนาคม



          โครงการ COVAX จึงมีวัคซีนไม่เพียงพอที่จะส่งมอบให้กับประเทศต่างๆทั่วโลก ขาดแคลนวัคซีนอยู่ราว 140 ล้านโดส คาดว่า ตัวเลขอาจเพิ่มเป็น 190 ล้านโดส ภายในปลายเดือนมิถุนายนนี้ ตามข้อตกลงเดิม SII ตั้งเป้าจะทยอยส่งมอบวัคซีนให้กับโครงการ COVAX อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง จากเป้าหมายเดิมคือ 2,000 ล้านในปีนี้ แต่ยังไม่มีแนวโน้มว่า SII จะส่งมอบวัคซีนให้กับโครงการ COVAX เมื่อใด ยูนิเซฟ ขอให้กลุ่ม 7 ประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกหรือ กลุ่มจี-7 และกลุ่มสหภาพยุโรป ร่วมบริจาควัคซีนบางส่วนให้กับโครงการ COVAX



          ยูนิเซฟ ระบุว่า จากการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนทั่วโลก ยูนิเซฟ พบว่า กลุ่มจี-7 และกลุ่มอียู สั่งซื้อวัคซีนในปริมาณสูงเกินสัดส่วนประชากร หลังการฉีดวัคซีนให้ประชากรครบทุกคน ยูนิเซฟ คาดว่า กลุ่มประเทศที่มีฐานะร่ำรวยทั้งจากกลุ่มจี-7 และกลุ่มอียูยังมีวัคซีนคงเหลือรวมกันราว 153 ล้านโดส ควรจะนำมาบริจาคสมทบให้กับโครงการ COVAX เพื่อให้สามารถกระจายวัคซีนทั่วโลก ทั้งนี้  ผู้นำจากกลุ่มจี-7 ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่นจะประชุมกันในอังกฤษในเดือนหน้า



Cr: BBC

ข่าวทั้งหมด

X