กระทรวงสาธารณสุข เผยนโยบายให้ประชาชน Walk in ฉีดวัคซีนโควิด-19 เริ่มอย่างเป็นทางการเดือนมิถุนายน 2564 ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบระบบ และให้คณะกรรมการโรคติดต่อแต่ละจังหวัด กำหนดจุดฉีดวัคซีน และจำนวนที่จะฉีดแต่ละวัน
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ของโรคโควิด-19 มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก จึงต้องมีการบริหารจัดการที่ทันต่อสถานการณ์ เช่น การฉีดวัคซีนซึ่งมีแผนหลักกำหนดไว้ในเดือนมิถุนายน 2564 ซึ่งมีข่าวดีคือจะได้รับวัคซีนหลักเร็วขึ้นในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ จึงสามารถปรับเปลี่ยนการฉีดให้เร็วขึ้นได้ โดยเฉพาะในกทม.
สำหรับการลงทะเบียนมี 3 ช่องทาง คือ
1.“หมอพร้อม” จะรู้ว่าได้ฉีดวัคซีนวันไหน มีความสะดวกมากขึ้น ไม่แออัด ได้รับบริการตามระบบ
2.ช่องทางรองรับผู้ที่ไม่สะดวกใช้เทคโนโลยี “หมอพร้อม” โรงพยาบาล/ อสม. สำรวจและจดรายชื่อผู้ที่เข้าเกณฑ์ได้รับวัคซีน ซึ่งโรงพยาบาลมีข้อมูลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้สูงอายุ
3. การฉีดวัคซีนในสถานที่ที่มีความสะดวก หรือ walk in ที่ยังเป็นการแก้ปัญหาที่อยู่ไม่ตรงกับบัตรประชาชน ขณะนี้หลายหน่วยงานได้ทดสอบระบบ เช่นที่ เซ็นทรัลลาดพร้าว สามย่านมิตรทาวน์ ซึ่งมีคนสนใจ walk in จำนวนมาก และจะเริ่มดำเนินการจริงในเดือนมิถุนายนนี้ เป็นช่องทางที่จะทำให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น โดยเฉพาะในกทม.
ส่วนในต่างจังหวัด การบริหารจัดการวัคซีนขึ้นอยู่กับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ส่วนกลางจะส่งวัคซีนตามยอดที่จะฉีดร้อยละ 70 ของจำนวนประชากร ให้จังหวัดไปจัดบริการ 3 กลุ่ม คือ หมอพร้อม, อสม./รพ.กำหนดมา และกลุ่ม walk in ในจังหวัดที่มีความพร้อม โดยกำหนดจุดฉีดวัคซีนที่ประชาชนเข้าถึงสะดวก และจำนวนที่จะให้บริการ walk in ได้ หากคิวเต็มจะให้บัตรนัดมารับการฉีดในวันที่สะดวก เป็นการจองคิวหน้างาน ประชาชนสอบถามจุดบริการฉีดวัคซีนได้ที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด คาดว่า จะทยอยประกาศจุดบริการของแต่ละจังหวัดในสัปดาห์หน้า
นายแพทย์โอภาส กล่าวว่า ย้ำว่าการฉีดวัคซีนแบบเป็นทางการจะเริ่มมิถุนายน 2564 ปลายพฤษภาคมเป็นช่วงการซ้อมทดสอบระบบ ขณะนี้เป็นช่วงการสำรวจข้อมูลของทุกจังหวัดและกทม. ทั้งจุดที่จะเปิดบริการ วันเวลา จำนวนการให้บริการ เพื่อจัดส่งวัคซีน กระทรวงสาธารณสุข เตรียมเปิดบริการ walk in ที่สถานีกลางบางซื่อในเดือนมิถุนายน และจะประกาศจำนวนที่จะฉีด โดยคาดว่าเปิดบริการเวลา 12.00 – 20.00 น. ตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมอบนโยบายไว้ว่า ต้องเป็นเวลาที่ประชาชนสะดวกมาฉีดได้หลังเลิกงาน เป็นต้น
ขณะนี้มีการฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 2 ล้านโดส จากที่มีวัคซีน 2 ล้าน 4 แสนโดส และตั้งแต่กลางพฤษภาคมเป็นต้นไป คาดว่าจะมีวัคซีนมาประมาณ 3 ล้านโดส ซึ่งจากที่มีหน่วยฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล 100 แห่ง หากแต่ละแห่งฉีดได้วันละ 500 โดส จะฉีดได้วันละ 5 แสนโดส หรือเดือนละ 10-15 ล้านโดส ดังนั้น จำนวน 100 ล้านโดสไม่เกินกำลังที่จะสามารถฉีดให้ประชาชนได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยวัคซีนแอสตราเซเนกา จะฉีดห่างกัน 10-12 สัปดาห์ มีข้อมูลใหม่พบว่า หากเว้นระยะการฉีดห่างกันนานกว่านั้นจะมีภูมิคุ้มกันยิ่งดีขึ้น เช่น 16 สัปดาห์ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข อาจจะประกาศให้ฉีดห่างกันนานขึ้น และการฉีดวัคซีนโควิด-19 จะต้องฉีดห่างจากวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 1 เดือน
ส่วนการฉีดให้กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ขณะนี้ได้เจรจากับบริษัทไฟเซอร์ ซึ่งสามารถฉีดให้ในอายุ 12 ปีขึ้นไป การเจรจาเป็นไปได้ด้วยดี จะสามารถส่งมอบได้ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ และเมื่อได้รับวัคซีนมาแล้วก็จะทยอยฉีดให้กับประชาชนอายุตั้งแต่ 12-18 ปี ต่อไป สำหรับหญิงตั้งครรภ์ขณะนี้ยังไม่กำหนดให้ฉีด
สำหรับกลุ่มเสี่ยงอื่น ๆ เช่น ขับรถสาธารณะ แท็กซี่ คนขับรถตู้ ทำงานในสนามบิน จะจองได้ทั้งทางหมอพร้อม คาดว่าหมอพร้อม จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองนัดฉีดวัคซีนได้ปลายเดือนพฤษภาคม 2564 และนัดแบบเฉพาะเจาะจงเป็นกลุ่ม เช่น สมาคมแท็กซี่ สมาคมมัคคุเทศก์ ชมรมร้านอาหาร ยื่นความจำนงไปที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/ กทม. รวมทั้งการ walk in
...