+++กรณี พล.อ.สำเริง พินกลาง ประธานคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ ยื่นหนังสือให้นายพงศ์โพยม วาศภูติ ประธานกรรมาธิการปฏิรูปการปกครองท้องถิ่น และนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เรื่อง ขอให้ยุบรวมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อให้เกิดการใช้งบประมาณของรัฐเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายมิให้เกิดการทับซ้อนกัน และให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อราชการ โดยภาคีเครือข่ายฯได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตต่างๆ ในหลายพื้นที่ เพื่อมอบให้คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องนำไปเป็นข้อมูลประกอบการปฏิรูปประเทศ ต่อมามีผู้บริหารท้องถิ่นแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวางในเรื่องนี้ นายชัยมงคล ไชยรบ นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วันที่ 12 ก.พ.นี้ นายกอบจ.ทั่วประเทศจะเดินทางมารวมตัวที่อาคารรัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือให้นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยมีสาระสำคัญในการปฏิรูปกฎหมายท้องถิ่นหลายฉบับ และแนวทางการกระจายอำนาจในอนาคต จากนั้นนายก อบจ.ทั้งหมดจะร่วมหารือเพื่อวางกรอบแนวทางในการเคลื่อนไหว ให้มีการผลักดันแนวทางการกระจายอำนาจให้มีความชัดเจนต่อไป
+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับปลัดกระทรวง โดยได้กำชับให้ทุกกระทรวงเร่งทำงานตามนโยบาย และเร่งรัดแก้ไขปัญหาทุกด้านที่สั่งไว้ ทั้งด้านตลาดนัด ตลาดสินค้าเกษตร การช่วยเหลือเกษตรกรอย่างยั่งยืนสำนักโฆษกรัฐบาล ระบุว่า นายกฯ สั่งการในที่ประชุมว่า ให้เร่งการจ่ายเงินให้กับเกษตรกรชาวนาและชาวสวนยางที่ยังตกค้างอยู่ และให้มีการประเมินผลการทำงาน หากยังไม่ได้ผลให้มีการยกเลิกและหามาตรการช่วยเหลือด้านอื่นๆ แทน
+++นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรฯ กล่าวว่า การจ่ายเงินชาวนา ผู้ปลูกข้าวขณะนี้จ่ายเงินไปแล้วร้อยละ 99 คงเหลืออีก 8 หมื่นราย ส่วนยางพารานั้นยังเหลืออีก 1 แสนรายที่ยังไม่ได้จ่ายเงินจาก 8.5 แสนราย จะเร่งประสานกับธนาคารให้จ่ายเงินในเดือนนี้
++++นายศักดิ์สฤษดิ์ ศรีประศาสตร์ แกนนำเครือข่ายชาวสวนยางรายย่อย 16 จังหวัดภาคใต้ ยืนยันว่า ช่วงบ่ายวันนี้ ยังมีการประชุมแกนนำชาวสวนยาง ที่จ.ตรัง เหมือนเดิม ทางบรรดาแกนนำจะมาเข้าร่วมประชุมตามปกติเพื่อเสนอทางออกและสะท้อนปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวสวนยาง
+++นายกฯ สั่งการให้มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ ที่ยังมีความล่าช้าเบิกจ่ายได้เพียงร้อยละ 60 และมีการลงนามทำสัญญาไปแล้วเพียงร้อยละ 20-30 เท่านั้น ส่วนที่เหลือยังอยู่ระหว่างการรอทำสัญญา โดยเชื่อว่าหลังจากนี้จะเร่งรัดเบิกจ่ายได้เร็วขึ้นในช่วงท้ายของไตรมาสแรก และต้นไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ
+++ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ปรับประมาณการขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้เหลือร้อยละ 3.9 จากเดิมร้อยละ 4.1 โดยการส่งออกจะขยายตัวเพียงร้อยละ 1.4 จากปีก่อนที่ติดลบร้อยละ 0.2 ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวนัก
+++ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวว่า ปีนี้การส่งออกของไทยจะหนักและเหนื่อยมากขึ้น เพราะสินค้าส่งออกที่ยังเติบโตได้ขณะนี้มีแค่ร้อยละ 30 ที่เหลืออีกร้อยละ 70 แข่งขันไม่ได้ ขณะที่การค้าชายแดนก็ขายได้ชั่วคราว ต้องหันมาพิจารณาเรื่องความสามารถในการแข่งขันให้มากขึ้นใหม่ หันมาให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการหน้าใหม่ให้มากขึ้น เพราะกลุ่มนี้จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจไทย
+++ราคาทองคำ ทำสถิติร่วงลงวันเดียวคิดเป็นเปอร์เซ็นต์รุนแรงที่สุดในรอบ 13 เดือน หลังนักลงทุนขายสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสไม่ว่าจะเป็นยอดผู้ขอเข้ารับสิทธิประโยชน์คนว่างงานสหรัฐฯที่ลดลง และธนาคารกลางอเมริกา(เฟด) ยืนยันไม่รีบร้อนขึ้นดอกเบี้ย ทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 31.30 ดอลลาร์หรือร้อยละ 2.4 ปิดที่ 1,254.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส ไลต์สวีตครูด ของตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ ปิดที่ 44.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน ก็ผันผวนเช่นกัน ก่อนเพิ่มขึ้น 66 เซนต์ ปิดที่ 49.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ รายงานว่าสต๊อกน้ำมันดิบของประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้นถึง 8.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 406.7 ล้านบาร์เรล สูงที่สุดนับตั้งแต่รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มจดบันทึกข้อมูลรายสัปดาห์ในปี 1982 ส่งสัญญาณว่าน้ำมันยังคงอยู่ในช่วงขาลง
+++ด้านดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2543 นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ปรับเพิ่มการประเมินเศรษฐกิจภายในประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,416.85 จุด พุ่งขึ้น 225.48 จุด ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,683.41 จุด เพิ่มขึ้น 45.42 จุด และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,021.25 จุด เพิ่มขึ้น 19.09 จุด
+++รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลง เปิดตัวรายงานความก้าวหน้าในการต่อต้านการค้ามนุษย์ของไทย ประจำปี2557 ที่ทำเนียบรัฐบาล
+++ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว นายทรงกลด ศรีประสงค์ อายุ 40 ปี อดีตผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ถนนศรีนครินทร์ และ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ อายุ 56 ปี ผู้อำนวยการส่วนการคลัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ร่วมกับพวกปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม ยักยอกเงิน สจล.กว่าพันล้านบาท พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ได้เดินทางไปพบ น.ส.อำพร และนายทรงกลด ที่ทัณฑสถานมีนบุรี เพื่อแจ้งพฤติการณ์การกระทำผิดเพิ่มเติมให้ทั้ง 2 คนทราบ พร้อมกับสอบปากคำทั้ง 2 คน ซึ่งจากการสอบปากคำทั้งคู่ยังให้การไม่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ได้ให้การซัดทอดกันเอง โดย น.ส.อำพรไม่ได้มีการพาดพิงถึงบุคคลอื่นๆ ในคดี แต่ยังคงมีความโกรธแค้นนายทรงกลดมาก และยังให้การว่าเหมือนถูกนายทรงกลดหลอก พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. หัวหน้าทีมสอบสวนคดียักยอกเงิน สจล.เปิดเผยถึง ความพร้อมในการส่งฟ้องว่าตอนนี้ทั้ง น.ส.อำพร และนายทรงกลด เพิ่งฝากขังผลัดที่ 4 ไปเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ตอนนี้ได้ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดจัดเรียงเป็นสารบบ และในวันนี้ จะเรียกประชุมปรึกษากันระหว่างฝ่ายสืบสวนกับฝ่ายสอบสวนว่า สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานไปได้มีความคืบหน้าและยังขาดอะไรที่จะเอามาเสริม ฝ่ายสืบสวนจะหาพยานหลักฐานอะไรมาช่วยสนับสนุนได้ โดยเจ้าหน้าที่พยายามจะทำสำนวนให้เสร็จก่อนครบกำหนดฝากขังผลัดที่ 5 เพื่อส่งให้อัยการตรวจสำนวนคดี
+++ความคืบหน้าการออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ ซึ่งครบกำหนดนัดหมายไปเมื่อวันที่ 27 ม.ค.จนถึงขณะนี้ยังมีผู้ที่ไม่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน 3 คน คือ นายธีรยุทธ์ สหกรอุดมการ นายเสกสิทธิ์ ทิพย์จินดาชัย และน.ส.อรกัญญา ศิวัชกมลกร ซึ่งบุคคลดังกล่าวตำรวจตรวจพบว่ามีการโอนเงินจำนวนไม่ต่ำกว่า 40-50 ล้านบาท จากนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ ซึ่งในวันนี้ พนักงานสอบสวนจะประชุมเพื่อพิจารณาออกหมายเรียกในรอบที่ 2 อีกครั้ง
+++ส่วนเอกสารของธนาคารพาณิชย์ ล่าสุด ได้เอกสารมาจากธนาคารกรุงไทย ตอนนี้อยู่ระหว่างรอตรวจสอบว่าเป็นเอกสารเกี่ยวกับอะไร ส่วนเอกสารจากธนาคารไทยพาณิชย์ ก็ได้เพิ่มเติมมาจำนวนมาก จนใกล้ครบตามที่ต้องการแล้ว โดยเฉพาะเอกสารตัวจริงเกี่ยวกับบัญชีของ สจล. ที่ธนาคารไทยพาณิชย์นำมาให้ในตอนแรกนั้น เป็นเพียงแค่สำเนา ก็ได้มาแล้วอยู่ระหว่างการตรวจสอบ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้หลักฐานที่พบว่าเป็นแคชเชียร์เช็ค เซ็นให้กับกลุ่มผู้ต้องหา จำนวนที่นำออกไปเป็นหลักร้อยล้าน ซึ่งตรงนี้ตำรวจต้องการรู้ว่าใครเป็นคนสั่งซื้อ เพราะว่าตัวแคชเชียร์เช็คจะไม่มีลายเซ็น ตำรวจก็ต้องหาเอกสารการซื้อมาดู เพราะจะมีลายเซ็นคนสั่งซื้ออยู่ในเอกสาร
+++คลิปสาวเต้นโพลแดนซ์ในรถไฟใต้ดินที่ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม จนการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ผู้ให้การบริการรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ได้ออกมาตักเตือนถึงการกระทำดังกล่าวนี้ว่า เข้าข่ายสร้างความเดือดร้อนและรบกวนผู้โดยสารคนอื่น ถือเป็นพฤติกรรมต้องห้ามและไม่ควรทำขณะทำการโดยสาร เนื่องจากอาจจะก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้ ล่าสุด วุ้นเส้น-ปาจรีย์ วรภัณฑ์พิศิษฎ์ เตรียมเข้าขอโทษ รฟม.ถึงการกระทำดังกล่าวในวันที่ 30 ม.ค.
+++ส่วนช่วงบ่าย พล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 และ พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี แถลงข่าวความคืบหน้าคดีศพยัดกระเป๋า ท้องที่ สภ.ท่าม่วง ณ ห้องประชุม ภ.จว.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นศพของ น.ส.ลักษมี มะโนชาติ อายุ 31 ปี สาวที่ถูกฆ่ายัดใส่กระเป๋าทิ้งแม่น้ำแม่กลอง ท้องที่ อ.ท่าม่วง เหตุเกิดต้นเดือน พ.ย.
+++คดีศพหญิงสาว ถูกฆ่าหั่นศพแยกใส่ถุง 5 ใบ ทิ้งในป่าใต้สะพานลอยต่างระดับ ริมถนนมิตรภาพขาขึ้น ท้องที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตน่าจะถูกฆ่ามาจากที่อื่น และน่าจะเสียชีวิตประมาณ 1 เดือนแล้ว ช่วงเทศกาลปีใหม่คนร้ายได้หั่นศพแยกเป็นชิ้น แล้วนำใส่ถุงปุ๋ย ใส่รถมาทิ้งไว้ในจุดดังกล่าว ชุดสืบสวนตำรวจภูธรสระบุรี เร่งตรวจกล้องวงจรปิดตามถนนสายบ้านนา-แก่งคอย และตามถนนมิตรภาพ เพื่อหาตัวผู้ต้องสงสัย พร้อมกับให้ประสานพื้นที่ใกล้เคียง ตรวจสอบว่ามีคนหาย หรือมีการแจ้งความคนหายหรือไม่ เพื่อเป็นเบาะแสในการสืบสวนสอบสวนต่อไป อย่างไรก็ตาม จากสภาพศพและสภาพพื้นที่ที่พบศพ คาดคนร้ายน่าจะขับรถขึ้นไปบนสะพานต่างระดับ แล้วจอดโยนถุงใส่ศพลงมาข้างล่าง ซึ่งเป็นป่ารก ทำให้ถุงตกไปอยู่ในป่า จนเวลาผ่านไปนานร่วมเดือน จึงมีคนไปพบ